บทที่ 386 ลูกเหยี่ยวสยายปีก
เผ่าสิงซากสมุทร เหนือกระจกโบราณสำริด
สวี่ชิงพลันลืมตาขึ้นมา ในกายปั่นป่วนซัดโหม ในเสี้ยวขณะนี้อวัยวะภายในเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง
ลำคอฝืดเฝื่อน กระอักเลือดออกมา พ่นไปบนกระจกโบราณ แล้วหยดย้อยลงมา น่าสยดสยองนัก
ในยามเงยหน้าขึ้น ดวงตาสวี่ชิงก็ฉายแววตื่นตะลึง
“ยักษ์ที่ประกอบร่างขึ้นจากกระดูกนับไม่ถ้วนนั่น…คือจักรพรรดิแห่งแดนต้องห้ามมรณะเช่นนั้นหรือ”
“มัน ถูกตัวตนในประตูใหญ่สำริดกินแล้ว”
ในหัวสวี่ชิงมีแขนสีทองที่ยื่นออกมาจากในประตูใหญ่สำริดบานนั้นปรากฏขึ้น ความศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ซ่านออกมาตลอดจนความยิ่งใหญ่ทรงพลังที่ไม่กล้าจ้องมองตรงๆ ทำให้เขาจนถึงตอนนี้ในใจก็ยังเกิดระลอกคลื่นซัดโหมไม่หยุด
เขารู้ดีว่าภาพที่ตัวเองเห็นเป็นความทรงจำของผู้บำเพ็ญต่างเผ่าตนนั้น ไม่ได้เห็นตรงๆ
หรือก็คือทุกอย่างนี้เป็นการกลั่นกรองและถ่ายโอนประสบการณ์ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ร่างแยกสวี่ชิงก็ยังสลาย ร่างจริงที่อยู่ทางนี้ก็ได้รับบาดเจ็บไปด้วย
แค่คิดก็รู้แล้วว่า ระดับของแขนข้างนั้นจะต้องสูงมากเป็นอย่างแน่นอน
“เป็นเทพเจ้าอีกแล้ว…” สวี่ชิงไม่จำเป็นต้องเดาก็ได้คำตอบแล้ว
เขาไม่รู้ว่าโลกใบนี้มีเทพเจ้าอยู่มากเท่าไรกันแน่
ครู่หนึ่ง สวี่ชิงเพิ่งจะสงบจิตใจที่ซัดโหมลงได้ ก็รีบใช้ของวิเศษเวทต้องห้ามสำนักเจ็ดเนตรโลหิตติดต่ออาจารย์ทันที บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เห็นจนหมดสิ้น
หลังจากสวี่ชิงรายงานจบ ในพันธมิตรแปดสำนักก็มีเสียงระฆังดังมา สภาอาวุโสที่รวมตัวจากบรรพจารย์แต่ละสำนัก ก็ทำการประชุมฉุกเฉินทันที
หลังจากนั้นพันธมิตรแปดสำนักจัดการเรื่องนี้อย่างไรสวี่ชิงไม่รู้ ตอนนี้เขาได้รับคำสั่งของนายท่านเจ็ด สั่งไม่ให้ไปสำรวจในจุดลึกของแดนต้องห้าม แต่ให้คอยจับตามองพื้นที่รอบนอกของแดนต้องห้ามให้ดี
ขณะเดียวกันก็เตือนเขา หากรู้สึกว่าเหตุการณ์ไม่สู้ดีให้รีบกลับมาทันที
สวี่ชิงสัมผัสได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์จากคำพูดของอาจารย์ จึงรับปากฟังคำสั่ง
รักษาบาดแผลไปด้วย ใช้ของวิเศษเวทต้องห้ามเจ็ดเนตรโลหิตจับตามองชายขอบแดนต้องห้ามมรณะไปด้วย
คอยจับตามองอยู่ตลอดเวลา
และปฏิกิริยาของพันธมิตรแปดสำนักก็รวดเร็วมาก เวลาเพียงสองวัน ของวิเศษเวทต้องห้ามของแต่ละสำนักในพันธมิตรแปดสำนักก็อยู่ในสภาวะเปิดขึ้น ขณะเดียวกันพันธมิตรแปดสำนักก็แจ้งไปที่มณฑลรับเสด็จราชันว่าแดนต้องห้ามมรณะอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
แค่รายงานนี้ประกาศออกมา ก็ฮือฮาไปทั่วมณฑลรับเสด็จราชันทันที
เนื่องจากเรื่องประเภทนี้ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่แล้วในแดนต้องห้ามเสียงวิญญาณ แม้เคราะห์ภัยที่เกิดขึ้นในตอนนั้นจะผ่านพ้นไปนานแล้ว ทว่าในบันทึกตำราของแต่ละสำนักยังมีบันทึกเอาไว้
ความโหดเหี้ยมอเนจอนาถน่าสังเวชในตอนนั้น สยดสยองพองเกล้านัก
จากนั้น พันธมิตรแปดสำนักก็ส่งผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งออกไป โดยมีบรรพจารย์ของสำนักอันดับหนึ่งและสำนักอันดับสามเป็นผู้นำ มุ่งหน้าไปทำการตรวจสอบสุดท้ายในแดนต้องห้ามมรณะ
การสืบสำรวจครั้งนี้พันธมิตรแปดสำนักยังเชิญโถงครองกระบี่ให้มาเข้าร่วมเพื่อความโปร่งใสอีกด้วย
เรื่องใหญ่โตนัก ฝ่ายที่จับตามองไม่ได้มีแค่พันธมิตรแปดสำนัก ยังมีสำนักเซียนล้ำบารมีและลัทธินอกวิถี อย่างไรเสียหากแดนต้องห้ามมรณะเกิดปัญหา ขั้วอำนาจทุกขั้วอำนาจในมณฑลรับเสด็จราชันล้วนไม่อาจหลบเลี่ยงได้
โถงครองกระบี่ก็อยู่ในนั้นด้วย
ผู้อาวุโสผู้ครองกระบี่คนหนึ่งมาด้วยตัวเอง
พวกเขากลุ่มหนึ่งเข้าไปในแดนต้องห้ามอย่างรวดเร็ว สวี่ชิงจับตามองอย่างไม่คลาดสายตาผ่านจากของวิเศษเวทต้องห้าม และหลังจากที่คนเหล่านี้เข้าไป ในแดนต้องห้ามมรณะก็เกิดระลอกคลื่นเป็นระลอกๆ
เหตุการณ์ทั้งหมดดำเนินไปไม่นานนัก เพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้นคนกลุ่มนี้ของพันธมิตรแปดสำนักก็กลับมา
ทุกคนล้วนสีหน้าแฝงความเคร่งเครียด ผู้อาวุโสผู้ครองกระบี่ที่ติดตามเข้าไปเป็นประจักษ์พยานก็เช่นกัน
ไม่นานนักผลของการสืบสำรวจในแดนต้องห้ามมรณะก็ประกาศแจ้งไปทั้งมณฑลรับเสด็จราชัน
แดนต้องห้ามเกิดการเปลี่ยนแปลงจริงๆ ประตูมรณะเปิดออก จักรพรรดิแดนมรณะแตกดับ แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างมากเท่าไร ได้ทำการเสริมผนึกใหม่แล้ว
ข่าวนี้เมื่อออกมา สำนักเล็ก ขั้วอำนาจเล็กในมณฑลรับเสด็จราชันเหล่านั้นต่างโล่งอก ทว่าระหว่างสำนักใหญ่ๆ ไม่ได้เป็นเช่นนั้น กลับยิ่งระมัดระวัง อีกทั้งลดขอบเขตการเคลื่อนไหว ต่างเฝ้าระวัง
เพราะถึงเนื้อหาที่ประกาศแจ้งจะไม่ใช่เรื่องโกหก เรื่องจริงก็เป็นเช่นนั้น ทว่า การสืบสำรวจของพันธมิตรแปดสำนักครั้งนี้ค้นพบร่องรอยอย่างหนึ่ง
ประตูมรณะในแดนต้องห้ามมรณะไม่ได้เปิดออกเอง และไม่ได้เปิดออกจากข้างใน ทว่ามันเปิดมาจากข้างนอก
อีกทั้งต่อให้เสริมความแข็งแกร่งของผนึก แต่ผนึกประเภทนี้ก็แค่พอกล้อมแกล้มใช้ได้เท่านั้น
ไม่ช้าก็เร็วแดนต้องห้ามมรณะจะต้องเกิดอุบัติภัยความวุ่นวายขึ้น
แต่เวลานั้นน่าจะไม่ใช่เร็วๆ นี้ อย่างไรเสียครั้งนี้พันธมิตรแปดสำนักก็ค้นพบได้ทันเวลา และได้ให้เวลามณฑลรับเสด็จราชันได้เตรียมตัว
แต่ว่าเป็นใครที่เปิดประตูมรณะ คำถามนี้กลายเป็นหมอกคลุมเครือปกคลุมไปในใจของสำนักใหญ่ทั่วทั้งมณฑลรับเสด็จราชัน
คนที่เปิดออกได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน
มีคนสงสัยเทียนประทีป แต่ดูจากร่องรอยเบาะแสต่างๆ ก็เหมือนจะไม่ใช่ ทว่าเป็นขั้วอำนาจที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
ทุกอย่างทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นในครึ่งเดือนนี้
ในยามที่พายุฝนตั้งเค้า หน้าที่ผู้ควบคุมของวิเศษสามเดือนนี้ก็มาถึงเวลาสิ้นสุด
แม้แดนต้องห้ามมรณะเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง พันธมิตรแปดสำนักยิ่งระมัดระวังและเฝ้าป้องกัน แต่หลักๆ แล้วข้างนอกหละหลวม ข้างในแน่นหนา อีกทั้งเรื่องที่ควรทำอย่างไรก็ต้องทำ ยกตัวอย่างเช่น สาขาย่อยเมืองหลวงเขตปกครองผนึกสมุทรครั้งนี้เปลี่ยนคนประจำการ
ดังนั้นในยามที่สวี่ชิงกลับมา พันธมิตรแปดสำนักก็ทำการยืนยันรายชื่อผู้ที่จะไปเขตปกครองผนึกสมุทรครั้งนี้ครั้งสุดท้าย
ครั้งนี้จอมเซียนจื่อเสวียนจะเป็นคนนำกลุ่มเดินทางไปยังเมืองหลวงเขตปกครอง
นางจะไปประจำการที่เมืองหลวงเขตปกครองเป็นระยะเวลาสิบปี ดูแลสาขาย่อย
ขณะเดียวกันนายท่านห้าแห่งสำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็ได้รับคำสั่งให้ไปเป็นเจ้าสำนักสาขาย่อย นางก็จะตามไปด้วย ระยะเวลาที่ประจำการคือสิบปีเหมือนกัน
นอกจากนี้ยังมีลูกศิษย์อัจฉริยะจากสำนักต่างๆ อีกจำนวนหนึ่งก็ถูกส่งไปเมืองหลวงเขตปกครอง ไปฝึกฝนที่นั่น
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา