บทที่ 404 เขาคือนรก
สวี่ชิงตอนนี้กำลังอยู่ที่ด้านนอกชั้นแปดสิบเก้า มองไปทางพัศดีที่รออยู่ทางนั้น
พัศดีที่มีแผลเป็นบนใบหน้าคนนี้ เห็นได้ชัดว่าได้รับคำสั่งมา รับรู้ตำแหน่งหน้าที่ถัดจากนี้ของสวี่ชิง จึงกอดอกพิงผนังพิจารณาสวี่ชิง
แม้ก่อนหน้าตอนอยู่ด้านนอกเขาจะตรวจสอบดูแล้ว ทว่าตอนนั้นเป็นการพิจารณาจากท่าทีของคนนอก แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว หลังจากเขากวาดตามอง ก็มองไปยังใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของสวี่ชิง
“เจ้าหนู หน้าตาดีถึงเพียงนี้ มาที่นี่จะเสียเปรียบ สำหรับพวกนักโทษที่โฉดชั่วเหล่านั้น หน้าตาแบบเจ้าไม่มีพลังคุกคาม จะกลายเป็นเรื่องสนุกให้พวกเขาแก้เบื่อเอาน่ะสิ”
พัศดีกลางคนยังคงยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม
สวี่ชิงไม่พูดอะไร เงยหน้ามองพัศดี
สบตากับสวี่ชิง พัศดีกลางคนมองความสงบนิ่งในดวงตาสวี่ชิงออก จึงหัวเราะอีกครั้ง
“น่าสนใจ มากับข้าสิ” หลังของพัศดีที่พิงกับผนังกำแพง ยันตัวขึ้น เดินขึ้นไปตามบันไดที่วนล้อมในกรมราชทัณฑ์อันมืดมิด
ตอนที่เดินผ่านประตูห้องขังสีดำแต่ละแห่ง เขาก็กวาดตามองเข้าไปด้านในเป็นระยะ ก่นด่าออกไปหลายคำ
ไม่ว่าเหล่านักโทษด้านในเหล่านั้นจะเอะอะเอ็ดตะโรเพียงใด หลังจากที่พัศดีคนนี้ก่นด่า ก็เงียบกริบในพริบตา
สวี่ชิงกำลังครุ่นคิด ขณะเดียวกันก็ยังสังเกตเห็นมิติกว้างขวางด้านในแต่ละห้องขัง ในนั้นมีกรงขังนับร้อย ด้านในขังนักโทษเอาไว้มากมายหลายเผ่า
ที่รูปร่างประหลาดก็มีไม่น้อย มีที่ไม่ใช่รูปร่างมนุษย์อยู่มากมาย หลังจากสวี่ชิงกวาดสายตาไปยังห้องขัง กระทั่งยังเห็นเผ่าสิงซากสมุทรอีกด้วย
เมื่อสังเกตห้องขังเสร็จ สวี่ชิงก็ถอนสายตากลับมา ก้มหน้ามองด้านล่างบันไดที่เหมือนกับหลุมลึกดำมืดนั่น
ปราณเยือกเย็นลอยขึ้นมาจากด้านล่าง แล้วยังมีเสียงคำรามต่ำแว่วมาด้วย
“ไม่ต้องดูแล้ว ด้านล่างชั้นแปดสิบเก้าคือเขตปิ่ง ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะเข้าไปได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยังไม่มีคุณสมบัตินี้เลย” พัศดีด้านหน้าส่งเสียงเรียบออกมา
“ที่นี่เคยเป็นอุโมงค์ภูตมาก่อนหรือขอรับ” สวี่ชิงจู่ๆ ก็ถามขึ้นมา
“เห็นโลกมาไม่น้อยเลยนะ ถูกต้อง ที่นี่เคยเป็นอุโมงค์ภูตจริงๆ คนที่เมืองหลวงจักรพรรดิมาสะกดไว้ตอนที่สร้างกรมราชทัณฑ์แล้ว
“หืม?”
พัศดีกำลังพูด จู่ๆ สีหน้าก็เคร่งขรึม ถีบห้องขังที่อยู่ข้างๆ เปิดประตูใหญ่ไป หลังจากเข้าไปก็มีเสียงปิดประตูใหญ่ดังปึง
ประตูใหญ่เวลานี้ก็เปลี่ยนเป็นเลือนราง มองด้านในไม่ชัด
สวี่ชิงยืนรออยู่ตรงนั้น สีหน้าเรียบสงบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูใหญ่ห้องขังก็เปิดออก พัศดีกลางคนคนนั้นยิ้มเหี้ยมเกรียมพลางเช็ดเลือดสดบนหน้าที่มาจากพวกนักโทษ เดินออกมา
“มีนักโทษจากเผ่าเจี่ยวซางคนหนึ่ง มันเคยไปล่าสังหารสำนักเล็กๆ ที่ข้าเคยอยู่ หลังจากที่ข้ากลายเป็นพัศดีก็ขอลาหยุดไปด้านนอก จับตัวมันมาไว้ที่นี่ มันก็เอาแต่ดื้อรั้น ทุกครั้งที่เห็นก็อดไม่ได้ต้องเข้าไปเล่นงานสักหน่อย แต่ก็ต้องระวังไม่ให้มันตาย ไม่งั้นหลังจากนี้จะหมดเรื่องสนุก”
แตกต่างกับตอนที่เข้ามา เวลานี้พัศดีดูผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัดหลังจากพูดคุยกับสวี่ชิง ทั้งยังผิวปาก เดินหน้าต่อ
สวี่ชิงมองไปที่ห้องขังนั้น เวลานี้ด้านในเงียบเป็นเป่าสาก หมอกเลือดเข้มข้นแผ่ซ่านอยู่ด้านใน เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเล่นงานง่ายๆ แบบที่อีกฝ่ายพูดมา
ทว่าทั้งหมดนี้ตอนอยู่ที่กรมปราบพิฆาตในอดีตคือเรื่องปกติ สวี่ชิงไม่ใส่ใจ เดินตามอีกฝ่ายต่อไป
ตลอดทางสวี่ชิงเห็นพัศดีอีกมากมาย ส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องขัง เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนมีห้องขังที่คอยดูแลอยู่ ที่ออกมาด้านนอกมีไม่มากนัก
แต่ก็แตกต่างกับตอนที่เข้ามา ครั้งนี้พัศดีกลางคนทุกครั้งที่เห็นเพื่อนร่วมงาน ก็เอ่ยปากแนะนำขึ้นมา
“มีคนใหม่มาแล้ว”
ทุกครั้งที่ได้ยินคำนี้ เหล่าพัศดีที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดรุนแรง ก็เผยความสนอกสนใจ หลังจากพิจารณาสวี่ชิง มีบางคนที่ตามมาด้านหลัง
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากที่ด้านหลังมีพัศดีตามมาสามสิบกว่าคน ก็มีคนเร่งรัดขึ้น
“ท่านหลี่ ประมาณนี้แหละ นี่มาถึงเขตติงที่สิบเจ็ดแล้วนะ ถ้าไปอีกก็ไม่มีความหมายแล้ว ทุกคนยังมีงานอีกนะ แค่มาดูมหรสพไม่จำเป็นต้องเสียเวลาถึงเพียงนี้ก็ได้กระมัง”
พัศดีเมื่อกลางคนคนนั้นได้ยินก็แสยะยิ้ม หยุดเท้าที่หน้าห้องขังแห่งหนึ่ง
พูดพลาง เขาก็ถีบประตูห้องขังใหญ่เสียงดังปัง กวักมือเรียกสวี่ชิง เดินนำเข้าไป
สวี่ชิงหันหน้ากลับไปมองพัศดีสามสิบกว่าคนด้านหลัง
คนเหล่านี้ทุกคนล้วนตาเป็นประกาย ราวกับฝูงหมาป่าตอนกลางคืนอย่างไรอย่างนั้น ทั้งหมดมองมาเขา
จู่ๆ สวี่ชิงก็เอ่ยปาก
“พวกท่านมาเดิมพันกันหรือขอรับ”
เมื่อเขาพูด พัศดีด้านนอกเหล่านั้นก็หัวเราะ
“ข้าขอเดิมพันตัวข้าเอง” สวี่ชิงพูดพลาง ล้วงถุงใบหนึ่งออกมา ด้านในมีหินวิญญาณอยู่ประมาณหนึ่งร้อยก้อน วางไว้ข้างๆ
จากนั้นหันหลัง เดินเข้าไปในห้องขัง
“น่าสนใจ” ด้านนอกมีพัศดีอยู่อีกนับสิบคน หลังจากมองหน้ากันเอง ความสนใจก็เพิ่มมากขึ้น พากันเดินเข้ามา
ขณะที่สวี่ชิงก้าวเข้าไปในห้องขัง เบื้องหน้าก็เลือนราง ราวกับเข้ามาอีกมิติหนึ่ง และมาปรากฏตัวบนพื้นที่โล่ง รอบด้านล้อมด้วยกรงขังขนาดยักษ์นับร้อย
นักโทษด้านในบ้างโหดเหี้ยมบ้างเงียบนิ่ง บ้างหน้ายิ้มแย้มบ้างดวงตาเผยประกายประหลาด แต่กลับไม่มีใครพูด ทั้งหมดอยู่ในกรงจ้องมาที่กลุ่มของสวี่ชิงเขม็ง
พัศดีกลางคนคนนั้นที่เดินเข้ามาคนแรก เวลานี้กวาดสายตามองไปทั้งสี่ด้าน
“ความสนุกไหม่ของพวกเจ้ามาแล้ว ครั้งนี้พวกเจ้าโชคดีมาก
“จากนี้ข้าจะดูการแสดงของพวกเจ้า กฎเดิม ใครฉีกเนื้อเขาออกมาได้ชิ้นหนึ่ง หนึ่งเดือนถัดจากนี้จะไม่ปิดประตูกรงขัง มีอิสระในห้องขังติงที่สิบเจ็ด และไม่โดนเอาคืน นี่คือกฎ”
เมื่อพัศดีเปล่งเสียงออกมา ในกรงขังรอบด้านก็ส่งเสียงโห่ร้องกึกก้อง สายตาที่มาพร้อมกับความโหดเหี้ยมและบ้าคลั่งจดจ้องมาที่สวี่ชิง ราวกับจะใช้สายตาฉีกกระชากสวี่ชิงเป็นชิ้นๆ
ในสายตาพวกเขาสวี่ชิงที่ดูผิวเนียนละเอียดนุ่มนวล ก็ราวกับเป็นของหวานถูกปาก ทำให้พวกเขายิ่งเผยความโหดร้ายจากก้นบึ้งจิตใจ ถึงอย่างไรการไม่ปิดประตูกรงขังหนึ่งเดือน สิ่งที่เทียบเท่ากับความอิสระเช่นนี้ พวกเขาล้วนปรารถนาอย่างยิ่ง
ต่อให้รู้ว่าผู้ที่มารับตำแหน่งเป็นพัศดีที่นี่ได้นั้นไม่ง่าย แต่ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไร ความกล้าย่อมเพิ่มมากขึ้นด้วย
อีกทั้งพวกเขาเหล่านี้ก็เป็นพวกบาปหนา ล้วนเคยสังหารเผ่ามนุษย์มามากมาย ถูกส่งมาทรมานที่นี่ทั้งวันทั้งคืน ความชั่วร้ายจึงยังไม่ถูกทำลายจนหมดสิ้น
ยิ่งสวี่ชิงหน้าตาดี ก็ยิ่งดึงดูดความสนใจของพวกเขา เมื่อรวมกับความเกลียดชังผู้ครองกระบี่ ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงทำให้บรรยากาศความป่าเถื่อนของที่นี่ยิ่งเดือดพล่านขึ้นตามเสียงโห่ร้องถี่กระชั้น
เมื่อเห็นเช่นนี้ พัศดีกลางคนก็ยิ้มมองมาทางสวี่ชิง
“เจ้าหนู นี่คือกฎของกรมราชทัณฑ์ พลทหารคนใหม่ล้วนต้องไปสยบพื้นที่เขตหนึ่ง หากเจ้าล้มเหลวเจ้าก็จะเป็นได้แค่ผู้ช่วยของคนอื่น ไม่มีทางสำเร็จในหน้าที่
“มีเพียงผู้ที่ทำสำเร็จถึงจะมีคุณสมบัติสยบหนึ่งห้องขัง ขออวยพรเจ้าเล่นให้สนุก ให้พวกเราได้เห็นว่าเจ้าสังหารได้หลายคนหน่อย”
พูดพลาง พัศดีกลางคนก็เดินมาที่ข้างๆ ประตูห้องขัง ส่วนพลทหารคนอื่นๆ ยืนอยู่ด้านหลัง ยกมือขวาขึ้นโบก เสียงแกร๊กดังสะท้อนก้อง เปิดกรงขังทั้งหมดในห้องขังนี้ออกในพริบตา
ขณะที่เปิดกรงออกมาพร้อมกัน ยังปลดพันธนาการพลังบำเพ็ญที่อยู่บนตัวนักโทษเหล่านี้ด้วย
กลิ่นอายแก่นลมปราณหลายสาย พวยพุ่งขึ้นในพริบตา
ที่ถูกกุมขังอยู่ในเขตติง ส่วนใหญ่เป็นผู้บำเพ็ญแก่นลมปราณ
แม้จะถูกปิดผนึกมาตลอดปีจนทำให้พลังวิญญาณอ่อนแอลง แต่จำนวนนับร้อยรวมถึงวิธีการของแต่ละคน และยังมีกลิ่นอายโหดเหี้ยมที่มาจากพวกเขา ทำให้ตอนนี้นอกจากจะผู้ครองกระบี่ระดับสูงแล้วจิตใจและเจตจำนงยังต้องมั่นคงด้วย มิเช่นนั้นก็จะถูกความโหดร้ายสั่นคลอนได้
โดยเฉพาะเผ่ามนุษย์หลายคนในนั้น มีคนที่เชี่ยวชาญกายเนื้ออยู่ไม่น้อย สิ่งนี้ทำให้ศึกนี้ยากลำบากมากในสายตาคนทั่วไป
ตอนนี้นักโทษแต่ละคนล้วนแสยะยิ้ม บ้างเงียบนิ่งบ้างขู่คำราม ค่อยๆ พุ่งออกมา
มีทั้งที่รวดเร็ว มีทั้งที่เชื่องช้า มีทั้งที่บุ่มบ่าม มีทั้งที่ชำนาญการสังเกต มีทั้งที่กายเนื้อน่ากลัว มีทั้งที่วิชาเวทน่าตกตะลึง
ราวกับฝูงมารเริงระบำ สัตว์ป่าออกจากกรงขัง พุ่งเข้าหาสวี่ชิง
ส่วนสวี่ชิงที่ยืนอยู่ในกลางลานก็ราวกับเป็นแกะน้อย ราวกับจะถูกพวกเขาฉีกทึ้งทั้งเป็นในพริบตา เล่นงานจนน่าเวทนา
ภาพนี้ ทำให้พวกพัศดีที่ประตูห้องขังแต่ละคนเผยสีหน้าสนุกสนาน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา