เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 289

บทที่ 289 เจี้ยนอูเปล่งประกาย

เห็นสวี่ชิงเป็นเช่นนี้ ยิ่งจอมเซียนจื่อเสวียนมองก็ยิ่งรู้สึกสนใจ

ชีวิตนี้ของนางเห็นคนมาแล้วมากมาย หนุ่มน้อยที่ทั้งหน้าตาดีและเหนียมอายแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มี แต่ตอนที่ยังสาวนางไม่สนใจ ตอนนี้ไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นคนแบบนี้ก็อยากจะเข้าไปแหย่เสียหน่อย

จึงค่อยๆ เข้าใกล้สวี่ชิง

สวี่ชิงร่างแข็งทื่อ หนังหัวชาหนึบ หายใจหอบถี่ขึ้นท่ามกลางความตึงเครียด

เขาขยับร่างไม่ได้ ภายใต้แรงกดดันมหาศาลนั่น จิตวิญญาณของเขากำลังสั่นสะเทือน โดยเฉพาะตอนที่จอมเซียนจื่อเสวียนเข้าใกล้มาเรื่อยๆ จนใบหน้างามนั้นหยุดที่ข้างใบแก้มสวี่ชิง

กลิ่นหอมจรุงพร้อมกับความสดชื่นหลังอาบน้ำที่มาจากกายจอมเซียนจื่อเสวียน ตลบอบอวลห้อมล้อมสวี่ชิง ขณะที่หายใจเข้าไปแต่ละครั้ง ใบหน้าสวี่ชิงก็ตึงเครียดจนขาวซีด กระทั่งได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นเลยทีเดียว

เอาจริงๆ นี่แตกต่างกับศิษย์หญิงที่เขาเคยพานพบในอดีตอย่างสิ้นเชิง

ภาพนี้ อู๋เจี้ยนอูที่มองอยู่เหมือนมีอัสนีฟาดผ่าลงมากลางทะเลความรู้สึก ทำให้เขาเกิดข้อสงสัยขณะที่ใจลอย เขารู้สึกว่าที่เฉินเอ้อหนิวกับสวี่ชิงเรียกให้เขามาไกลนับพันลี้ก็เพื่อมาเห็นภาพเช่นนี้หรือ

ภาพนี้ทำให้ใจเขาโหวงๆ รู้สึกว่าอันที่จริงตนเองอยากจะเห็นจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวมากกว่า

และเวลานี้สีหน้าชายชราหกวังสวรรค์คนนั้นเป็นปกติ ยังคงนอบน้อม ก้มหน้าลงไม่วอกแวก

มีเพียงนายกองที่ในใจยังอิ่มเอม

“อาชิงน้อย ศิษย์พี่ไม่มีทางเลือกจึงต้องใช้แผนนี้ ปิ่นปักผมนั่นแพงมาก ทั้งหมดล้วนเพื่อให้เจ้าได้ดิบได้ดี แต่ขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด เอาปิ่นปักผมข้าไปแล้ว นี่ยังเข้ามาช้าเสียขนาดนี้อีก…” นายกองกระพริบตา ในใจเสียดายหินวิญญาณที่ตนเองจ่ายไปขึ้นมา

“มาไวหน่อยก็คงดี…”

ขณะที่นายกองทอดถอนใจ สมองสวี่ชิงก็ขาวโพลน จนพริบตาต่อมา จอมเซียนจื่อเสวียนก็เป่าลมแผ่วเบาที่ข้างหูสวี่ชิง

ลมอุ่นนี้รดลงบนใบหูสวี่ชิง ราวกับมีสายอัสนีครืนครันอยู่ในร่างกายเขา สวี่ชิงตัวสั่นเทิ้ม เกิดความรู้สึกไม่รู้จะทำเช่นไรเป็นครั้งแรกในชีวิต

จอมเซียนจื่อเสวียนเห็นภาพนี้ก็เบิกบาน ส่งเสียงหัวเราะ

เสียงหัวเราะนี้ราวกับนกขมิ้นออกจากหุบเขา เสนาะเพราะพริ้ง ทำให้คนที่ได้ยินทั้งหมดเคลิบเคลิ้ม

ขณะที่หัวเราะ นางก็ขยับตัว บิดขี้เกียจต่อหน้าสวี่ชิง เผยเสน่ห์ที่น่าหลงใหลเต็มเปี่ยมออกมาแบบไม่ตั้งใจ

เหมือนว่าการหยอกเย้าเด็กน้อย เป็นแค่งานอดิเรกที่ไว้คอยปรับอารมณ์ของนางในวันปกติก็เท่านั้น เวลานี้เมื่อหยอกเย้าเสร็จ นางก็ล้วงป้ายชิ้นหนึ่งออกมาด้วยสองนิ้ว คีบไปวางไว้ที่อกของสวี่ชิง แล้วยังตบลงไปเบาๆ

“สหายตัวน้อย เอาป้ายของข้าไป เจ้าก็สามารถเข้าไปยังส่วนลึกของแผ่นดินวาสนาแห่งนี้ได้แล้ว” พูดจบ จอมเซียนจื่อเสวียนก็หัวเราะเบาๆ หันหลังเดินขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวกับเซียนหญิงกลับสู่วัง โปรยกลิ่นหอมจรุงจากไปไกลเรื่อยๆ

เพียงแต่ในจุดที่ไม่มีใครมองเห็น จอมเซียนจื่อเสวียนเดินไปพลางส่ายหัว

“พอเห็นหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักเช่นนี้ ก็อดเข้าไปเย้าแหย่ไม่ได้จริงๆ นิสัยนี้คงต้องแก้เสียหน่อยแล้ว น่าเสียดาย…กลิ่นคาวเลือดบนตัวเขาเข้มข้นถึงกระดูกดำ หน้าตาน่ารักแต่กลับมีปราณพิฆาตมหาศาลซ่อนอยู่ คิดแล้วน่าจะเป็นคนที่ไม่มีแสงสว่างในดวงใจเลย”

จนจอมเซียนจื่อเสวียนจากไป ร่างของสวี่ชิงถึงกลับมาเป็นปกติ หอบหายใจพักใหญ่ก็เงยหน้าขึ้นฉับพลัน จ้องนายกองเงียบๆ

นายกองถูกสวี่ชิงจ้องจนขนลุก จึงกระแอมไอ

“พวกเรารีบเข้าไปเถอะ นี่จ่ายเงินไปนะ ตอนนี้ก็เริ่มนับเวลาแล้วด้วย!” พูดจบ เขาก็ย่างเข้าไปในกระแสวนอย่างเร่งรีบ กลัวว่าสวี่ชิงจะลงไม้ลงมือ

อู๋เจี้ยนอูข้างๆ ยังอึ้งๆ อยู่

เขามองสวี่ชิง สีหน้าค่อนข้างสับสน จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองสถานที่จอมเซียนจื่อเสวียนจากไป กลืนน้ำลายเอื๊อก

สวี่ชิงไม่สนใจอู๋เจี้ยนอู เขาจ้องร่างเงานายกองที่หายไป กัดฟันเก็บเรื่องนี้ลงไปก่อน หันหลังเดินเข้าไปในกระแสวนเช่นกัน พอเห็นว่าทั้งสองเข้าไปแล้ว อู๋เจี้ยนอูก็สูดลมหายใจลึก พึมพำเสียงเบา

“ผู้บำเพ็ญอย่างข้า ไม่อาจเข้าใกล้อิสตรี หญิงสาวไม่มีประโยชน์ต่อการฝึกบำเพ็ญ รบกวนจิตใจ สร้างความเดือดร้อนรำคาญผู้บำเพ็ญอย่างข้า มนุษย์โลกต้องตั้งมั่นเดินไปให้ไกล เช่นนี้จึงจะสำเร็จ นี่คือคำพูดที่จักรพรรดิโบราณเสวียนโยวเคยกล่าวไว้…” เดิมทีอู๋เจี้ยนอูก็ยอมรับคำพูดนี้มาก แต่ตอนนี้ในใจเขามีความหวั่นไหวขึ้นมา

แต่จิตเต๋าเขามั่นคง ไม่นานก็ฟื้นฟูกลับมา ในดวงตาเผยแววยึดมั่น ย่างเท้าก้าวเข้าไปในกระแสวน

จากที่ทั้งสามคนเดินเข้าไปในกระแสวน ไม่นานแผ่นดินที่ถูกปิดผนึกไว้ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา

สถานที่นี้ใหญ่โตมาก เทือกเขาราวระลอกคลื่น

ค่ายกลก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า แผ่นดินใหญ่สร้างขึ้นมาจากสิ่งต้องห้าม ขนาดของมันดูใกล้เคียงกับจุดที่เคยเป็นเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิตในทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ

ตำแหน่งใจกลาง ที่ด้านในเทือกเขาที่สลับทับซ้อนแต่ละชั้น มีทะเลสาบขนาดยักษ์อยู่แห่งหนึ่ง

น้ำในทะเลสาบเป็นสีเลือดราวกับเกิดขึ้นจากเลือดที่หลั่งริน

ในทะเลสาบมีเสาขนาดยักษ์ต้นหนึ่งตั้งอยู่ เสาต้นนี้เหมือนเป็นเสาค้ำยันฟ้าดินสีดำสนิท ด้านบนมีสายฟ้าหลายสายแล่นแปลบปลาบ ขณะที่น่าหวาดหวั่น ก็แฝงกลิ่นอายบรรพกาลที่สั่งสมมาไว้ด้วย

ราวกับว่ามันเป็นประจักษ์พยานให้กับประวัติศาสตร์นับไม่ถ้วนที่ผ่านกาลเวลานานแสนนานมา

ยอดเสาต้นนี้ เห็นว่ามีโซ่หนาอยู่เส้นหนึ่ง ด้านบนสลักตราประทับค่ายกลไว้แน่นขนัด แผ่คลื่นความน่ากลัวไร้เทียมทานออกมา และสิ่งที่โซ่พันธนาการไว้คือกระดูกอสรพิษขนาดยักษ์!

กระดูกอสรพิษยาวมาก มีเสาเป็นศูนย์กลาง ขดเป็นวงจนกลายเป็นเทือกเขาในที่แห่งนี้ ด้านในสุดล้อมทะเลสาบไว้

ขนาดใหญ่โต สะเทือนจิตวิญญาณ

ตำแหน่งหัวอสรพิษคือด้านบนของเสายักษ์ต้นนั้น ดูแล้วเหมือนเทือกเขายื่นมากลางอากาศ

หัวอสรพิษดูโหดเหี้ยม ไม่มีเลือดเนื้อ เหลือแค่กระดูกสีดำ ราวกับว่าก่อนตายยังไม่ยอมจำนน ปากใหญ่ของมันอ้าค้าง เผยให้เห็นฟันแหลมคมแต่ละซี่

เห็นว่าบนฟันใหญ่ด้านหน้าด้านขวา ยังมีเลือดสีทองแห้งกรังติดอยู่

บทที่ 289 เจี้ยนอูเปล่งประกาย 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา