บทที่ 290 เจ้าอสรพิษปีศาจน้อย ไม่เจอกันนานหลายปี เจ้าเคยนึกเสียใจหรือไม่ที่กัดข้า!
ไฟชีวิตห้าดวงลุกไหม้ในกายของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เหมือนในร่างของเขามีห้วงอวกาศห้วงหนึ่งแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิง น่าประหวั่นพรั่นพรึง กำลังรบน่าครั่นคร้ามนัก
ข้างกายเขา ผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดแปดคนของสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้าล้วนนั่งหลับตาสมาธิ
เพื่อช่วยสะกดพิษร้ายให้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องช่วงนี้ พวกเขาล้วนทุ่มเทกายใจ
พิษนั่นพิเศษเป็นอย่างยิ่ง ทำให้พวกเขาหวาดระแวงไปเช่นกัน
ต่อให้เป็นบรรพจารย์หลิงอวิ๋นในแววตาก็อ่อนล้าเล็กน้อยไปเช่นกัน เพื่อจะฝังวิหคทองของประธานพันธมิตรเข้าไปในกายของหลานชายตนจึงทุ่มเทสุดกำลัง ตอนนี้เห็นหลานชายตนฟื้นฟู สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความพอใจ
“เซิ่งเอ๋อร์ ต่อจากนี้เจ้าเตรียมตัวจะทำอย่างไร ก้าวเข้าสู่ขอบเขตแก่นลมปราณหรือ”
“ท่านปู่ ข้าจะท้าประลองสวี่ชิง สิ่งที่ข้าสูญเสียไปข้าจะเอากลับมาด้วยมือของตัวเอง!” เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องลอยอยู่กลางท้องฟ้า หลับตา หลังจากนั้นก็ลืมตาขึ้น เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ
“มีวิหคทองของประธานพันธมิตร ข้าไม่กลัวพิษของสวี่ชิง อีกทั้งวิหคทองของประธานพันธมิตรยิ่งยกระดับพลังชีวิตให้ข้าได้อย่างน่าครั่นคร้าม ทำให้กำลังรบของข้าแข็งแกร่งกว่าในอดีต อย่างไรเสียประธานพันธมิตรจะปล่อยให้ข้าตายไปเช่นนี้ได้อย่างไร…”
“เซิ่งเอ๋อร์ นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้” บรรพจารย์หลิงอวิ๋นเงียบนิ่ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ถอนหายใจ
“ก็แค่อยากได้ร่างนี้ของข้าก็เท่านั้น ไม่เป็นไร ขอท่านปู่ลงตราผนึกในกายข้า ผนึกช่องเวททั้งหมด ให้มันไม่อาจถูกทำลายได้
“สวี่ชิงไอ้เด็กนั่นไม่มีวิธีร้ายกาจสองวิธีนี้ ไฟชีวิตสามดวงของมันต่อให้ตอนนี้มีตะเกียงแห่งชีวิตสองดวง ข้าก็มีความมั่นใจว่าจะสยบสังหารมันได้!
“ความเจ็บปวดที่ข้าได้รับ ข้าจะให้มัน…ชดใช้หลายเท่าตัว!!”
ไม่นานนักจดหมายท้ารบฉบับหนึ่งก็ส่งจากสำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้ามาถึงสำนักเจ็ดเนตรโลหิต!
เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องจะท้าสู้กับสวี่ชิง เป็นศึกตัดสินเป็นตาย!
ทันทีที่หนังสือท้าประลองมาถึง สำนักเจ็ดเนตรโลหิตฮือฮาไปทั่ว ทั้งพันธมิตรแปดสำนักก็ฮือฮาขึ้นมาทันที
เรื่องภายนอก สวี่ชิงที่อยู่ในแดนวาสนาสำนักโลกันต์ทมิฬไม่รู้เรื่อง เขาในตอนนี้เบิกตาโตมองภาพที่อู๋เจี้ยนอูอยู่กลางท้องฟ้า หลังจากที่เขาท่องกลอนแล้วทั่วทุกทิศก็สั่นคลอน
จิตใจของสวี่ชิงเกิดคลื่นซัดโหม นายกองทางนั้นก็สูดลมหายใจเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงว่าจะสำเร็จจริงๆ
วิญญาณของอสรพิษโบราณฟื้นตื่นขึ้นมาเสี้ยวหนึ่งแล้วจริงๆ แม้จะเป็นเพียงแค่เสี้ยวเดียว แต่ฟ้าดินก็เปลี่ยนสี ลมเมฆหอบม้วน พลังวิญญาณมหาศาลปะทุขึ้นมาหลายเท่าในเสี้ยวขณะนี้
ลูกศิษย์ที่ฝึกบำเพ็ญอยู่รอบๆ เหล่านั้นต่างหน้าเปลี่ยนสีไปทุกคน พากันลืมตาขึ้นมา มองไปรอบๆ อย่างหวาดหวั่น มองเห็นอู๋เจี้ยนอูที่สีหน้าหยิ่งทะนงอยู่กลางท้องฟ้า ขณะเดียวกันก็สัมผัสถึงพลังวิญญาณที่พุ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของที่นี่
ภาพนี้ทำให้จิตใจของพวกเขาสั่นไหว แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางเข้าไปขัดขวาง กลับเร่งความเร็วกำหนดลมหายใจ
สวี่ชิงเองก็เช่นกัน เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้ยังจุดด้านในสุดทันที ตอนนี้นั่งขัดสมาธิ ดูดซับพลังวิญญาณสุดกำลัง นายกองทางนั้นเองก็เช่นกัน ประกายในดวงตาวาววับ กระทั่งว่าส่งเสียงร้องอย่างยินดีออกมาอีกด้วย
“องค์จักรพรรดิยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม องค์จักรพรรดิเกรียงไกรทรงอำนาจ!”
อู๋เจี้ยนอูที่อยู่กลางท้องฟ้าเข้าถึงบทบาทแล้วโดยสมบูรณ์ ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งหยิ่งยโส
เขามือไพล่หลัง ยืดอก มองกระดูกอสรพิษปีศาจที่อยู่ในทะเลสาบอย่างดูแคลน เอ่ยเสียงราบเรียบ
“ฟ้าดินสุดแท้แต่ใจข้าปรารถนา เจ้าอสรพิษปีศาจตัวเล็กๆ ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!”
จากเสียงดังสะท้อนก้องของอู๋เจี้ยนอู เสียงคำรามสะเทือนฟ้ายิ่งกว่าก่อนหน้านี้ก็ดังขึ้นในดินแดนวาสนาแห่งนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เทือกเขารอบๆ สั่นคลอนไปในเสี้ยวขณะนี้ ปฐพีสั่นคลอนขุนเขาสะเทือน!
“สะกดเจ้ามาแสนปี ไม่เหลือร่างกายแล้วช่างน่าสงสาร!” อู๋เจี้ยนอูสะบัดมือ เสียงยิ่งก้องกังวานกว่าเดิม รัศมีอำนาจพุ่งทะลุถึงขีดสูงสุดในชั่วชีวิตนี้ของเขา
กระทั่งว่าหัวอสรพิษที่อยู่บนเสายังสั่นสะเทือนเล็กน้อย พลังวิญญาณที่เข้มข้นกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าปะทุมาในเสี้ยวพริบตานี้
เห็นเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงกังวลนิดๆ ว่าวิญญาณของอสรพิษปีศาจตัวนั้นจะฟื้นตื่นขึ้นมาโดยสมบูรณ์จริงๆ จากนั้นก็กลืนอู๋เจี้ยนอูลงไปในคำเดียว
นายกองก็สูดลมหายใจ เขาชั่งน้ำหนักในใจอย่างรวดเร็ว คิดว่าหากอสรพิษปีศาจตื่นขึ้นมาจริงๆ อู๋เจี้ยนอูซี้แหงแก๋นั่นก็เรื่องหนึ่ง ตัวเขายังไม่พร้อม ไม่สะดวกไปถอนเขี้ยว ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็วว่า
“เจี้ยนเจี้ยนน้อยพอแล้ว ไม่ต้องท่องแล้ว”
อู๋เจี้ยนอูที่อยู่กลางท้องฟ้าได้ยินก็ขมวดคิ้ว ก้มหน้าปรายตามองนายกองอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง
“เจ้าคนชั้นต่ำสามหาวพูดอะไรกัน กล้าพูดกับข้าจักรพรรดิผู้นี้หรือ”
อู๋เจี้ยนอูในเสี้ยวขณะนี้แววตาสามส่วนมีความหยามเหยียด ห้าส่วนหยิ่งทะนง แล้วมีอีกสองส่วนที่น่าเกรงขาม เหมือนว่าเขาในตอนนี้หลอมไปในตัวละครจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวแล้วโดยสมบูรณ์
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นความฝันของเขาทั้งชีวิต และเป็นเป้าหมายที่เขามุมานะ ขณะที่พูดแรงสั่นสะเทือนของดินแดนวาสนาแห่งนี้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น คล้ายว่าอู๋เจี้ยนอูที่พูดจาเช่นนี้ทำให้วิญญาณอสรพิษปีศาจที่หลับใหลในห้วงนิททราถูกกระตุ้นรุนแรงขึ้น
นายกองเห็นอู๋เจี้ยนอูเข้าถึงบทบาทจนเกินสมควร ก็ถอนหายใจ มองไปทางสวี่ชิง
“สวี่ชิงเจ้ามาจัดการหน่อย ข้ากังวลว่าเจ้าโง่นี่จะเล่นใหญ่เกินทำตัวเองตาย”
สวี่ชิงเงยหน้า มองอู๋เจี้ยนอูแวบหนึ่งอย่างเย็นชา เขาไม่คิดว่าอู๋เจี้ยนอูเข้าถึงบทบาทจนเกินสมควร แต่เจ้านี่น่าจะตั้งใจมากกว่า ตอนนี้เมื่อมองไป อู๋เจี้ยนอูก็พลันหยุดชะงัก ในตอนที่กำลังจะอ้าปากพูดอะไร สวี่ชิงก็หยิบเอาแผ่นหยกบันทึกภาพเคลื่อนไหวชิ้นนั้นออกมา
ในเสี้ยวพริบตาที่เห็นแผ่นหยกชิ้นนี้ อู๋เจี้ยนอูก็สั่นสะท้านทันที สีหน้าฉายแววประจบประแจงออกมาอย่างรวดเร็ว รัศมีอำนาจท่วงท่าและแววตาทุกอย่างเมื่อก่อนหน้านี้หายไปไร้ร่องรอยทันที ร่างลอยต่ำลงมาทันที
“ศิษย์พี่สวี่มีอะไรพูดกันดีๆ ฮ่าๆ มีอะไรพูดกันดีๆ”
เห็นสวี่ชิงเก็บแผ่นหยกลงไป เขาถึงได้โล่งใจ ไม่ต้องสำรวจให้ละเอียดเขาก็เดาได้ว่าเนื้อหาในแผ่นหยกแผ่นนี้ต้องเป็นภาพที่ตนลูบท้องหมีในถ้ำแน่นอน ตอนนี้นอกจากโล่งใจแล้ว ประสบการณ์เมื่อครู่ทำให้ในใจเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ จึงเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า
“สะใจจริงๆ!!”
และในตอนนี้ จากการที่อู๋เจี้ยนอูไม่ได้แกล้งแสดงเป็นจักรพรรดิโบราณเสวียนหวงอีกต่อไป วิญญาณอสรพิษปีศาจตัวนั้นที่มีสัญญาณว่าจะตื่นขึ้นมาก็ค่อยๆ สงบนิ่ง แต่การเกือบฟื้นตื่นขึ้นหลายครั้งเมื่อก่อนหน้านี้ก็ทำให้พลังวิญญาณของที่นี่เข้มข้นขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นสวี่ชิงจึงไม่สนใจอู๋เจี้ยนอู หลับตากำหนดลมหายใจเต็มที่
จากการที่พลังวิญญาณมหาศาลดูดซับเข้าไปในร่างของเขา ช่องเวทก็กำลังสะสมพลังทะลวงเปิด ไม่นานนัก ในกายของเขาก็ส่งเสียงดังสนั่น ช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยสิบเอ็ดก็พลันทะลวงเปิดออก
สวี่ชิงสะท้านเฮือก ร่างเพียงไหววูบ ใช้ป้ายที่จอมเซียนจื่อเสวียนมอบให้พุ่งตรงไปยังใจกลางของดินแดนวาสนาแห่งนี้ เมื่อถึงวงในที่ใกล้กับทะเลสาบสีเลือด เขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่เข้มข้นยิ่งขึ้น



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา