เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 288

บทที่ 288 คิดทบทวนอย่างหนัก

“เขตแดนจิต?” ดวงตาสวี่ชิงเผยแววครุ่นคิด เงยหน้ามองแม่น้ำสายหลักผาดหนึ่ง ค่อยๆ มองไม่เห็นเงาของขบวนเรือสำนักเซียนล้ำบารมี

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สวี่ชิงได้ยินคำนี้ องค์หญิงเผ่าสิงซากสมุทรคนนั้นบอกว่าวิชาที่จักรพรรดิเผ่าสิงซากสมุทรบิดานางฝึกบำเพ็ญ ก็เกี่ยวข้องกับสิ่งนี้

‘บรรลุหรือ’ สวี่ชิงพึมพำในใจ ขณะที่จดจำเรื่องนี้ไว้ในใจ ก็อวยพรให้หลี่จื่อเหมยเงียบๆ

เวลาถัดมา ทั้งหมดราบรื่น การฝึกบำเพ็ญของสวี่ชิงก็เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ กระทั่งผ่านไปอีกหนึ่งเดือนกว่า กรมคุ้มกันพิเศษของหุบเขาประกายวิญญาณก็มาถึง

นายกองก็กลับมาในช่วงนี้ ดูท่าทางเขาอิ่มอกอิ่มใจ เห็นได้ชัดว่าได้อะไรมาไม่น้อย โดยเฉพาะสีผิวของนายกองที่สวี่ชิงรู้สึกได้ว่าเหมือนจะดีขึ้นเล็กน้อย

ราวกับ…ผ่านการลอกคราบ

กลิ่นอายนายกองก็เฉียบคมยิ่งกว่าก่อนหน้า

“เสร็จแล้วหรือ” สวี่ชิงมองนายกองผาดหนึ่ง

“เสร็จแล้ว ฮ่าๆ อาชิงน้อยข้าจะบอกเจ้าไว้ ตอนนี้ให้พวกเราสองคนสู้กัน แพ้ชนะก็ไม่ค่อยจะแน่ใจแล้วนะ ข้าปลดผนึกได้อีกหนึ่งแล้วด้วย” นายกองเอ่ยอย่างภูมิใจ

สวี่ชิงได้ยินก็ไม่พูดอะไร เมื่อนายกองกำลังจะส่งสื่อเสียงต่อ สมาชิกของกรมคุ้มกันพิเศษหุบเขาประกายวิญญาณก็มาถึงแล้วเวลานี้

นายกองรู้ว่าสวี่ชิงไม่ชอบคบค้าสมาคมจึงไปรับเอง เพียงไม่นานศิษย์ของหุบเขาประกายวิญญาณก็ลงหลักปักฐาน เมื่อศิษย์เนตรโลหิตส่งมอบธงให้ ก็เหยียบขึ้นเรือแล้วแล่นออกจากที่นี่

ระหว่างทางที่กลับไปไวกว่าขามาพอสมควร ด้านหนึ่งคือไม่จำเป็นต้องตรวจสอบสองฝั่งแม่น้ำอย่างละเอียดเช่นขามา อีกด้านหนึ่งคือเพราะแล่นตามกระแสน้ำ ทำให้เรือใหญ่ที่เพิ่มพลังความเร็ว จึงเร็วยิ่งขึ้น

หลังจากผ่านไปหลายวันเช่นนี้ เมืองคู่บารมีของพันธมิตรแปดสำนักก็สะท้อนในดวงตาศิษย์ทั้งหมดของกรมคุ้มครองพิเศษ ดวงตาทุกคนเผยแววยินดีปรีดา

ถึงอย่างไรภารกิจนี้ก็ใช้เวลายาวนาน พวกเขาไม่ได้กลับสำนักนานแล้ว ทว่าสิ่งที่ได้รับก็ไม่น้อยเลย พลังบำเพ็ญไม่เพียงเพิ่มพูนขึ้น ไอพลังประหลาดในร่างกายก็ลดลงมหาศาล ที่สำคัญยิ่งกว่าคือพวกเขาคุ้นเคยกับแผ่นดินต้องประสงค์แล้ว

มองเจ็ดเนตรโลหิตที่คุ้นเคย สวี่ชิงก็ผ่อนลมหายใจ หลังจากกลับมาเขาก็ตรงไปที่ท่าจอดเรือของตนเป็นลำดับแรก ขณะที่ฝึกบำเพ็ญต่อที่นั่น ก็ตรวจสอบแมลงสีดำจิ๋วที่สูดรับวุ้นเซียนของตนเหล่านั้นเสียหน่อย

พวกมันอยู่ในห้วงนิทราจนถึงตอนนี้ ในที่สุดก็มีบางตัวทำท่าเหมือนจะตื่นแล้ว สิ่งที่ทำให้สวี่ชิงเฝ้ารอคือกลิ่นอายของแมลงสีดำเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้ามาก ยิ่งไปกว่านั้นยังดูแนบเนียนมากขึ้นอีก

ส่วนสวี่ชิงกำลังพยายามเปิดช่องเวทที่หนึ่งร้อยสิบเอ็ดของตนเอง ขณะเดียวกันก็กำลังเก็บรวบรวมลูกกลอนวิญญาณด้วย

แต่หลังจากที่เปิดช่องเวทมาจนถึงขั้นนี้ พลังวิญญาณที่ต้องการในการเปิดแต่ละช่องล้วนมากมายมหาศาล ลูกกลอนวิญญาณทั่วไปไม่อาจช่วยได้อีกแล้ว

ส่วนลูกกลอนยกระดับช่องเวทมีเงินก็หาซื้อไม่ได้ สวี่ชิงตามหาแล้วรอบหนึ่งก็ยังหาไม่พบ

แต่นายกองก็นำข่าวดีมาให้เขา

“สวี่ชิง ติดต่ออู๋เจี้ยนอูได้แล้ว เขากำลังกลับจากแดนต้องห้ามปักษาราชัน จากที่ข้าเข้าใจ เมื่อเขาถึงสำนัก คงจะรีบส่งข้ามมาหาพวกเราที่นี่โดยไม่สนใจอะไรแน่นอน

“นอกจากนี้เกี่ยวกับแผ่นดินวาสนาของสำนักโลกันต์ทมิฬ ข้าก็สืบทราบแล้วว่าที่นั้นเป็นเช่นการบรรยายของภาพบนกำแพงจริงๆ ขณะเดียวกันยังเปิดกว้างให้กับศิษย์สำนักอื่นด้วย ทว่าราคาค่อนข้างแพง เข้าไปครั้งหนึ่งต้องจ่ายถึงห้าล้านก้อนหินวิญญาณ ยิ่งไปกว่านั้นยังให้เวลาแค่สามวัน!

“ที่นั่นถือว่ามีประโยชน์กับคนที่ใช้วิชาต้องการวิญญาณอย่างมาก สำนักโลกันต์ทมิฬก็เป็นเช่นนี้ด้วยเช่นกัน ปกติเป็นพวกอัจฉริยะฟ้าประทานไฟชีวิตสามดวงมาทะลวงไฟชีวิตสี่ดวง ถึงจะยอมให้ไปทะลวงขั้นที่นั่น”

นายกองหาสวี่ชิงจนเจอ นั่งอยู่บนเรือของเขา หลังจากเอ่ยอย่างรวดเร็ว เขาก็ถูมือ ดวงตาเป็นประกาย

“อาชิงน้อย เจ้าช่วยศิษย์พี่หน่อยสิ ศิษย์พี่ทำใจจ่ายห้าล้านก้อนหินวิญญาณไม่ลงจริงๆ มันแพงเกินไป เจ้าลองไปหาจอมเซียนจื่อเสวียนหน่อยดีหรือไม่ เจ้าไปออดอ้อนเสียหน่อย พูดคำพูดที่ทำให้จอมเซียนจื่อเสวียนมีความสุข แล้วละค่าใช้จ่ายให้เรา”

นายกองเอ่ยยุยง

“วันนั้นคนที่ผู้อาวุโสจื่อเสวียนมองไม่ใช่ข้าแต่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ ท่านก็ไปเองสิ” เมื่อสวี่ชิงคิดถึงจอมเซียนจื่อเสวียน ก็รู้สึกกังวลแปลกๆ ได้ยินคำพูดของนายกองก็มองนายกองผาดหนึ่ง

“ไอ๊หยา เด็กโง่คนนี้ สิบล้านเหรียญวิญญาณเลยนะ เจ้าคิดว่าข้าไม่อยากทำหรือ แต่มันทำไม่ได้นี่” นายกองร้อนรน รีบร้อนเอ่ยโน้มน้าว

“อาชิงน้อยเจ้าหน้าตาดีขนาดนี้ เหตุใดจึงไม่รู้จักใช้!!”

“วัยหนุ่มมันก็อีกแค่ไม่กี่ปี ทำไมเจ้าถึงโง่ขนาดนี้” นายกองพูดเกลี้ยกล่อม แต่สวี่ชิงไม่พูดอะไร ไม่ได้เห็นด้วยอะไรกับความคิดนี้เลย

เขาก็ปวดใจกับหินวิญญาณ แต่ในใจเขาก็ปฏิเสธคำพูดของนายกองตามสัญชาตญาณ

“โลกใบนี้เขาคุยกันด้วยพลังบำเพ็ญ ไม่มีใครมาพูดว่าเจ้าเป็นอย่างไรหรอก อาชิงน้อย เจ้าไม่ต้องรู้สึกหนักใจ นี่เป็นยุคสมัยที่หัวเราะความอ่อนด้อยไม่เย้ยหยันความงามนะ”

นายกองตบต้นขา ทอดถอนหายใจ ทำท่าเหมือนว่าถ้าตนเองหน้าตาดีแบบสวี่ชิงจะทำเรื่องเช่นนี้โดยไม่ลังเลเลย

“อาชิงน้อย ทำไมเจ้าจึงไม่เข้าใจ ถ้าข้าเป็นเจ้า เชื่อหรือว่าป่านนี้ข้าคงเป็นปราณก่อกำเนิดไปแล้ว ในสำนักคงเป็นทายาทของข้าทั้งหมด ให้เวลาข้าอีกสักหลายร้อยปี เจ็ดเนตรโลหิตจะต้องตกเป็นของข้าแน่ เจ้าต้องเรียนรู้จากน้องสามเสียบ้าง

“ถ้าจะไปท่านก็ไปเอง” สวี่ชิงไม่อยากสนใจนายกองอีก

นายกองตีอกชกตัว ถอนใจยาว

“เจ้าไม่ไปก็ได้ แต่ให้ข้ายืมเงินเจ้าหน่อย ไม่สิ เจ้าคืนเงินข้ามา เจ้ายังติดค้างข้าอยู่ห้าล้านก้อนหินวิญญาณ!”

สวี่ชิงกวาดตามองนายกอง หลังจากชั่งน้ำหนักเรื่องพลังต่อสู้แล้ว ก็หลับตาลงนั่งสมาธิ ทำทีเหมือนไม่ได้ยิน

บทที่ 288 คิดทบทวนอย่างหนัก 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา