บทที่ 307 ภูเขาภูตไร้หน้า
“ช่างเถิด เจ้าสี่อายุยังน้อย ให้เขาเจออุปสรรคเสียบ้างก็ดีเหมือนกัน
“ท่วงทำนองจักรพรรดิภูตจะลอกเลียนออกมาได้ง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าสี่คนนี้…ทะเยอทะยานนัก” นายท่านเจ็ดปรายตาประเมินสวี่ชิง มือไพล่หลัง หันหลังจะเดินออกไป
แต่สวี่ชิงในตอนนี้ลืมทุกสิ่งรอบตัวเขาไปจนหมด ลืมการหมุนเปลี่ยนของเวลา ในหัวของเขามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น นั่นก็คือจะย้ายจักรพรรดิภูตองค์นี้มาไว้ในทะเลความรู้สึกของตนโดยสมบูรณ์
เพราะท่านอาจารย์บอกว่ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้น เขาถึงจะฝึกฝนเคล็ดวิชาพรางมารยาชิงมรรคาได้
และวิชานี้สวี่ชิงรู้สึกว่าเหมาะกับตัวเองมาก เขาอยากฝึกฝนวิชานี้ทันทีที่ก้าวสู่ระดับแก่นลมปราณ ดังนั้นเขารู้สึกว่า…ตัวเองจะต้องทำการเคลื่อนย้ายให้ดี
อีกทั้งหากย้ายมาเพียงรูปร่างเค้าโครง สวี่ชิงรู้สึกว่าไม่พอ เขาจึงดำดิ่งลึกลงไปอีก ยิ่งจมลงไปอีก พยายามไปสัมผัสรับรู้รายละเอียดทุกแห่งบนตัวจักรพรรดิภูตคีรีใต้
สวี่ชิงไม่รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าท่วงทำนอง สิ่งที่เขาคิดนั้นง่ายมาก นั่นก็คือพยายามทำให้เทพองค์นี้ที่อยู่ในทะเลความรู้สึกของตนสมจริงมีชีวิตชีวามากที่สุด ทำให้คล้ายกับเขาจักรพรรดิภูตในระดับสูงสุด
เหมือนกำลังลอกเลียนภาพต้นฉบับ วาดภาพที่สมบูรณ์แบบของจักรพรรดิภูตไว้ในใจ
ดังนั้นหลังจากที่รูปร่างเค้าโครงปรากฏขึ้น เขาก็เริ่มเติมเต็มรายละเอียดและสีสันในนั้น เพียงแต่ความยากของขั้นตอนนี้มากกว่าก่อนหน้านี้เหลือเกิน
เหมือนคนที่ไม่มีพื้นฐานวาดรูปอะไร ให้เขาไปวาดเค้าโครงก็พอจะทำได้อยู่ แต่หากให้เติมรายละเอียดก็มักจะมีข้อผิดพลาดมากมาย
ตอนนี้การลอกเลียนรายละเอียดของสวี่ชิงก็เกิดข้อผิดพลาดหนึ่งขึ้น ข้อผิดพลาดนี้เกิดขึ้นในการวาดเติมชิ้นส่วนร่างกาย ทั้งๆ ที่เขาลอกเลียนในระดับสูงสุดแล้ว แต่ร่างที่ลอกเลียนออกมากลับเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด
ดังนั้นเสี้ยวขณะต่อมา สวี่ชิงจึงลบมันไปโดยสัญชาตญาณและลงมือใหม่อีกครั้ง
ภาพนี้เกิดขึ้นในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง เดิมทีการรับรู้ของเขา คนนอกยากจะสัมผัสได้ แต่…พลังบำเพ็ญของนายท่านเจ็ดทำให้เขาเห็นร่องรอยอะไรบางอย่าง
และเพราะร่องรอยนี้ ทำให้นายท่านเจ็ดที่กำลังจะออกไป ฝีเท้าพลันหยุดชะงัก หันกลับมาจ้องสวี่ชิงตาเขม็งอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้น
“เสี้ยวพริบตาเมื่อครู่ ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามีร่องรอยท่วงทำนองรางๆ!!” นายท่านเจ็ดมองไปอย่างละเอียด สีหน้างุนงงสงสัย
“ท่วงทำนองหายไปแล้วหรือ แล้วรูปร่างเค้าโครงที่เขาย้ายไปไว้ในใจเมื่อครู่ทำไมถึงหายไปแล้วเหมือนกัน”
“เจ้าสี่กำลังทำอะไร”
นายท่านเจ็ดสงสัยใคร่รู้ จับตามองอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากพบว่าสวี่ชิงเข้าสู่สภาวะสงบนิ่งแล้ว เขาก็เดินออกไปอย่างค้างคา แต่การออกไปเดินเล่นวันนี้แม้ติงเสวี่ยอยู่ข้างๆ จะทำให้เขามีความสุข แต่ในใจก็ยังคงสงสัยในสภาวะของสวี่ชิง ดังนั้นหลังจากที่กลับมาในตอนเย็น เขาก็รีบมาดูสวี่ชิง
เมื่อมาดู นายท่านเจ็ดก็อึ้งไปเล็กน้อย
“รูปร่างเค้าโครงปรากฏขึ้นอีกแล้ว! เร็วขนาดนี้เชียวหรือ”
“ยังมีท่วงทำนองรางๆ อีกด้วย ก็…เอ๋ หายไปอีกแล้ว!”
นายท่านเจ็ดถลึงตามองสวี่ชิง มีใจคิดอยากจะตบให้ตื่นขึ้นเพื่อถาม แต่ก็จำต้องอดกลั้นเอาไว้
เวลาก็ได้หมุนผ่านไปแต่ละวันๆ เช่นนี้เอง เดือนที่สองก็ผ่านพ้นไปแล้ว
เดือนที่สอง จิตใจของนายท่านเจ็ดถูกการเปลี่ยนแปลงของสวี่ชิงทรมานจนจนปัญญา เขาแทบจะสัมผัสได้ทุกวันว่าสวี่ชิงย้ายรูปร่างได้สำเร็จแล้ว จากนั้นก็ลบไปอีก
จนสุดท้ายเขาก็มองร่องรอยอะไรออก
“ข้าแค่ให้เจ้าย้ายรูปร่างเท่านั้น เจ้าสี่ เจ้า…ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย
“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ โอ้อวดความสามารถในการรับรู้ของตัวเองหรือ!” นายท่านเจ็ดหัวเราะขื่น แต่ว่าความชื่นชมในดวงตาในหนึ่งเดือนมานี้กลับเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ มีความเข้าใจในการรับรู้ของลูกศิษย์คนที่สี่ของตนได้ครบทุกด้านมากขึ้น
“เจ้าเด็กนี่..วิชาที่เหมาะที่สุดความจริงแล้วคือวิชาเต๋าของสำนักเซียนล้ำบารมี และมรดกของสำนักเซียนล้ำบารมีก็มาจากจักรพรรดิภูตองค์นี้ ดังนั้นในด้านหนึ่งแล้ว เจ้าเด็กคนนี้เหมาะที่จะฝึกบำเพ็ญสายจักพรรดิภูตคีรีใต้มาก
“บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำไมการรับรู้ของเขาจึงได้น่าตื่นตะลึงเช่นนี้”
ในยามที่ท่านเจ็ดกำลังครุ่นคิด การสัมผัสรับรู้ของสวี่ชิงก็มาถึงช่วงเวลาสำคัญ เขาใช้ทะเลความรู้สึกเป็นกระดานวาดภาพ ใช้การรับรู้ของตัวเองเป็นพู่กัน วาดเขาจักรพรรดิภูตออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า และลบวาดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาจักรพรรดิภูตในทะเลความรู้สึกของเขา ร่างกายก็ค่อยๆ สมจริงมีชีวิตชีวาเช่นนี้เอง รายละเอียดบางอย่างก็เริ่มสมบูรณ์ขึ้นจากการที่สวี่ชิงทำการปรับและลอกเลียนใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า มีเพียงแค่…ร่างของจักรพรรดิภูตองค์นี้ไม่มีใบหน้า
ในส่วนของใบหน้า สวี่ชิงไม่พอใจเลยทุกครั้ง ความจริงแล้วต่อให้เป็นร่างที่วาดออกมาเขาก็ไม่ได้พอใจสักเท่าไรเช่นกัน
แต่หากมีคนนอกมารู้เห็นภาพฉากนี้ก็จะต้องตื่นตะลึงเป็นแน่ เพราะด้วยพลังบำเพ็ญระดับสร้างฐานก็ทำได้ถึงจุดนี้ เดิมก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้น้อยนัก
เงื่อนไขในการรับรู้ต้องสูงมาก
แต่สวี่ชิงรู้สึกว่าตัวเองแม้จะวาดออกมาให้ได้หนึ่งส่วนก็ยังห่างชั้นอยู่อีกไกล แม้ดูเหมือนว่าเขาจักรพรรดิภูตในทะเลความรู้สึกจะสมจริงมีชีวิตชีวา แต่ตัวเขารู้ดีว่านี่เป็นแค่เปลือก
อย่างมากก็นับได้ว่าเป็นเปลือกที่งดงามปราณีต
เทียบกับการเคลื่อนย้ายมาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว สวี่ชิงวิเคราะห์ว่าตนน่ากลัวจะทำได้เพียงแค่หนึ่งในร้อยเท่านั้น
เขาอยากลอกเลียนอย่างพากเพียรมากกว่านี้ แต่ว่าจิตใจไม่อาจฝืนต่อไปได้แล้ว ทะเลความรู้สึกหลังจากที่จักรพรรดิภูตองค์นี้ปรากฏขึ้นก็ถูกแยกออกโดยมสมบูรณ์ ยากจะมีสมาธิต่อไปได้
ดังนั้น ในวันที่หกสิบเจ็ด สวี่ชิงก็ลืมตาขึ้น ความล้ำลึกในดวงตาลอยอวล แฝงด้วยประกายที่เหนือกว่าในอดีต
แต่สวี่ชิงกลับถอนหายใจออกมาเบาๆ
จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างรู้ตัว มองเห็นนายท่านเจ็ดที่นั่งอยู่ข้างหลังด้วยใบหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“ท่านอาจารย์ ข้าไม่สามารถรับรู้ต่อไปได้แล้วขอรับ”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา