บทที่ 235 โด่งดังน่าตื่นตะลึง
การสังหารปะทุขึ้นตลอดคืนไปเช่นนี้เอง นี่คือศึกใหญ่ระหว่างกรมปราบพิฆาตกับกลุ่มนกเขาราตรี ในขณะเดียวกัน ต่างเผ่าและพันธมิตรที่เดินทางมาก็จับตาดูเรื่องนี้มาก
เพราะ…ขอบเขตการประกาศใช้กฎห้ามออกจากเคหสถานยามค่ำคืนของกรมปราบพิฆาตครั้งนี้กว้างมาก การโจมตีสังหารเหี้ยมโหด และสิ่งที่ทำให้คนต้องตื่นตะลึงยิ่งกว่าในนั้นชื่อของเหยียนเหยียนในนามของพี่สะใภ้ก็ได้เลื่องลือไปทั่วกรมปราบพิฆาต ขอเพียงเอ่ยปากเรียกนางพี่สะใภ้ นางก็จะมอบลูกกลอนหรือไม่ก็หินวิญญาณให้
ขอเพียงเจอกับอันตราย นางก็จะปรากฏตัวขึ้นบนหลังหมึกยักษ์ทันที มีผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณคุ้มครอง ทุกอย่างราบรื่นไร้อุปสรรค
จนเมื่อหนึ่งคืนผ่านไป กรมปราบพิฆาตเนื่องจากเหยียนเหยียนเข้าร่วมด้วย ดังนั้นการบาดเจ็บล้มตายจึงไม่มาก
ส่วนจำนวนของกลุ่มนกเขาราตรีที่สังหารไปก็น่าตกใจนัก สมาชิกกลุ่มนกเขาราตรีที่รวมตัวจากทั่วทั้งทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณกว่าสี่พันคน ในคืนนี้หากไม่ถูกจับเป็น ก็ถูกตัดหัวแขวนไว้บนกำแพงจากการขัดขืน
จวบจนเช้าวันที่สอง ยามเมืองหลักดำเนินไปตามปกติ หลายๆ ที่ก็ยังสัมผัสได้ถึงคาวเลือดที่หลงเหลืออยู่ และในการสังหารทั้งคืนนี้กรมปราบพิฆาตก็กลายเป็นจุดรวมสายตาของขั้วอำนาจฝ่ายต่างๆ ของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต
แม้กลุ่มนกเขาราตรีส่วนมากจะเป็นผู้บำเพ็ญระดับรวมปราณ กรมปราบพิฆาตเองก็เช่นกัน ทว่าสำหรับต่างเผ่าเหล่านี้ สิ่งที่พวกเขาเฝ้าดูไม่ใช่พลังบำเพ็ญของผู้บำเพ็ญระดับต่ำพวกนี้ แต่เป็นความเหี้ยมโหดที่ซ่อนอยู่ในกมลสันดานภายใต้การปกครองด้วยการเลี้ยงกู่
ความเหี้ยมโหดเช่นนี้ทำให้ต่างเผ่าและพันธมิตรไม่น้อยต่างยกระดับคำวิจารย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิต ขนาดลูกศิษย์ระดับล่างยังขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นกำลังอันแข็งแกร่งที่ปีนจากระดับล่างและเหล่าระดับสูงเห็นได้ชัดว่าในด้านความเหี้ยมโหดจะต้องมากยิ่งกว่าอย่างแน่นอน
ในเมื่อ ผู้ที่สามารถผงาดขึ้นมาได้จากฝูงหมาป่า จะต้องเป็นราชันหมาป่าอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน พวกเขาก็เตรียมจับตามองสวี่ชิง
แต่สวี่ชิงก็เก็บตัวเงียบเหลือเกิน หลังจากสู้กับซือหม่าหลิงแล้วก็ไม่ปรากฏตัวขึ้นอีก น้อยครั้งที่จะออกจากคุกกรมปราบพิฆาต นี่ทำให้ขั้วอำนาจฝ่ายต่างๆ ที่จับตามองเขายากจะสืบ
และในคืนวานนี้ เนื่องจากมีเหยียนเหยียนเข้าร่วม สวี่ชิงก็ไม่จำเป็นต้องทำอันใด
เรื่องนี้ สวี่ชิงก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เล็กน้อย ก่อนหน้านี้เหยียนเหยียนมาหาเขาหลายครั้ง หลังจากที่เขาปฏิเสธไปหลายครั้งติดก็หายไป สวี่ชิงเดิมคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่มารบกวนแล้ว
แต่คิดไม่ถึงว่านางจะเข้าร่วมกับการรวบตาข่ายกลุ่มนกเขาราตรีด้วย
สำหรับคำพูดเหล่านั้นของเหยียนเหยียนก็เล่าลือมาถึงหูเขาเช่นกัน แต่เห็นแก่ความกระตือรือร้นช่วยเหลือของนาง เขาจึงไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร
เขากำลังรอ รอให้หลังจากที่ช่องเวทสองช่องสุดท้ายเปิด จุดไฟชีวิตดวงที่สามติด และกำลังรอแมลงสีดำที่อยู่ในระหว่างการเพาะเลี้ยงอยู่ตลอด พลังเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้เขากำลังรอการรวบตาข่ายของกรมปราบพิฆาตนี้อยู่ตลอด กลุ่มนกเขาราตรีที่ซ่อนตัวอยู่ในสาขาใหญ่ของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตจะถูกบีบออกมา เมื่อถึงตอนนั้นก็จะเป็นตอนที่เขาลงมือโจมตีสังหารโดยสมบูรณ์
ดังนั้น สวี่ชิงจึงเหมือนจำศีลไม่ออกไปทำตัวให้โดดเด่น แต่ยกระดับกำลังรบและพลังบำเพ็ญสุดกำลัง
และสำหรับการทำลายแหล่งกบดานของกลุ่มนกเขาราตรีก็ไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำให้สำเร็จได้ในคืนเดียว ดังนั้นในหลายวันหลังจากนั้นปฏิบัติการครั้งนี้ยังคงดำเนินไป
การแสดงศักดาที่กรมปราบพิฆาตใช้ความบ้าคลั่งและความฮึกเหิมดุดันเผชิญหน้ากับกลุ่มนกเขาราตรีไปเช่นนี้ แต่ละวันก็ได้ผ่านไป ในที่สุดวันที่เผ่าสิงซากสมุทรในฐานะที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็มาถึง!
ผู้มาเยือนคือโหวอั้นจั่วเผ่าสิงซากสมุทร พลังบำเพ็ญระดับปราณก่อนกำเนิด นี่เป็นเพียงครั้งเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ออกมา ในฐานะที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้
ผู้ที่มากับเขายังมีอิงหลิง เด็กระดับแก่นลมปราณคนนั้นที่สวี่ชิงได้เจอในตอนนั้นและ…เหมี่ยวเฉินที่อยู่ในฐานะเชลย ถูกคุมขังอยู่ในสำนักเจ็ดเนตรโลหิต
เขาไม่อยากมา แต่ก็จนปัญญา มีเพียงสถานะรายชื่อในอันดับของเขาเท่านั้นที่จะเป็นเชลยของเผ่าสิงซากสมุทรได้ ความอัปยศและความคลุ้มคลั่งในใจรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
แต่ก็ทำได้แค่อดทน
ในขณะเดียวกัน เขาก็เกลียดสวี่ชิงเข้ากระดูกดำ แต่กลับทำอะไรไม่ได้
และการมาเยือนของเผ่าสิงซากสมุทรก็ทำให้งานเลี้ยงครั้งนี้มาถึงจุดสูงสุด จากเสียงดังก้องกังวานของระฆังสำนัก ใบหน้าของเสี่ยเลี่ยนจื่อลอยอยู่บนท้องฟ้า ก้มมองมาข้างล่าง
เจ้ายอดเขาลำดับหนึ่งในฐานะตัวแทนฝ่ายสำนักเจ็ดเนตรโลหิตได้เรียกกลุ่มเผ่าสิงซากสมุทรที่พ่ายแพ้มาท่ามกลางการจับจ้องจากต่างเผ่ามากมายและพันธมิตรเจ็ดสำนัก โหวอั้นจั่วแห่งเผ่าสิงซากสมุทรก็ยื่นหนังสือยอมจำนนและปฏิกรรมสงครามไปอย่างอัปยศ
ยังมีแผ่นหยกคำสาบานเต๋าของผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณขึ้นไปทุกคนของเผ่าสิงซากสมุทรอีกด้วย
สุดท้ายคือการถ่ายโอนสิทธิ์ทุกอย่างใน…เทวรูปบรรพชนศพเผ่าสิงซากสมุทรบนแผ่นดินเผ่าสิงซากสมุทรพร้อมกัน
สำนักเจ็ดเนตรโลหิตยังคงมีเจ้ายอดเขาสองคนอยู่ที่แผ่นดินเผ่าสิงซากสมุทรนั่นไม่ได้กลับมา พวกเขากำลังรับเทวรูปบรรพชนศพที่แผ่นดินเผ่าสิงซากสมุทร
รับผิดชอบย้ายพวกมันจากตำแหน่งเดิม ขณะเดียวกันก็วางค่ายกลส่งข้ามขนาดมหึมาค่ายกลหนึ่ง
จุดประสงค์ของค่ายกลนี้คือส่งข้ามเทวรูปบรรพชนศพขนาดมหึมาสององค์กลับไปที่สำนักเจ็ดเนตรโลหิต ในฐานะสินสงคราม
แม้ทุกฝ่ายรู้สึกว่าเทวรูปที่ออกจากแผ่นดินชนเผ่าสิงซากสมุทรจะไม่มีประโยช์อะไร ทว่านี่เห็นได้ชัดว่าเป็นของที่ล้ำค่าที่สุดของเผ่าสิงซากสมุทร ดังนั้นก็สามารถเข้าใจข้อเรียกร้องของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตได้
หากเปลี่ยนเป็นเผ่าอื่นก็ล้วนเรียกร้องแบบนี้เช่นกัน
เพียงแต่เนื่องจากระยะห่างไกลกันมาก อีกทั้งครั้งนี้สำนักเจ็ดเนตรโลหิตไม่อยากเปลี่ยนจุดส่งข้ามกลางทางที่เกาะเงือก อยากส่งข้ามเทวรูปมายังทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณเลย ดังนั้นการวางค่ายกลจึงต้องใช้เวลา
แต่เวลานี้ก็ไม่ได้เนิ่นนานนัก การส่งข้ามนี้…สามารถเสร็จสิ้นสมบูรณ์ได้ก่อนที่งานเลี้ยงจะจบลงแน่นอนจากการวิเคราะห์ของแต่ละฝ่าย
การยอมจำนนของเผ่าสิงซากสมุทรดันให้งานเลี้ยงของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตมาถึงระดับที่สูงกว่าเดิม กลายเป็นการจับตามองจุดสำคัญของเผ่าต่างๆ และเหล่าพันธมิตร ทำให้แม้แต่ความร้อนแรงจากการท้าประลองแสดงศักดาของพันธมิตรเจ็ดสำนักลดระดับลง
สุดท้ายของรางวัลจากวีรกรรมสงครามที่ยังไม่ได้แจกจ่าย สำนักก็ได้แจกจ่ายลงมาให้จากการที่เผ่าสิงซากสมุทรจ่ายปฏิกรรมสงคราม จำนวนหินวิญญาณของสวี่ชิงรวมกับผลเก็บเกี่ยวจากซือหม่าหลิงจึงมากมายอย่างไม่เคยมีมาก่อน
จิตใจของเขายิ่งเบิกบานยินดีกว่าปกติ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา