บทที่ 40 เติบโต
ผ่านไปนาน ลูกกวาดละลายไปแล้ว
แสงตะวันทอดผ่านลงมาตามยอดไม้ มีส่วนหนึ่งตกอยู่บนหน้าสวี่ชิง และหลอมละลายไปในส่วนลึกจิตใจของเขาเช่นเดียวกันลูกกวาด
ปลอบประโลมความเสียใจของเขา
ผ่านไปครู่หนึ่ง สวี่ชิงลืมตาเงียบๆ จ้องมองแสงสายนั้น มองไล่ไปตามดวงตะวันบนท้องฟ้าต้นกำเนิดของมัน จากนั้นก็ก้มหน้าลงมองป้ายหลุมศพชายชรา ถอนหายใจเบาออกมาเสียงหนึ่ง
“หัวหน้าเหลย เดินทาง…ปลอดภัย”
สวี่ชิงยืนขึ้นคารวะลึกซึ้ง ตอนหันกลับไปเขาก็กดความอ่อนแอทั้งหมดลงไปในส่วนลึก ขณะเดียวกันก็กลบฝังความอ่อนหัดสุดท้ายในใจพร้อมหัวหน้าเหลยไปชั่วนิรันดร์ ไม่ให้มันโผล่ออกมาอีกแม้แต่เพียงน้อย
โชคชะตามอบความอบอุ่นส่วนหนึ่งแก่เขา แต่ปัจจุบันกลับถูกโลกใบนี้ช่วงชิงไปอย่างไร้ความเมตตา นี่คือความจำใจของโลกมนุษย์ แต่เส้นทางของชีวิตนี้ สวี่ชิงก็ยังต้องเดินต่อไป
ดวงตาของเขาค่อยๆ กลับมาคมกริบอีกครั้ง มีความลึกซึ้งเพิ่มขึ้นมาบางส่วน
กลิ่นอายค่อยๆ เฉียบคมและกลมกลืนมากขึ้น
ร่างไหววูบ สวี่ชิงวิ่งทะยานออกไปตามชายขอบป่าภายใต้แสงตะวัน
ร่างของเขาปราดเปรียวพุ่งทะลวงผ่านเงาแสง เพียงแต่ถ้ามองอย่างละเอียด ยังมองเห็นความหมองหม่นตกค้างอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่แสงไม่สามารถขจัดมันทิ้งไปได้ในเวลาสั้นๆ
เข้มข้นจนกลายเป็นหงอยเหงา
ยิ่งลึกขึ้นเรื่อยๆ
และยิ่งเย็นเยียบขึ้นเรื่อย
เหมือนลูกหมาป่าตัวหนึ่งที่ใช้ชีวิตในป่าที่โหดร้าย เติบโตมากับความโดดเดี่ยว และค่อยๆ เข้าใกล้ความเป็นหมาป่าเดียวดายที่แท้จริงไปอีกก้าว
เวลาไหลผ่านไปหนึ่งวันอย่างรวดเร็วในป่าผืนนี้ เงาของสวี่ชิงก็ไม่ได้หยุดพักเลย จนกระทั่งแสงยามเย็นสาดส่อง เขาก็ย่างออกจากพื้นที่ต้องห้าม เดินเข้าสู่โลกมนุษย์
แต่พื้นที่ที่เขาย่างออกมา ไม่ใช่อาณาเขตของฐานที่มั่น แต่เป็นอีกด้านหนึ่ง
เขาไม่คิดจะกลับไปฐานที่มั่นแล้ว
การตายของศัตรูหัวหน้าเหลย จะต้องมีภัยพิบัติตามมาแน่
ในเมื่อองค์กรที่อีกฝ่ายอยู่สามารถย่ำไปทั่วทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าที่คนตายไปจะเล็กจ้อยไม่ควรเอ่ยถึงคนหนึ่ง แต่ความเป็นไปได้ก็ยังต้องตรวจสอบ
เรื่องนี้สวี่ชิงไปเดิมพันไม่ได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตายของหัวหน้าฐาน
สวี่ชิงเคยได้ยินหัวหน้าเหลยพูดถึงสำนักวัชระ
คนแรกแม้ขั้วอำนาจจะยิ่งใหญ่ แต่ก็เป็นแค่พญามังกรเท่านั้น ฝ่ายหลังสิถึงจะเป็นพญางูในพื้นที่
นั่นคือขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาเขตผืนนี้
เมืองและฐานที่มั่นคนเก็บกวาดนับสิบของพื้นที่นี้ล้วนเกี่ยวข้องกับสำนักวัชระ ทั้งถูกควบคุมโดยตรงและโดยอ้อม
บรรพจารย์ของสำนักก็ฝึกบำเพ็ญไปจนถึงระดับสร้างฐาน
สำหรับผู้คนและคนเก็บกวาดที่ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่นี้ ระดับสร้างฐานเป็นดั่งเทพเซียน แม้ว่าจะมีคนพบเห็นจริงๆ อยู่บ้าง แต่แรงกดดันกับความสั่นสะเทือนที่มาจากระดับสร้างฐานก็ทำให้คนทั้งหมดล้วนเคารพยำเกรงจากก้นบึ้งจิตใจ
ดังนั้นสวี่ชิงจึงเข้าใจอย่างดีว่าตนเองที่สังหารผู้อาวุโสสองคนของสำนักวัชระ สิ่งแรกที่ต้องเผชิญหน้าจะต้องเป็นไฟโทสะของสำนักวัชระแน่นอน และการจะแก้ไขปัญหานี้ได้ วิธีการนั้นแสนง่ายดาย
เขาต้องการขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ามาข่มสำนักวัชระ เพื่อให้พวกเขาไม่กล้าผลีผลามบุ่มบ่าม
ขั้วอำนาจนี้ก็คือสำนักเจ็ดเนตรโลหิต
สำหรับเมืองกับฐานที่มั่นใกล้ๆ นี้ สำนักวัชระเป็นตัวตนมหาอำนาจ แต่สำหรับสำนักวัชระแล้ว สำนักเจ็ดเนตรโลหิตคือตัวตนยิ่งใหญ่คับฟ้าค้ำสวรรค์อย่างแท้จริง
ให้ความกล้าสำนักวัชระอีกสักร้อยเท่า พวกเขาก็ยังไม่กล้ามายั่วยุสำนักเจ็ดเนตรโลหิต
ดังนั้นสวี่ชิงเข้าใจอย่างยิ่งว่าขอแค่ตนเองกลายเป็นศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตได้ วิกฤตการณ์นี้ก็สามารถปลดปลงได้ชั่วคราว
ดังนั้นเวลานี้เขาที่เดินออกมาจากพื้นที่ต้องห้าม จึงลูบๆ ที่ป้ายแนะนำเจ็ดเนตรโลหิต ดวงตาเผยความคมกริบออกมา
เขาคิดจะไปสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเสียรอบหนึ่ง!
เจ็ดเนตรโลหิตอยู่ห่างจากที่นี่มาก หากคนปกติทั่วไปคิดจะไปก็ต้องใช้เวลานับปี ระหว่างทางไม่ใช่แค่ต้องข้ามน้ำข้ามภูเขา แต่ยังต้องฝ่าภยันตรายอีกมากมาย
แต่สำหรับคนที่ถือป้ายแนะนำแล้ว ทั้งหมดนี้ก็จะง่ายดายไม่น้อย
ด้านหลังของป้ายแนะนำนี้ สลักแผนที่ของเจ็ดเนตรโลหิตไว้ ขณะเดียวกันก็ยังมีจุดนูนอยู่มากมาย ด้านในทุกจุดล้วนเป็นตำแหน่งของเมืองย่อยเจ็ดเนตรโลหิต
ถือป้ายแนะนำนี้เข้าไปในเมืองย่อยใดก็ตาม จะได้รับการส่งตัวไปโดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนใดๆ หนึ่งครั้ง
ในนี้จุดที่อยู่ใกล้ที่สุดก็คือเมืองเขากวางที่อยู่ทิศตรงข้ามกับเมืองคลื่นสน
คุณสมบัติการเข้าพักในเมืองเขากวางไม่เหมือนกับเมืองคลื่นสน ไม่เพียงแต่ต้องใช้เหรียญวิญญาณที่มากกว่า แต่ยังต้องมีการแนะนำจากศิษย์ของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตด้วย ดังนั้นตอนนั้นหัวหน้าเหลยจึงเข้าไปไม่ได้
พอคิดถึงจุดนี้ สวี่ชิงก็หันหน้ากลับไปมองลึกซึ้งยังพื้นที่ต้องห้ามผาดหนึ่ง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งถึงหันหลังกลับ วิ่งทะยานออกไปภายใต้แสงยามเย็น เป้าหมายคือเมืองเขากวาง
“คำนวณเวลาแล้ว อย่างมากสามวัน ข้าก็คงไปถึงเมืองเขากวาง” สวี่ชิงคำนวณในใจ
เขาไม่เคยไปเมืองเขากวาง แต่ก็เคยได้ยินชื่อมาบ้าง เพราะจุดที่เมืองเขากวางตั้งอยู่ ห่างจากสถานที่ที่เขาเคยพักอยู่เมื่อหกปีก่อนซึ่งตอนนี้กลายเป็นซากเมืองไปแล้วไม่ไกลนัก
เวลานี้สวี่ชิงอาศัยท้องฟ้าราตรี เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ เพียงลำพังในที่รกร้างนี้
เวลาผ่านไปสองวันอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงไม่กลับฐานที่มั่นคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
ตอนนี้ในฐานที่มั่นคนเก็บกวาด มีศิษย์ที่มาจากสำนักวัชระนับสิบคน กำลังรอคอยอย่างเย็นชา กระทั่งยังมีอีกเจ็ดแปดคนออกไปค้นหาในผืนป่าอีกด้วย
สาเหตุที่รู้เรื่องเร็วถึงเพียงนี้เป็นเพราะความหลากหลายในกลุ่มคนเก็บกวาดที่มีคนฉลาดแกมโกงอยู่ด้วย นอกจากจะสังหารทิ้งให้หมด ต้องมีคนไปบอกเรื่องนี้เป็นแน่
ดังนั้นตอนที่เรื่องนี้ไปถึงสำนักวัชระ จึงมีโทสะระเบิดออกมา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา