เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 372

บทที่ 372 ผลลัพธ์จากการยั่วยุสวี่ชิง

การทดสอบผู้ครองกระบี่ เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม

พิธีดั้งเดิมของเผ่ามนุษย์เช่นนี้ หาใช่สิ่งที่สำนักใดจะเปรียบได้ ขุมอำนาจที่แตกต่าง แน่นอนว่าทำให้กฎเกณฑ์ของพิธีแตกต่างไปด้วย

พิธีสำหรับโลกาวินาศแล้วสำคัญอย่างมาก

ยิ่งอยู่ในยามราตรี ยิ่งเรือนร่างอยู่ท่ามกลางวสันต์ ก็ยิ่งมีเปลวไฟก่อเป็นรูปเป็นร่าง เปลวไฟนี้..คือคบเพลิงสืบทอดของเผ่ามนุษย์ เป็นเปลวไฟสายเลือดเผ่ามนุษย์ เป็นตัวแทนจิตวิญญาณของเผ่ามนุษย์

ส่วนหน้าที่ของพิธี ก็คือการสืบทอดจิตวิญญาณ

ยิ่งเป็นทางการ ยิ่งศักดิ์สิทธิ์ การสืบทอดนี้ก็ยิ่งทำให้คนตราตรึง จนประทับไปในจิตวิญญาณไม่จางหายไปตลอดชีวิต

นี่ ก็คือพิธีผู้ครองกระบี่ และเป็นหนึ่งในพิธีของเผ่ามนุษย์

เวลานี้ผู้ครองกระบี่ตั้งแถวเป็นกระบวนทัพปีกคู่บนท้องฟ้า ยืนเคร่งขรึม สำหรับผู้ครองกระบี่แล้วรูปร่างของปีกถือว่ามีความหมายแฝงพิเศษ นั่นคือการคุ้มครอง

ใช้ปีกของตนเองคุ้มครองเผ่ามนุษย์ และยินยอมกลายเป็นปีกของเผ่ามนุษย์ เหินทะยานเพื่อความรุ่งโรจน์ของเผ่าเรา!

ผู้อาวุโสครองกระบี่ทั้งเก้าสีหน้าเคร่งขรึมราวกับกำลังเป็นพยาน นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของพิธีเช่นกัน ยืนฝั่งละสี่คน อยู่ตรงกลางคนเดียวในความสูงที่ต่างกัน กลายเป็นขุนเขา กลายเป็นกระบี่

เป็นตัวแทนของความเฉียบคมผู้ครองกระบี่ กระบี่อาญาสิทธิ์แห่งผู้ครองกระบี่

เบื้องหลังพวกเขาคือแสงพร่างพราวบนท้องฟ้ารวมถึงเทวรูปมหาจักรพรรดิที่ราวกับค้ำยันฟ้าดินไว้ องค์ท่านจ้องมองผืนปฐพี คอยเฝ้าดูการสืบทอดของเผ่ามนุษย์

ใต้เทวรูป คือสวี่ชิงที่ถือกระบี่อาญาสิทธิ์ยืนอยู่บนท้องฟ้าสูงนับหมื่นจั้ง

สายลมพัดสะบัดเสื้อผ้า ผมยาวปลิวไสวตามลม แต่ร่างของเขายืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน พลังอำนาจในตอนนี้ไม่ต้องใช้กลิ่นอายสร้าง แค่สายตา แค่ตำแหน่งที่ยืนอยู่ ก็เพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ

เพราะบนบันไดที่จุดสูงสุด มีเพียงสวี่ชิงคนเดียว

แต่ต้นกำเนิดของพลังอำนาจนี้ก็แสนจะหนักหน่วงเช่นเดียวกัน!

ที่หนักหน่วงก็คือแรงกดทับของเทวรูปมหาจักรพรรดิ ที่หนักหน่วงก็คือภารกิจของผู้ครองกระบี่

และพิธีแต่เดิมของผู้ครองกระบี่ ไม่ควรเกิดการรวมตัวกันของกลิ่นอายและความหนักหน่วงเช่นนี้ที่คนคนเดียว ถึงอย่างไรก็เป็นแค่พิธีแรกของผู้ครองกระบี่เท่านั้น หลังจากนี้ต้องผ่านเหตุการณ์และการเลื่อนขั้นที่ยิ่งกว่านี้อีก ถึงจะเป็นเช่นนี้

ทว่าครั้งนี้ มีสวี่ชิงคนหนึ่ง

ระหว่างการทดสอบ เขามาถึงความสูงที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมณฑลรับเสด็จราชัน ขณะที่คนอื่นยังต้องแย่งชิงเพื่อเป็นหนึ่งในรายชื่อผู้ครองกระบี่ แต่เขาขึ้นมายืนที่บันไดขั้นสูงสุดแล้ว

สิ่งที่เขาต้องทำ มีแค่หยิบกระบี่อาญาสิทธิ์เท่านั้น

ขณะที่มือจับกระบี่ เขาก็เหมือนเปลี่ยนจากผู้เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

เป็นสักขีพยานให้แก่ร่างเงาหลายสายที่กำลังพุ่งขึ้นมาจากทางด้านล่าง

เหลือกระบี่อาญาสิทธิ์ แค่สองเล่ม มีเพียงสองคนที่จะทำสำเร็จ

และด้วยนิสัยของสวี่ชิงมีแค้นต้องชำระ เขาไม่อยากให้จางซืออวิ้นทำสำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นกฎก็ไม่ได้บอกว่าเขารบกวนไม่ได้ ชัดเจนว่าขอแค่ไม่เกินเลยก็น่าจะทำได้

“ทุกท่าน ระวังจางซืออวิ้นเอาไว้ เขามีวิชาสลับตำแหน่ง ต้องเห็นจึงจะใช้ได้ ในอุโมงค์ภูต คนผู้นี้ใช้วิชานี้กับข้า ชวร้ายที่สุด”

สวี่ชิงยืนอยู่จุดสูงสุด เอ่ยเรียบนิ่ง

เมื่อพูดไป สีหน้าของคนบนบันไดต่างเปลี่ยนไป

นายกองไม่ลังเล ทั่วร่างเปล่งแสงสีน้ำเงินจ้า ร่างเปลี่ยนเป็นเลือนรางทำให้คนรอบข้างมองไม่เห็น ระเบิดความเร็วของตนเองถึงขีดสุด เพียงพริบตาก็ขึ้นมาพันจั้ง ยังไม่หยุดชะงัก พุ่งไปต่ออีกครั้ง

เป้าหมายคือกระบี่อาญาสิทธิ์ที่อยู่ทางด้านซ้ายออกไปพันจั้งจากสวี่ชิง

จางซืออวิ้นสีหน้าไร้อารมณ์ เพราะความเสียหายในอุโมงค์ภูต เขาล่าช้ามาก บาดเจ็บหนัก เขาจึงคิดจะใช้วิชานี้ เป้าหมายคือเฉินเอ้อร์หนิวหรือไม่ก็ชิงชิว

ถึงอย่างไรสวี่ชิงก็เคยทำลายวิชานี้มาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังสร้างประวัติศาสตร์ในมณฑลรับเสด็จราชัน ผู้อาวุโสใหญ่ยังพูดออกมาว่ายอดเยี่ยม จนตอนนี้ได้ถือกระบี่อาญาสิทธิ์กลายเป็นผู้ครองกระบี่ไปแล้ว เขาจะสลับตำแหน่งกับสวี่ชิงความเสี่ยงก็มากเกินไป

แต่สวี่ชิงก็เตือนเร็วเหลือเกิน เมื่อเอ่ยออกมา เขายังไม่ทันได้สำแดงวิชาสลับตำแหน่งเลย แต่ในใจเขายังราบเรียบ จะใช้ต่อ เป้าหมายคือชิงชิว

ขณะเดียวกัน ร่างของนายกองภายใต้ความเร็วสูงสุดนั่นแบกแรงกดดันที่ก่อตัวขึ้นจากการวิ่งขึ้นบันได ทะยานจนถึงเป้าหมาย คว้ากระบี่อาญาสิทธิ์ไว้ ดวงตาเผยความยินดี หันหน้ามองสวี่ชิง

สวี่ชิงก็มองนายกอง

หลังจากทั้งสองคนยิ้มให้กัน สวี่ชิงก็พบว่าผู้ครองกระบี่บนท้องฟ้าไม่ได้ห้ามปรามอะไรกับคำพูดตนเองก่อนหน้า จึงเอ่ยกับด้านล่างอีกครั้ง

“จางซืออวิ้น เจ้าวางแผนคิดจะทำลายบ้านไม้ห้าเหลี่ยมในอุโมงค์ภูต ยิ่งไปกว่านั้น ยังรู้จักอุโมงค์ภูตเป็นอย่างดี เรื่องนี้ถ้าหากบอกว่าเจ้าไม่รู้มาก่อน ไม่มีเป้าหมาย คงไม่มีใครเชื่อแน่

“วางแผนเอาไว้นานแล้วเช่นนี้ พฤติกรรมกับความคิดของเจ้า มันน่าสงสัย!”

“ผู้ครองกระบี่สวี่ชิง ขอเชิญผู้อาวุโสผู้ครองกระบี่ทุกท่าน ตรวจสอบจางซืออวิ้น!”

จางซืออวิ้นที่กำลังทะยานอยู่ที่ขั้นที่เจ็ดพันกว่า ขณะเดียวกันกำลังสำแดงวิชาสลับตำแหน่งกับชิงชิวที่ขั้นที่เกือบจะเก้าพันนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของสวี่ชิง ในที่สุดใจเขาก็เกิดระลอกคลื่น เขาจะไม่สนใจเช่นเดียวกับวิชากระตุ้นจิตของหลี่จื่อเหลียงก็ได้ เพราะมันคือสมมุติฐาน ขอแค่ตนหนักแน่นพอ

ทว่า…สวี่ชิงไม่เพียงแต่พูดความลับที่แท้จริงของเขาออกมา แต่ยังร้องขอให้ผู้อาวุโสตรวจสอบด้วย เรื่องนี้ไม่ใช่การกระตุ้นจิตแล้ว เขากำลังทำใหเขาไร้ทางเลือก!

“เหลวไหลทั้งเพ!”

จางซืออวิ้นรู้ว่าเรื่องนี้อธิบายยืดยาวไม่ได้ เวลานี้ไม่เหมาะที่จะอธิบายเช่นกัน แต่จะไม่พูดก็ไม่ได้ จึงแสร้งพูดราบเรียบ สำแดงวิชาต่อ แต่สุดท้ายระลอกคลื่นในใจก็ยังสร้างผลกระทบกับวิชา

และพริบตาที่สำแดงวิชาสลับตำแหน่ง สายตาหญิงชุดแดงที่อยู่เบื้องหน้าก็เปล่งประกาย พลันถอยไปด้านหลัง

ที่แห่งนี้ด้านหน้ามีแรงกดดันจึงไปอย่างรวดเร็วไม่ได้แน่นอน แต่การถอยกลับง่ายมากราวกับได้รับพร ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นเพียงพริบตาร่างของชิงชิว จึงกลับไปที่ช่วงขั้นที่สามพันกว่า

เคลื่อนย้ายสลับตำแหน่ง!

จางซืออวิ้นเคลื่อนย้ายจากขั้นที่เจ็ดพันกว่าสู่ขั้นที่สามพันกว่าสำเร็จ ส่วนชิงชิวก็ถูกเขาย้ายไปขั้นที่เจ็ดพันกว่า

ก่อนจะสลับตำแหน่ง พวกเขาห่างกันอยู่สองพันกว่าขั้น หลังจากที่เปลี่ยนตำแหน่ง ก็ห่างกันเกือบสี่พันขั้น

และพริบตาที่สลับตำแหน่งสำเร็จ ร่างของชิงชิวก็ปรากฏผีร้ายขนาดยักษ์ขึ้นมา มันรวมพลังไว้นานแล้ว จึงอ้าปากยักษ์กลืนกินจางซืออวิ้นที่อยู่ด้านหลัง

จางซืออวิ้นร่างสั่นเทิ้ม ภายในปั่นป่วน อดชะงักฝีเท้าไม่ได้ ในใจร้อนรนถึงขีดสุด วิธีการของชิงชิวง่ายมาก แต่ยิ่งง่าย ก็ยิ่งคาดไม่ถึง

หญิงชุดแดงชิงชิวใช้โอกาสนี้ ทั้งร่างเปล่งแสงแดงจ้า สำแดงวิชาลับทั้งหมดออกมาอย่างไม่เสียดาย ร่างกายปรากฏภาพทับซ้อน กระอักเลือดถึงเจ็ดครั้ง แลกกับความเร็วสูงสุด

ระหว่างที่ฝ่ายหนึ่งลดขั้นฝ่ายหนึ่งเพิ่มขั้น ในที่สุดก็ทะยานขึ้นมาถึงยอด คว้ากระบี่อาญาสิทธิ์อันที่สามไปได้

พริบตาที่คว้ากระบี่อาญาสิทธิ์ได้ ชิงชิวก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ กระทั่งมีชิ้นส่วนอวัยวะภายในออกมาด้วย เห็นได้ชัดว่าวิชาลับครั้งนี้สำหรับนางแล้วตีกลับรุนแรงมาก

เวลานี้หมดสภาพ เหมือนจะทรงตัวไม่อยู่ ทำได้เพียงใช้เคียวยมทูตผีร้ายประคองไว้ ฝืนยืนอยู่ตรงนั้น อ่อนระโหยโรยแรง แต่ดวงตาของนางกลับเผยแววดื้อรั้นออกมา

บทที่ 372 ผลลัพธ์จากการยั่วยุสวี่ชิง 1

บทที่ 372 ผลลัพธ์จากการยั่วยุสวี่ชิง 2

บทที่ 372 ผลลัพธ์จากการยั่วยุสวี่ชิง 3

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา