บทที่ 42 หญิงชุดขาวไร้หน้า
สวี่ชิงที่ย่างก้าวเข้ามาในพื้นที่ต้องห้ามมาเห็นภาพฉากนี้เข้า ดวงตาของเขาเบิกโพลง วิกฤตความเป็นตายร้ายแรงปะทุขึ้นมาในใจ เลือดเนื้อทั่วทั้งร่างสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ในเสี้ยวขณะนี้
ทั้งหมดนี้ล้วนมาจาก…ชายชรารูปร่างสูงใหญ่สวมเสื้อคลุมยาวสีแดงทั้งตัวที่พุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วจากปลายขอบฟ้าไกลคนนั้น!
“ระดับสร้างฐาน!”
ชื่อระดับขั้นนี้ผุดขึ้นมาในหัวสวี่ชิงทันที
เป็นเพราะความแข็งแกร่งของพลังกดดันประเภทนี้จึงทำให้แม้จะอยู่ไกลกัน แต่แรงสั่นสะเทือนที่สร้างให้สวี่ชิงก็ยังคงน่าครั่นคร้ามนัก
ตัวตนของอีกฝ่ายไม่ต้องบอกก็รู้
เป็นบรรพจารย์สำนักวัชระนั่นเอง
โดยเฉพาะเงานักรบวัชระมหึมาที่อยู่ข้างหลังของอีกฝ่าย ร่างที่มาพร้อมด้วยโทสะประดุจทหารสวรรค์นั่นทำให้ในเวลานี้ดวงตาของสวี่ชิงแสบปวด
นี่ทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนเห็นผู้บำเพ็ญไร้สังกัดระดับรวมปราณพวกนั้นไกลๆ เมื่อยามที่อยู่ถ้ำยาจกตอนนั้น
ความรู้สึกเหมือนกัน แต่ระดับกลับห่างกันคนละชั้น
กระทั่งว่าเขาแค่มองเพียงแวบเดียวก็รู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายจับเป็นเป้าหมายเอาไว้แล้ว ต่อให้หลับตาทั้งสองข้างลง ในหัวก็มีเงาร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายลอยขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
เงาร่างนี้เหมือนมาพร้อมกับความร้อนลวก ทำให้ศีรษะของเขาเจ็บปวดขึ้นมาเลาๆ
จากมุมมองด้านหนึ่งก็นับว่าเป็นอาการบาดเจ็บทางจิตใจแล้ว
แต่ว่าสวี่ชิงเคยควบคุมเงาอยู่หลายครั้ง จึงรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกเช่นนี้
ในขณะเดียวกันฝีดาบที่เขาลอกเลียนแบบจากรูปสักการะเทพเจ้าก็ประสบความสำเร็จขั้นเล็กๆ แล้ว ในด้านจิตใจก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีกทั้งยังมีพัฒนาการ ดังนั้นแม้ตอนนี้ศีรษะจะรู้สึกเจ็บปวดอยู่เลาๆ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว กลับยิ่งรวดเร็วขึ้นเสียด้วยซ้ำ
และในขณะเดียวกับที่วิ่งตะบึงไปในพื้นที่ต้องห้าม มือขวาของเขาก็ยกขึ้นหยิบเอาลูกกลอนดำกำหนึ่งออกมาแล้วทยอยโยนไปข้างหลังอย่างต่อเนื่อง
ลูกกลอนดำร่วงตกถึงพื้นก็ระเบิดทันที หลังจากที่น้ำยาหญ้าเจ็ดใบที่ผิวลูกกลอนสลายไป ควันยาลูกกลอนดำที่กระจายตัวก็ตลบฟุ้งไปทั่วทุกทิศอย่างรวดเร็ว ทำให้ไอพลังประหลาดในพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ทะลักมาอย่างฉับพลันเหมือนเกิดเป็นคลื่นวน
มองไปไกลๆ ไอพลังประหลาดทั้งหมดที่แผ่กระจายมาจากลูกกลอนดำมากถึงสิบกว่าเม็ดที่สวี่ชิงโยนออกมาหนาแน่นราวคลื่น ทะลักมาจากทั่วทุกทิศ
ชายกลางคนคิ้วเข้มคนนั้นที่แต่เดิมไล่ตามเข้ามาในพื้นที่ต้องห้าม ร่างหยุดชะงักไปอย่างอดไม่ได้ สีหน้าแปรเปลี่ยน ไม่กล้าเข้ามาใกล้เกินไปในทันที
ลูกกลอนดำนี้คือผลงานหลอมลูกกลอนขาวที่ล้มเหลวของสวี่ชิง ตอนนั้นเขารู้สึกว่าทิ้งไปน่าเสียดาย มันก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสียทีเดียว ดังนั้นจึงเก็บไว้ เอามาใช้ตอนนี้ก็เป็นจังหวะเหมาะพอดี
ความหนาแน่นของไอพลังประหลาดพื้นที่กว้างข้างหลังสวี่ชิงน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่งทันที จากการที่ไอพลังประหลาดทะลักเข้ามาจากรอบๆ ส่วนเงาร่างของเขาก็รวบรวมไอพลังประหลาดไม่หยุด พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงสุด
จากเสียงสะท้อนก้องสนั่นหวั่นไหวไม่นาน รุ้งสายยาวที่พาดผ่านท้องฟ้านอกพื้นที่ต้องห้ามก็เข้ามาใกล้ทันที
หลังจากที่มาถึงชายขอบพื้นที่ต้องห้าม บรรพจารย์สำนักวัชระที่อยู่ตรงนั้นจิตสังหารในดวงตาก็ฉายวาบ เขาไม่แม้แต่จะหยุด เสียงดังบึ้มสนั่นหวั่นไหว ก้าวเข้าไปทันที
ผู้อาวุโสสำนักวัชระสองคนที่อยู่ข้างหลังต่างกัดฟันตามเข้ามา
เงาร่างสามร่างเข้ามาในไอพลังประหลาดที่หนาแน่นเช่นนี้เอง แม้จะพุ่งออกมาได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็ยังคงเป็นไอพลังประหลาดที่ฟุ้งคุกรุ่นเช่นเดิม ในนั้นแฝงกระทั่งหมอกพิษมหาศาลอีกไว้ด้วย
“ท่านบรรพจารย์ เจ้าเด็กนี่แปลกประหลาดนอกรีตนอกรอยนัก!” ผู้บำเพ็ญกลางคนที่เท้าซ้ายเลือดเนื้อเละรุ่งริ่ง รีบเอ่ยเตือนบรรพจารย์
บรรพจารย์สำนักวัชระแค่นเสียงขึ้นจมูกแล้วพลันพ่นลมออกไปข้างหน้า ทันใดนั้นก็เกิดลมพายุขึ้น มันกระหน่ำซัดไปรอบๆ พัดหมอกจากทั่วทุกทิศสลายหายไปหมด
ร่างของเขาไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย คว้าผู้อาวุโสสองคนข้างกายแล้วพุ่งออกไปทางที่สวี่ชิงจากไปทันที ก่อนจะเร่งความเร็วไล่ตามไป
เพียงแต่ตอนนี้เลยเวลาพลบค่ำมาแล้ว ราตรีกำลังมาเยือนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความหนาวเหน็บรอบๆ ที่ทวีเพิ่มขึ้น ไอพลังประหลาดที่ลอยตลบที่นี่ก็ยิ่งหนาแน่นมากขึ้น
หากบินอย่างเร็วรี่ในที่นี่ต่อไป ตัวบรรพจารย์สำนักวัชระไม่เป็นปัญหา แต่ผู้อาวุโสคิ้วเข้มคนนั้นที่เดิมก็ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว ผ่านนานไปย่อมไม่เป็นผลดีแน่นอน
ดังนั้นแล้วบรรพจารย์สำนักวัชระจึงเอ่ยขึ้นเสียงเย็น
“เจ้าสองคนตามอยู่ข้างหลัง ข้าจะไปจับเจ้าเด็กนี่ก่อน!” ระหว่างที่พูด บรรพจารย์สำนักวัชระก็โคจรพลังบำเพ็ญ เงานักรบวัชระข้างหลังเขาเงยหน้าคำราม ร่างขยายขึ้นจนสูงสามสิบกว่าจั้งอย่างรวดเร็ว สาวเท้ายาวเหมือนยักษ์ วิ่งตะบึงไปข้างหน้า
ทุกก้าวที่ย่างก้าวออกไปเป็นระยะหลายสิบจั้งเช่นเดียวกับร่างอันสูงใหญ่ของมัน ส่วนบรรพจารย์สำนักวัชระก็ยืนอยู่บนศีรษะของนักรบวัชระตนนี้
มองไกลๆ หากไม่มีพลังวิญญาณในระดับหนึ่งก็จะมองไม่เห็นเงานักรบวัชระ สิ่งที่มองเห็นก็จะมีเพียงแค่ร่างบรรพจารย์สำนักวัชระกำลังยืนและเคลื่อนไหวเหมือนล่องลอยอยู่กลางอากาศไกลออกไปเรื่อยๆ เท่านั้น
“ท่านบรรพจารย์!”
ผู้อาวุโสสองคนข้างหลังตอนนี้สีหน้าตื่นเต้น พวกเขามั่นใจแล้วว่าหากท่านบรรพจารย์ออกโรงเอง เจ้าเด็กนั่นต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
“เชื่อว่าไม่นานท่านบรรพจารย์ก็จะเอาศพของเจ้าเด็กเวรนั่นกลับมาได้”
ทั้งสองคนมั่นใจ
แต่เวลาค่อยๆ เคลื่อนคล้อย หนึ่งชั่วยามผ่านไปแล้ว สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองคนเปลี่ยนแปลงไป สบตาก็ต่างมองเห็นความตื่นตกใจของซึ่งกันและกันอย่างรวดเร็ว
สุดสายตาข้างหน้าพวกเขามองไม่เห็นเงาร่างของบรรพจารย์ตั้งนานแล้ว เห็นได้ว่าเขาไล่ตามไปไกลมากแล้ว
เพียงแต่พวกเขาไม่เข้าใจว่า ก็แค่ผู้บำเพ็ญสายฝึกกายาระดับรวมปราณเท่านั้น ต้องเร็วและเก่งกาจเพียงใดถึงทำให้ตอนนี้แม้แต่ท่านบรรพจารย์ก็เหมือนว่ายังจัดการไม่ได้
พวกเขาสงสัย บรรพจารย์สำนักวัชระสงสัยยิ่งกว่า
ณ สถานที่ที่ห่างไกลกับสองผู้อาวุโสลิบลับในขณะนี้ บรรจารย์สำนักวัชระสีหน้าย่ำแย่ มองเงาร่างเด็กหนุ่มที่อยู่ไกลๆ กำลังใช้ความเร็วที่น่าตื่นตะลึงพุ่งทะยานไปอย่างบ้าคลั่ง
ความเร็วของอีกฝ่ายแม้จะมีระยะห่างกับตน แต่ระยะห่างนี้ไม่ได้มากเท่าไร
ทว่าทุกครั้งที่เขาชกหมัดที่เกิดจากการผสานกันของเงาหมัดมหึมาและหมัดนักรบวัชระใต้ร่างพุ่งแหวกอากาศไป ภายนอกร่างของสวี่ชิงจะมีประกายแสงส่องกะพริบแปรเปลี่ยนเป็นการป้องกันต้านทานขึ้นมา
เกราะแสงป้องกันแม้จะสั่นคลอนเกิดรอยร้าวท่ามกลางเสียงสนั่นหวั่นไหว แต่เด็กหนุ่มที่อยู่ในนั้นกลับอาศัยแรงนี้เร่งความเร็วขึ้นไปอีก
ในขณะเดียวกัน เนื่องจากการมาเยือนของราตรี ไอพลังประหลาดที่เดิมก็หนาแน่นอยู่แล้วที่นี่ก็รวมตัวกันไม่หยุดตามทางที่เด็กหนุ่มผ่านไป ทำให้รอบๆ หนาวเหน็บขึ้นไปอีก
สถานการณ์นี้ทำให้บรรพจารย์สำนักวัชระระแวงระวังขึ้น เดี๋ยวๆ ก็คิดจะอ้อมไป นี่ทำให้เขาช้าลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ คิดจะไล่ตามไปก็ต้องใช้เวลา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา