บทที่ 318 คนเป็นแปรสภาพ
สวี่ชิงไม่อยากรอ และคำพูดของเขา เมื่อลูกศิษย์ที่นี่ได้ยินก็รีบรับคำสั่งนำทางไปทันที ไม่นานนักสวี่ชิงก็มาถึงยังตรงกลางของเทวรูปบรรพชนศพทั้งสิบสี่องค์
ที่นี่มีการคุ้มกันเป็นชั้นๆ ในขณะที่ป้องกันอย่างหนาแน่น ระลอกคลื่นจิตเทพที่มาจากของวิเศษเวทต้องห้ามก็แข็งแกร่งมาก ในขณะเดียวกับที่กวาดโหมมาอยู่ตลอด ทำให้เมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่ชอบมาพากลอะไรก็ตาม ของวิเศษเวทต้องห้ามก็จะรับรู้ได้ในทันที
นอกจากนั้นที่ยังมีค่ายกลอีกจำนวนมหาศาล ยิ่งมีอาวุธเวทอีกนับไม่ถ้วน ก่อเป็นการสกัดกั้นอย่างมหาศาล ทำให้มิติยังต้องแข็งค้าง สวี่ชิงหลังจากรับรู้ จิตใจก็สั่นสะท้านไปเหมือนกัน
สุดท้าย ที่ใจกลางรูปสลักทั้งสิบสี่องค์ ซึ่งก็คือข้างล่างสุดของกระจกสัมฤทธิ์โบราณเจ็ดเนตรโลหิต สวี่ชิงก็เห็นแท่นพิธีเซ่นไหว้แปดเหลี่ยมขนาดมหึมาแท่นหนึ่ง
ทั้งแปดมุมของแท่นพิธีเซ่นไหว้ล้วนมีผู้บำเพ็ญนั่งอยู่ สวี่ชิงรู้วึกว่าพลังบำเพ็ญของพวกเขาอย่างน้อยๆ ก็เป็นระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์สองวังขึ้นไป ในเสี้ยวพริบตาที่สวี่ชิงเข้ามาใกล้ ทั้งแปดคนนี้ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกัน
ในยามที่มองมาที่สวี่ชิง ดวงตาของพวกเขาฉายประกายประหลาด อีกทั้งไม่ได้ถือว่าตัวเองมีฐานะเป็นผู้คุมกฎ แต่ยืนขึ้นแล้วโค้งคารวะสวี่ชิงอย่างมีมารยาท
สำหรับสวี่ชิง พวกเขาไม่แปลกหน้าเลย และรู้ว่าอีกฝ่ายสามารถก้าวสู่ระดับแก่นลมปราณได้ทุกเมื่อ และทันทีที่ยกระดับวังสวรรค์สองวังก็จะก่อร่างขึ้นทันที คนแบบนี้พวกเขาไม่อาจปฏิบัติตัวเหมือนทำกับลูกศิษย์ทั่วไปได้
สวี่ชิงโค้งคารวะกลับไปอย่างมีมารยาทเช่นกัน ก่อนจะเดินไปบนแท่นพิธีเซ่นไหว้
ระหว่างทางมาเขาก็รู้วิธีใช้ของวิเศษเวทนี้จากในแผ่นหยกที่นายท่านเจ็ดมอบให้แล้ว วิธีนี้เขาคนเดียวก็สามารถทำได้ แต่หากจะให้ค่ายกลเปิดเต็มกำลัง เขาต้องให้คนอื่นมาช่วย
ตอนนี้สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ก้าวขึ้นไปบนแท่นพิธีเซ่นไหว้ เดินไปยังตำแหน่งใจกลาง หลังจากนั่งขัดสมาธิที่นี่ เขาก็เงยหน้ามองไปยังกระจกโบราณบานมหึมาที่อยู่กลางอากาศสูง หลังจากดึงสายตากลับมา มือทั้งสองของสวี่ชิงก็ประสานปางมือแล้วกดไปทั้งสองข้างของแท่นพิธีเซ่นไหว้
ผู้คุมกฎระดับแก่นลมปราณที่อยู่รอบๆ ต่างรู้หน้าที่ ต่างประสานปางมือ กดลงไปพร้อมกัน
ทันใดนั้น แท่นพิธีส่งเสียงคำรามเลื่อนลั่นทันที แสงเจิดจ้าทางหนึ่งยิงขึ้นฟ้าจากบริเวณที่สวี่ชิงนั่งทันที แสงนี้เจิดจ้านัก ทำให้เงาร่างที่อยู่ข้างในของสวี่ชิงรางเลือน เสี้ยวขณะต่อมา แสงทางนี้ก็พุ่งขึ้นท้องฟ้าทันที
จากนั้น ทั้งแปดมุม บริเวณที่พวกเขาอยู่ก็ยิงแสงออกมาเช่นกันจากการประสานปางมือของผู้คุมกฎทั้งแปด แสงแปดทางนี้เป็นสีแดงชาด หลังจากที่ผสานหลอมรวมไปกับแสงของสวี่ชิงตรงนั้นแล้ว สีของแสงผสมเข้าด้วยกันแปรเปลี่ยนเป็นแสงเลือด กระทบต้องไปบนกระจกโบราณที่อยู่กลางอากาศสูง
กระจกโบราณบานนั้นสั่นไหวทันที มันค่อยๆ เลิกหมุนซ้ายขวากวาดมอง จากที่อยู่ในลักษณะส่องขึ้นฟ้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนทิศของหน้ากระจกหันมาทางสวี่ชิงทางนี้
หลังจากประกายแสงสีแดงทะลักเข้าไป เสี้ยวขณะต่อมาก็แปรเปลี่ยนเป็นแสงหักเหฉายมายังผืนแผ่นดิน ซ้อนทับกับแสงที่ยิงมา ปกคลุมบนร่างสวี่ชิงอีกครั้ง
ร่างของสวี่ชิงสั่นสะท้านรุนแรง เขาสัมผัสได้ถึงพลังน่าครั่นคร้ามตื่นตะลึงกลุ่มหนึ่ง ขณะเดียวกันในเสี้ยวขณะนี้ก็เหมือนว่าร่างจะเปลี่ยนมาโปร่งแสง ช่องเวททั้งหนึ่งร้อยยี่สิบช่องเปลี่ยนเป็นจุดแสง ชัดเจนมาก
นี่ทำให้เขาหาช่องเวทช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดได้ง่ายยิ่งขึ้น จึงรวบรวมจิตเทพ ค้นหาในร่างกายอย่างรวดเร็ว
แต่ขั้นตอนนี้ไม่ราบรื่น เวลาเพียงยี่สิบกว่าอึดใจ แสงก็หมองหม่น ค่อยๆ เลือนหายไป สวี่ชิงนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่ตรงนั้น ครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้น แววตาฉายความเสียดาย
เขาหาไม่เจอ
“รบกวนผู้คุมกฎทุกท่านลงมืออีกครั้งหนึ่ง” สวี่ชิงเอ่ยอย่างเกรงใจ
ทั้งแปดคนที่อยู่รอบๆ ยิ้มพลางพยักหน้า ประสานปางมืออีกครั้ง ดังนั้นไม่นานนักลำแสงอีกทางหนึ่งก็เกิดขึ้น กระจกโบราณหักเหแสงมาอีกครั้ง สวี่ชิงที่คุ้นเคยกับความรู้สึกประเภทนี้แล้วเริ่มหาช่องเวทใหม่อีกครั้งทันที
ครั้งนี้ก็ยังคงล้มเหลวเช่นเดิม
สวี่ชิงขมวดคิ้ว จากการเลือนหายไปของลำแสง เขานึกถึงสิ่งที่อาจารย์เคยพูดไว้ ในอดีต คนที่เปิดช่องเวทที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดได้ ส่วนมากแล้วล้วนหาที่ที่ช่องเวทอยู่ได้ในเวลาระหว่างความเป็นและความตายกันทั้งนั้น
“ยังขาดช่วงเวลาระหว่างความเป็นความตายจริงๆ ด้วย” สวี่ชิงพึมพำ ในหัวของเขามีแผนที่เคยคิดผุดขึ้นมา
แผนนี้ค่อนข้างบ้าระห่ำ แฝงด้วยวิกฤตเป็นตาย แต่สวี่ชิงตอนนี้ไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว เขาลุกขึ้นยืน โค้งคารวะไปทางท้องฟ้า
“นายท่านสาม ศิษย์สวี่ชิง ขออัญเชิญ…แปรสภาพเป็นตายของเผ่าสิงซากสมุทร!”
สวี่ชิงเมื่อพูดออกไป ผู้คุมกฎทั้งแปดที่อยู่รอบๆ ต่างหน้าเปลี่ยนสี
การแปรสภาพของเผ่าสิงซากสมุทรทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้ เพียงแต่ผู้ฟื้นคืนชีพกับร่างในอดีตจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดิมอีกต่อไป แม้แต่ความทรงจำก็รางเลือน เปลี่ยนมาเหี้ยมโหดเป็นอย่างยิ่ง พลังบำเพ็ญเมื่อแรกเริ่มก็จะไม่เหมือนเมื่อยามมีชีวิต ต้องใช้เจตจำนงอันแรงกล้าและฝึกบำเพ็ญไม่หยุด ถึงจะสมดุล
แต่การแปรสภาพประเภทนี้เป็นวิธีปกติ ยังมีอีกประเภทหนึ่งที่ฝืนชะตายิ่งกว่า เป็นวิธีที่มีเพียงอนาคตจักรพรรดิหรือผู้ที่เป็นประกายความหวังอันยิ่งใหญ่เท่านั้นถึงจะใช้
นั่นก็คือ…แปรสภาพเป็นตาย!
วิธีนี้ในขณะเดียวกับที่เจ็บปวดแสนสาหัส การรักษาความทรงจำก็สมบูรณ์แบบที่สุด พลังบำเพ็ญก็เสียหายน้อยกว่า แต่ด้านหนึ่งคือต้องสมัครใจ อีกด้านหนึ่งคืออัตราความล้มเหลวสูงมาก
มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่ใช่อนาคตจักรพรรดิทุกคนและไม่ใช่ผู้ที่เป็นประกายความหวังอันยิ่งใหญ่จะเลือกวิธีนี้
ความรู้ความเข้าใจต่อเผ่าสิงซากสมุทรของสวี่ชิงมาจากม้วนเอกสารในสำนัก และสำนักเจ็ดเนตรโลหิตกับเผ่าสิงซากสมุทรก็ต่างเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน ย่อมต้องตรวจสอบอย่างกระจ่างอยู่แล้ว
นี่ก็คือแผนที่ผุดขึ้นมาในหัวของสวี่ชิงในตอนนั้น
เขาจะสร้างวิกฤตชีวิตเป็นตายที่สามารถควบคุมได้ขึ้นมา ให้ตัวเองถูกแปรสภาพ ในชั่วเสี้ยวพริบตาที่จะทำการแปรเปลี่ยนเป็นเผ่าสิงซากสมุทรสำเร็จ เขาจะหาทางแช่แข็งสภาวะของตัวเอง ให้ตัวเองอยู่ในสภาวะระหว่างความเป็นและความตาย เช่นนี้แล้วถึงจะอาศัยของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตค้นหาช่องเวทของตัวเองอีกครั้ง
จุดที่อันตรายในเรื่องนี้คือหากล้มเหลวเขาก็จะกลายเป็นเผ่าสิงซากสมุทรอย่างแท้จริง กระทั่งว่ามีโอกาสที่จะตาย
“สวี่ชิง เจ้าทบทวนดีแล้วหรือ!” บนท้องฟ้า มีเสียงนิ่งสงบดังมา เป็นเจ้ายอดเขาที่ดูแล้วเหมือนบัณฑิตของยอดเขาลำดับสามสำนักเจ็ดเนตรโลหิตคนนั้นนั่นเอง
เงาร่างของเขาปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ก้มหน้าจ้องมองสวี่ชิง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา