บทที่ 371 ครั้งแรกของมณฑลรับเสด็จราชัน
ฟ้าดินเงียบสงัดไร้สุ้มเสียง มีเพียงเสียงลมหายใจที่เกิดจากจิตใจฮึกเหิมดังก้องไม่หยุด
เผ่ามนุษย์ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ล้วนจิตใจเกิดคลื่นยักษ์ซัดโหมทั้งนั้น
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนมีเรื่องราวของตัวเอง ทุกคนล้วนมีเรื่องที่ประสบพบเจอ
ไม่ว่าจะอยู่สูงส่ง หรือจะอยู่ในโคลนตม ความจริงแล้ว ในโลกอันโหดร้ายใบนี้ ในฟ้าดินที่โหดเหี้ยมผืนนี้ ในโลกที่ขมขื่นทุกข์ระทมกินคนใบนี้ก็ล้วนไม่ต่างกันเท่าไรนัก
ล้วนมีชะตาอันทุกข์ยาก ล้วนอยู่ในทะเลความทุกข์
และคำปฏิญาณของผู้ครองกระบี่ก็เหมือนกับอัสนีสวรรค์ ในขณะที่ฟาดผ่าสะเทือนเลื่อนลั่น ก็ทำให้สวี่ชิงเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของผู้ครองกระบี่
ไม่ว่าผู้ครองกระบี่ในวันนี้จะทำได้อย่างที่คำปฏิญาณกล่าวไว้ได้อย่างแท้จริงหรือไม่ แต่อย่างน้อยมันเคยมีอยู่
นี่ก็คือหลักสำคัญของพิธีผู้ครองกระบี่เช่นกัน
บรรยากาศที่จริงจัง คำพูดที่เคร่งขรึม แสงพรายรุ้งอันศักดิ์สิทธิ์ คำปฏิญาณที่ดังกึกก้องสะท้านสะเทือน ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เพื่อให้ภารกิจของผู้ครองกระบี่ดำรงต่อไป
ตอนนี้ในขณะที่จิตใจของเผ่ามนุษย์ทุกคนเกิดคลื่นซัดโหม แสงพรายรุ้งบนฟ้าฉายประกายอีกครั้งสาดมายังพื้นดิน ยามที่ส่องมาไม่ขาดสาย ก็มาอยู่ที่ใต้เท้าพวกสวี่ชิงทั้งสิบคน
ที่หน้าพวกเขา แสงพรายรุ้งพร่างพรายที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้ครองกระบี่ก่อเป็นบันไดยาวที่กว้างหมื่นจั้งอันหนึ่ง
บันไดกว้างหมื่นจั้งปรากฏอยู่ข้างหน้าคนทั้งหลาย ปรากฏในเมืองมรรคาสวรรค์พ้นพันธะแห่งนี้ เผ่ามนุษย์ทั้งหลายนับไม่ถ้วนล้วนเห็นกับตา แต่คนที่เข้าใกล้บันไดที่ยิ่งใหญ่นี้มีเพียงแค่สิบคนเท่านั้น!
นี่เป็นเส้นทางมุ่งสู่สวรรค์ที่ปรากฏขึ้นพวกเขาทั้งสิบคน
มันปรากฏขึ้นกลางฟ้าดิน ที่ปลายทางคือเทวรูปมหาจักรพรรดิ
มองไกลๆ เหมือนแค่เหยียบบันไดที่อยู่ข้างหน้า ก็สามารถเดินไปอยู่ข้างหน้ามหาจักรพรรดิได้
ความศักดิ์สิทธิ์แบบนั้น ในเสี้ยวขณะนี้ก็ปะทุขึ้นอย่างรุนแรงอีกครั้ง
แสงพรายรุ้งเจ็ดสีของบันไดนี้พราวพร่างระยิบระยับ และเมื่อนับให้ละเอียดแล้ว บันไดนี้มีจำนวนถึงเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น ก้าวขึ้นไปทีละก้าวๆ มุ่งสู่ผืนนภา
สวี่ชิงจ้องเพ่งทุกอย่างนี้ ในยามที่สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ ข้างหูเขาก็มีเสียงจริงจังของผู้อาวุโสใหญ่ผู้ครองกระบี่ดังขึ้น
“สายครองกระบี่ บุกเบิกความรุ่งเรืองสูงสุดแก่มนุษย์ สร้างความสงบสุขสมบูรณ์แก่หมื่นโลก ด้วยเหตุนี้บันไดจึงกว้างหมื่นจั้ง
“จักรพรรดิเป็นนายแห่งหมื่นสรรพสิ่ง ขาดองค์ราชันสรรพสิ่งไม่สมบูรณ์ จึงเกิดเป็นบันไดเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น เป็นสัญลักษณ์กรมครองกระบี่เรา ใต้องค์จักรพรรดิทุกสิ่งสรรพล้วนฟาดฟันทำลายได้!”
เสียงดังก้องไปในฟ้าดิน ในดวงตาสวี่ชิงฉายประกายแสงแรงกล้า หากบอกว่าคำพูดเหล่านั้นก่อนหน้านี้เป็นจิตวิญญาณของสายครองกระบี่ เช่นนั้นสองประโยคนี้ก็คือกระดูกของผู้ครองกระบี่!
จิตวิญญาณคือแกนหลักของคำปฏิญาณ กระดูกคือแกนหลักของสันหลัง!
กระดูกสันหลังของผู้ครองกระบี่คือใต้จักรพรรดิลงมาล้วนสามารถฟาดฟันสังหารได้!
ในดวงตาของนายกองฉายประกายวาววาม ฉายความปรารถนาออกมา
ชิงชิวที่อยู่ที่นี่ก็เช่นกัน ดวงตาทั้งสองใต้หน้ากากฉายประกายวาววับ
จากนั้นผู้อาวุโสใหญ่ผู้ครองกระบี่ที่อยู่บนฟ้าเงยหน้ามองเทวรูปมหาจักรพรรดิ คล้ายว่าสูดลมหายใจลึก สีหน้าเคร่งขรึม ใช้น้ำเสียงที่จริงจังยิ่งขึ้น โค้งคารวะสุดตัว
“มหาจักรพรรดิโปรดประทานกระบี่”
เสียงนี้เมื่อดังขึ้น ผู้ครองกระบี่ทุกคนที่ตั้งแถวเป็นปีกคู่ต่างประสานหมัด โค้งคารวะไปทางท้องฟ้าพร้อมกัน
จากการโค้งคารวะนี้ เทวรูปมหาจักรพรรดิแผ่ประกายแสงดุจดวงอาทิตย์กล้าขึ้นเหนือท้องทะเล สาดส่องมาด้วยรัศมีอำนาจที่ขับไล่ความมืดทุกอย่างในฟ้าดินให้สลายไป ในยามที่ประกายแสงนี้หอบม้วนไปทั่วผืนฟ้า ก็มีรุ้งยาวสามทางบินพุ่งออกมาจากหลังของเทวรูปมหาจักรพรรดิ
รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง แล้วพุ่งลงมาข้างล่างเทวรูปมหาจักรพรรดิ แผ่ประกายแสงเจิดจ้าพร่างพรายอยู่เหนือบันไดขั้นที่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้า
เสียงวูมดังขึ้น กระบี่ใหญ่สามเล่มก็จมไปในนั้น ห่างกันพันจั้ง แผ่แสงสีเขียวครามออกมา ตัวกระบี่ไหลวนเหมือนสายน้ำไหล ส่งเสียงกระบี่หนักทุ้มออกมา รัศมีอำนาจไม่ธรรมดา
แค่เห็นก็ไม่ใช่วัตถุธรรมดาทั่วไป
กระบี่สามเล่มนี้เป็นกระบี่และเป็นคำประกาศิต เป็นสัญลักษณ์ของผู้ครองกระบี่ และเป็นคำอาญาสิทธิ์ของผู้ครองกระบี่!
“ผู้ครองกระบี่คือผู้ถือคำประกาศิต มีกระบี่เป็นประกาศิต ปกป้องสรรพชีวิต”
บนท้องฟ้า ผู้ครองกระบี่ทุกคนตอนนี้ต่างเอ่ยพร้อมกัน เสียงประดุจระฆังกังวาน สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เหนือกว่าอัสนีสวรรค์ สยบบรรพกาล
“พวกเจ้าทั้งสิบ โดดเด่นผ่านคุณสมบัติผู้ครองกระบี่ จงฟังคำบัญชา!” จากเสียงหลงเหลือของผู้ครองกระบี่ทุกคนที่ดังก้อง เสียงล้ำลึกของผู้อาวุโสใหญ่ผู้ครองกระบี่ก็ดังขึ้น
เสียงเมื่อรวมอยู่ด้วยกัน คนทั้งหลายต่างฮึกเหิม
สวี่ชิงดวงตาฉายประกายเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น ตำแหน่งผู้ครองกระบี่ต้องเป็นของเขา
คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นนายกองหรือชิงชิว หรือจะเป็นจางซืออวิ้นรวมถึงเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่เคยล่วงเกินสวี่ชิงคนนั้น และยังมีคนอื่นๆ ตอนนี้ต่างดวงตาเป็นประกายวาววับ
ในขณะที่พวกเขาทั้งสิบสมาธิตั้งมั่น เสียงเคร่งขรึมบนท้องฟ้าก็ดังก้องไปในฟ้าดิน
“ชิงชิว ในกายมีตราประทับวิญญาณศึกสี่สิบตรา ก้าวขึ้นมาสี่ร้อยขั้น!”
ชิงชิวร่างสะท้านเฮือก ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เดินขึ้นมาตลอดทาง
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วนที่จับจ้องมา ก็มาถึงบนระดับความสูงสี่ร้อยขั้น ยืนอยู่กลางท้องฟ้า
“เฉินเอ้อร์หนิว ในกายมีตราประทับวิญญาณศึกหนึ่งร้อยยี่สิบตรา ก้าวขึ้นมาหนึ่งพันสองร้อยยี่สิบเจ็ดขั้น!”
นายกองรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง พุ่งออกไปทันที หลังจากที่ขึ้นไปไม่หยุดก็มาถึงบันไดขั้นที่หนึ่งพันสองร้อยยี่สิบเจ็ด
“จางซืออวิ้นในกายมีตราประทับวิญญาณศึกหกสิบสามตรา ก้าวขึ้นมาหกร้อยสามสิบขั้น”
“หนิงเหยียน…”
จากเสียงที่ดังก้อง ทุกคนก็ก้าวขึ้นมาบนบันไดในระดับต่างๆ ตามตราประทับวิญญาณศึกในกายของตนจากเสียงเคร่งขรึมที่ดังมา
จวบจนถึงสวี่ชิง
“สวี่ชิง ในกายมีตราประทับวิญญาณศึกสองร้อยเจ็ดสิบเก้าตรา ก้าวขึ้นมาสองพันเจ็ดร้อยเก้าสิบขั้น”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา