บทที่ 408 หนึ่งเบาะแสของความลับ
สวี่ชิงลอยอยู่กลางอากาศ กำลังกลับไปยังหอกระบี่เช่นกัน และเขาที่เป็นคนระมัดระวังแน่นอนว่าสังเกตชิงชิวอยู่
แต่เขาเดาสาเหตุได้ ในดวงตาจึงเปล่งประกายเย็นวาบ ไม่ได้หยุดชะงัก พุ่งตรงไปยังพื้นดิน
ชิงชิวเวลานี้ก็เดาถึงสาเหตุได้เช่นกัน ผีร้ายในใจยังคงกรีดร้อง สิ่งนี้ทำให้นางยิ่งหงุดหงิด ในก้นบึ้งจิตใจก็ตะคอกเสียงต่ำใส่ผีร้าย
“ถ้าเจ้ายังพูดมาก ข้าจะเล่นงานเจ้าให้ตายตกตามกันเลย!”
ผีร้ายเก็บเสียงลงฉับพลัน
ชิงชิวกับสวี่ชิงจึงร่อนลงไปบนที่ตั้งหอกระบี่วงนอกบนพื้นดินไล่เลี่ยกันเช่นนี้ ทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันพันจั้ง สายตาก็สบตากันอีกครั้ง จากนั้นจึงขมวดคิ้ว ต่างฝ่ายต่างเดินเข้าไปในหอกระบี่ของตนเอง
หอกระบี่ของพวกเขา อยู่ติดกัน
เรื่องนี้จะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปก็ไม่ได้ ถึงอย่างไรครั้งนี้ก็มีผู้ครองกระบี่หน้าใหม่ทั้งหมดห้าสิบเอ็ดคน ยิ่งไปกว่านั้นยังทยอยมาสร้างหอกระบี่ที่นี่ในช่วงเดียวกัน การที่จะอยู่ใกล้กันก็เรื่องปกติ
แน่นอนจุดสำคัญอยู่ที่นิสัยของสวี่ชิงไม่ชอบความคึกครื้น ดังนั้นช่วงแรกสุดไม่กี่วันนั้นจึงยังไม่ได้มาสร้างหอกระบี่ แต่เพิ่งเข้ามาสร้างเมื่อวานนี้
ส่วนชิงชิวก็มีนิสัยรักสันโดษ ดังนั้นโอกาสที่จะกลายมาเป็นเพื่อนบ้านกันก็ยิ่งมากขึ้น
แต่สำหรับสวี่ชิงนี่เป็นแค่เรื่องเล็กๆ เวลานี้กลับมายังหอกระบี่เขาก็ตรวจสอบรอบๆ ก่อน เมื่อยืนยันว่าไม่เป็นไร จึงนั่งลงขัดสมาธิ เริ่มค้นคว้ากระบี่จักรพรรดิที่ตนเองสัมผัสรับรู้มา
กระบี่จักรพรรดิเล่มนี้ในทะเลความรู้สึกสวี่ชิง แตกต่างกับตอนที่เพิ่งสัมผัสรับรู้สำเร็จ มันเวลานี้ไม่เปล่งประกายอีกแล้ว หลังจากมีรากฐาน ก็เผยเจตจำนงหนักหนาออกมา
และยังเปล่งปราณกระบี่หลายสายออกมาอีกด้วย
ปราณกระบี่ไม่ได้กระจายไปรอบทิศอย่างไร้รูปแบบ แต่พันวันรอบๆ กระบี่จักรพรรดิ ราวกับเป็นด้ายหลายเส้น ก่อตัวขึ้นทีละวงทีละวง
ทั้งหมดสิบเอ็ดวง
สวี่ชิงสังเกตเห็นว่ามีวงที่สิบสองอยู่ด้วย แต่ก็แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าจากเวลาที่ไหลผ่าน อีกไม่นานก็จะเสร็จสมบูรณ์
‘นี่คือการบ่มเพาะกระบี่จักรพรรดิสินะ’
สวี่ชิงลองคำนวณเวลา นับจากที่ตนสัมผัสรับรู้สำเร็จจนถึงตอนนี้คำนวณเป็นหนึ่งวันล่ะก็ ทุกวันก็น่าจะก่อปราณกระบี่ขึ้นมาร้อยกว่าวง
ปราณกระบี่ยิ่งมาก พลานุภาพของกระบี่นี้ก็จะยิ่งมากไปด้วย
‘หนึ่งปีต่อมาจะก่อร่างสามสี่หมื่นวง สิบปีก็จะกลายเป็นสามสี่แสน หลังจากร้อยปี…’ สวี่ชิงคำนวณในใจ รู้สึกว่ามันห่างไกลเกินไป
‘แต่ว่าต่อให้ไม่บ่มเพาะนานถึงเพียงนั้น แค่สำแดงกระบี่จักรพรรดิธรรมดาออกมา ก็ถือว่าคมมากแล้ว’
สวี่ชิงสัมผัสถึงความคมของกระบี่จักรพรรดิครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็คิดถึงวิชาระดับจักรพรรดิของข่งเสียงหลงกลายเป็นมังกรทองที่ตนเองเห็นขึ้นมา
ตอนนั้นในปากมังกรทอง มีกระบี่จักรพรรดิอยู่
สวี่ชิงครุ่นคิด ภาพสักการะที่แผ่นหลังถูกกระตุ้นทันที เมื่อร้อนขึ้นมาในหอกระบี่ก็มีแสงเปล่งประกาย เงาของวิหคทองปรากฏขึ้นด้านหลังเขา โบยบินไปรอบๆ
ขนนกลุกไหม้ร่อนลงมา สวยงามจับจิต สวี่ชิงชักจูงกระบี่จักรพรรดิในทะเลความรู้สึก ให้มันค่อยๆ ลอยขึ้นเหนือศีรษะ
หลังจากที่ปรากฏออกมาอย่างสมบูรณ์ วิหคทองเปล่งเสียงร้องอย่างเริงร่า ทะยานขึ้นไป อ้าปากอมกระบี่จักรพรรดิเข้าไป จากนั้นทั่วร่างก็สั่นสะท้าน ร่างกายเหมือนถูกทำให้เปลี่ยนแปลง ปรากฏเจตจำนงปราณกระบี่ขึ้นมา
ขนที่หางก็เช่นกัน ขณะที่โบยบินก็มีปราณกระบี่แฝงอยู่ด้านใน
พลานุภาพก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย
‘ที่แท้ระหว่างวิชาระดับจักรพรรดิ ก็สามารถใช้วิธีเช่นนี้ผสานกันได้…’ สวี่ชิงครุ่นคิด แต่เขารู้สึกว่ามากกว่านี้น่าจะเป็นความพิเศษบางอย่างที่แฝงอยู่ในกระบี่จักรพรรดิ
สวี่ชิงลองค้นคว้าอยู่พักหนึ่ง ไม่มั่นใจในการคาดเดานี้ของตนเอง แต่หลังจากสัมผัสถึงวิหคทองเฉียบคมยิ่งกว่าเดิม และการบ่มเพาะกระบี่จักรพรรดิไม่ได้รับผลกระทบ เขาก็เก็บความคิดลง ล้วงลูกกลอนแก่นแท้ที่ซื้อจากร้านยามาค้นคว้าต่อ
เวลาไหลผ่านไป ไม่นานด้านนอกก็มีฝนตกหนัก ในเสียงซู่ซ่าทางนั้น การค้นคว้าลูกกลอนแก่นแท้ของสวี่ชิงก็ยิ่งลึกซึ้ง
เขาวิเคราะห์ลูกกลอนแก่นแท้ไปหลายลูก ในที่สุดก็มองวิธีการหลอมยาลูกกลอนนี้ออก
“วิธียอดเยี่ยมมาก แต่นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ สาเหตุที่ทำให้ลูกกลอนนี้ขจัดไอพลังประหลาดได้มาก คือหญ้าสมุนไพรประหลาดบางตัวด้านใน”
สวี่ชิงวิเคราะห์ไม่ออกว่าคืออะไร สิ่งนี้ทำให้เขาคิดถึงการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งตามสภาพแวดล้อมที่ใต้เท้าปลัดเขตปกครองเคยพูดไว้ เห็นได้ชัดว่าหญ้าสมุนไพรที่ไม่รู้จักเหล่านี้ คือสิ่งที่ใช้วิธีการของใต้เท้าปลัดเขตปกครองเปลี่ยนแปลง
สวี่ชิงหยิบมันเข้าปากแล้วกลืน หลังจากสัมผัสอย่างละเอียด ก็ยืนยันว่าลูกกลอนนี้สรรพคุณไม่ธรรมดา ในใจรู้สึกนับถือ แต่เขาก็สัมผัสได้รางๆ ว่าลูกกลอนแก่นแท้นี้ยังมีจุดบกพร่องอยู่ ยังไม่ได้สมบูรณ์แบบ
แต่เขาก็ไม่มีกำลังเปลี่ยนแปลง ลูกกลอนนี้ในบางระดับถือว่าเป็นการบุกเบิกวิถียา
นอกจากความทอดถอนใจ สีท้องฟ้าด้านนอกเริ่มสว่าง น้ำฝนยังคงอยู่ มองแล้วดูอึมครึม ทั้งๆ ที่เป็นช่วงเช้าตรู่ แต่กลับเหมือนช่วงพลบค่ำ
สวี่ชิงเงยหน้ามองผาดหนึ่ง หลับตานั่งลงพักผ่อนเพียงครู่ จากนั้นก็ลุกเดินออกจากหอกระบี่ ตรงไปยังกรมราชทัณฑ์ท่ามกลางสายฝน
กลางสายฝน เมื่อเข้าใกล้กรมราชทัณฑ์ สวี่ชิงก็คิดถึงเรื่องไม่คาดฝันทั้งสองครั้งของตน สองตาแฝงด้วยประกายเฉียบคม
“วันนี้ ต้องค้นหาความลับของเขตติงหนึ่งสามสองให้ได้ ไม่เช่นนั้น…ก็ต้องสังหารนักโทษของเขตติงหนึ่งสามสองทิ้ง!”
กลางสายฝน สวี่ชิงเดินไปบนพื้นดินที่มีน้ำซ่านกระเซ็น ย่ำลงไปบนแอ่งน้ำ ย่ำเข้าไปในผนังไร้รูปร่างของกรมราชทัณฑ์ เดินเข้าไปในกรมราชทัณฑ์
ถึงแม้ด้านนอกจะมีฝนตกหนัก แต่หยาดฝนกลับไม่สามารถลอดผ่านเข้ามาในผนังกรมราชทัณฑ์นี้ได้เลย ทว่ายังให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำอยู่
ขณะที่ความรู้สึกชุ่มฉ่ำโถมเข้าหน้านี้ สวี่ชิงสีหน้าเรียบสงบ เดินวนลงไปตามบันไดทีละวง
ระหว่างทางเขามองเห็นพัศดีที่เคยพบมาแล้วหลายคน หลังจากทักทายกันเอง สวี่ชิงก็ไม่ได้ตรงไปเขตติงหนึ่งสามสอง
เขาไปยังห้องขังชั้นที่สามสิบห้า เพื่อไปหาเหล่าหลี่ที่กำลังจัดการศพนักโทษร่างหนึ่งอยู่
เหล่าหลี่ ก็คือพัศดีกลางคนที่แนะนำและนำทางให้เขาในวันแรกที่กรมราชทัณฑ์
“ผู้อาวุโส ข้ามีเรื่องจะสอบถามขอรับ” เห็นเหล่าหลี่ สวี่ชิงก็ประสานหมัดคารวะ
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา