บทที่ 420 คาวเลือดคลุ้งฟ้าพิษคลุ้งทั่วแดน
สวี่ชิงพูดไว้ไม่ผิด เขาเชี่ยวชาญการสู้กับคนจำนวนมากจริงๆ
เมื่อพิษวังสวรรค์วังที่สามของเขาปะทุขึ้น พลังสังหารก็น่าตกตะลึง ตั้งแต่สวี่ชิงได้รับลูกกลอนพิษต้องห้าม ก็ยังไม่เคยปล่อยออกมาหมดจดเลยสักครั้ง
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังยับยั้งเอาไว้บ้าง
ถึงอย่างไรถ้าหากปลดปล่อยพิษวังสวรรค์วังที่สามออกมาทั้งหมดจริง ก็จะไม่แบ่งพักแบ่งฝ่ายแล้ว นอกจากตัวเขาที่ไม่เป็นไร แต่ไม่ว่าจะเจ้าเงาหรือบรรพจารย์สำนักวัชระเองก็คงจะแหลกเละกันหมด
แม้จะยับยั้ง แต่ก็เพียงพอสั่นสะเทือนจิตใจของพวกองครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ได้
แทบจะในพริบตานั้นก็มีองครักษ์ชุดดำห้าวังสวรรค์สามคนร้องออกมาอย่างพรั่นพรึง ร่างกายเน่าเปื่อยลงอย่างรวดเร็ว เนื้อหนังบนใบหน้าหลุดร่วง ร่างมีเลือดหยดลงมา มีคนที่เบ้าตารองรับลูกตาไม่ไหวหลุดร่วงลงมา
แต่พวกเขาตอนแรกไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย
นี่คือจุดที่น่ากลัวยิ่งกว่าของพิษสวี่ชิงคือมันกัดกร่อนทุกสรรพสิ่งได้โดยไร้ซุ่มเสียง จนตอนที่สังเกตถึงความเจ็บปวดพิษก็เข้าไปในกระดูกแล้ว
ท่ามกลางเสียงร้องพรั่นพรึงสะท้อนก้องที่น่ากลัว ร่างของสวี่ชิงก็ราวกับสายลมแห่งความตาย ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าองครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์หกวังสวรรค์คนหนึ่ง ยกกริชในมือขึ้นปาดไปที่คอของเขาฉับพลัน
เสียงฉัวะดังขึ้น เลือดสดซ่านกระเซ็น
ศีรษะหลุดร่วง สวี่ชิงเตะออกไป ท่ามกลางเสียวหวีดหวิวก็กลายเป็นเงาคงค้างพุ่งไปหาองครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์อีกคนหนึ่ง ปะทุขึ้นที่เบื้องหน้าเขาฉับพลัน เลือดพิษสาดกระจายไปทั่ว
ผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนนี้ถอยหลังพร้อมหน้าเปลี่ยนสี แต่กลับหลบไม่พ้นโชคชะตาแห่งความตาย
สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ ก้าวหนึ่งก้าวไปเบื้องหน้า พลังกายเนื้อเจ็ดวังสวรรค์ปะทุขึ้นรอบด้านในจังหวะนี้ โหมลมพายุคลั่งพัดม้วนครืนครันออกไปรอบด้าน มองไกลๆ ราวกับใช้กลางอากาศโหมลมพายุหมุนที่น่ากลัวขึ้นมา
ด้วยความเร็วนี้ ร่างสวี่ชิงกลายเป็นอาวุธ กระแทกไปที่องครักษ์ชุดดำคนนี้อย่างแรง
และตอนนี้ในกลุ่มที่ติดพิษรอบๆ มีองครักษ์ชุดดำสามคนพิษกำเริบ ขณะที่ร่างกายเน่าสลายก็ส่งเสียงกรีดร้อง ร่างกายละลายกลายเป็นเลือดอย่างรวดเร็ว รดลงบนพื้นดิน
ภาพนี้ ทำให้ผู้บำเพ็ญทั้งหมดรอบๆ ที่เห็นตกตะลึงจนเนื้อเต้นกันหมด หวั่นพรั่นพรึ่งถึงขีดสุด
“พิษนี้รุนแรงเสียจริง!”
“ทุกคนกระจายตัว!”
ไม่ใช่แค่องครักษ์ชุดดำที่สู้กับสวี่ชิงเท่านั้นที่กระจายตัว พวกของข่งเสียงหรงกับซานเหอจื่อที่อยู่ไม่ไกลก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน ไหววูบออกจากพื้นที่ที่กำลังต่อสู้อยู่อย่างรวดเร็วโดยมิได้นัดหมาย
ออกห่างจากสวี่ชิง
สวี่ชิงสีหน้าปกติ ยิ่งตัวอยู่ในพิษต้องห้าม เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าทั้งหมดอยู่ในการควบคุม เวลานี้เมื่อวูบไหวก็ไปปรากฏตัวเบื้องหน้าองครักษ์ชุดดำเจ็ดวังสวรรค์เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนที่เก้าราวกับเงาผี
พริบตาที่เข้าประชิดเขาก็ออกแรงโบกกริชในมือ องครักษ์ชุดดำก็ไม่ธรรมดา ระเบิดพลังกายเนื้อขึ้นมาในจังหวะนี้ กำกริชไว้แน่นคิดจะสกัดกั้น
แต่พริบตาที่อีกฝ่ายจับกริช พลังทิ่มแทงที่มาจากผ้าห่อศพก็ปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว องครักษ์ชุดดำหน้าเปลี่ยนสี รู้สึกว่าฝ่ามือถูกทิ่มแทงจนเจ็บไปหมด จิตเทพกับจิตวิญญาณก็เป็นรูพรุนเช่นกัน
ขณะที่คลายมือออกตามสัญชาตญาณ กริชของสวี่ชิงก็แทงเข้าไปที่คอหอยแล้วปาดไปอย่างแรง ดับดิ้นง่ายดายอย่างไม่อาจต้านทานได้
นี่เป็นกระบวนท่าที่สวี่ชิงเตรียมไว้เพื่อใช้กับกริชของตน และเป็นพลังที่แฝงไว้ในผ้าห่อศพด้วย
และสิ่งที่ต้องแลกมาก็คือทุกครั้งที่เขาหยิบกริช ร่างกายจะต้องแบกรับการเจ็บปวดที่บีบรัดหัวใจด้วย ทั่วร่างเหมือนถูกเข็มแหลมนับไม่ถ้วนทิ่มแทง
แต่ทั้งหมดนี้ สวี่ชิงคุ้นชินนานแล้ว และไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
เขาชักกริชเล่มหนึ่งออกมา เมื่อจะไปต่อ แต่สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เบี่ยงหลบกระบี่บินที่พุ่งหวีดหวิวมาไปด้านข้างฉับพลัน
ตอนหันหลังสวี่ชิงก็เห็นองครักษ์ชุดดำเจ็ดวังสวรรค์อีกคนหนึ่งใช้เคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิก่อเป็นฝ่ามือสีดำขนาดยักษ์ ประหัตประหารมาทางตน
แต่ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้สวี่ชิงลงมือ จู่ๆ องครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ข้างๆ สองคนแย้มรอยยิ้มพิลึกพิลั่น หันหลังพุ่งไปทางเจ็ดวังสวรรค์คนนั้นแล้วระเบิดตัวเองทันที
ยิ่งตอนที่พุ่งไป พวกเขายังคำรามเสียงดังลั่นอีกด้วย
“เจ้านายของข้าทักทายเจ้า!”
ภาพแปลกประหลาดนี้ ทำให้องครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เห็นหน้าเปลี่ยนสีกันหมด
พริบตาต่อมา องครักษ์ชุดดำหกวังสวรรค์สองคนนั้นก็ตัวระเบิดท่ามกลางเสียงครืนครัน แหลกเละไปพร้อมกัน ก่อตัวเป็นแรงปะทะพัดไปทางเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เจ็ดวังสวรรค์
หลังจากเสียงครืนครัน เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เจ็ดวังสวรรค์คนนี้ก็กระอักเลือดออกมา สีหน้าพรั่นพรึง ชูมือขวาขึ้นกะทันหัน คว้าเหล็กแหลมสีดำที่ลอบโจมตีเอาไว้
แต่เขาก็ไม่อาจข่มสายฟ้าสีแดงที่แล่นแปลบปลาบขึ้นมาบนเหล็กแหลมได้ เวลาพริบตานี้ก็พุ่งหายเข้าไปในศีรษะเขา ทำให้องครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนนี้ สั่นเทิ้มไปทั้งตัว
กริชของสวี่ชิงเองก็พุ่งมาถึงในพริบตา แทงในหัวใจของเขา ชักออกอย่างรวดเร็วแล้วแทงเข้าไปอีก ทั้งหมดเจ็ดครั้ง แต่ละครั้งก็แทงจนทะลุ โหดเหี้ยมอย่างมาก
เสียงกรีดร้องดังออกมา สวี่ชิงสังเกตเห็นว่าตนเองแผ่พิษไปพอสมควรแล้ว องครักษ์ชุดดำรอบๆ ส่วนใหญ่กำลังเน่าเปื่อย ทุกคนกำลังพรั่นพรึง ควบคุมพลังบำเพ็ญต่อไปไม่ได้
‘คงประมาณนี้’ สวี่ชิงพึมพำในใจ เนตรเงาที่หว่างคิ้วแผ่ออกมาเป็นโลงศพสีดำ จากนั้นโลงเปิดฝาออก ร่างของสวี่ชิงพุ่งออกมา
แน่นอนว่าในขั้นตอนนี้ เขาก็ไม่ลืมร่ายบทพูดที่เหมือนเป็นคำสาปเพื่อสิ้นสุดความลับการผสานร่างกับเงาของตน
พริบตาที่ปรากฏตัว สวี่ชิงก็สำแดงเคล็ดวิชาพรางมายาชิงมรรคา มือขวาโปร่งแสงในพริบตา ร่างกายไหววูบแทงเข้าไปที่หน้าอกขององครักษ์ชุดดำหกวังสวรรค์เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง
ต่อให้อีกฝ่ายจะดิ้นรนแต่ก็ไม่เป็นผล เขาคว้าแก่นลมปราณวังสวรรค์เอาไว้ กระชากออกมาอย่างโหดเหี้ยม
ดึงแก่นลมปราณออกมาทั้งเป็น เลือดสดหยดย้อย
ท่ามกลางเสียงเจ็บปวดทรมานดังก้อง วิหคทองจำแลงออกมาด้านหลังสวี่ชิง ขนหางทั้งสี่สิบสองกางสยาย ทำให้ความมืดในช่วงรุ่งอรุณนี้สว่างวาบขึ้นมา
สองตาของวิหคทองเผยประกายแสงอันร้อนแรง จังหวะที่สวี่ชิงล้วงแก่นลมปราณออกมา ก็กลืนกินมือดำที่จำแลงมาจากวิชาระดับจักรพรรดิขององครักษ์ชุดดำคนนั้น
เจ้าเงาไม่ยอมน้อยหน้า รีบแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว
สามด้านสูดรับพร้อมกัน
พริบตาต่อมา องครักษ์ชุดดำเผ่าคนนี้วิชาระดับจักรพรรดิสลายหาย ร่างผอมซูบ วังสวรรค์ย่อยยับ
ทั้งหมดนี้ ใครก็ตามที่เห็นล้วนตกตะลึงพรั่นพรึง การลงมือของสวี่ชิงโหดเหี้ยมถึงขีดสุดจริงๆ
ทว่าซานเหอจื่อทั้งสามก็ไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก ปีศาจตาเดียวขนสีเขียวทั้งตัวที่จำแลงมาจากเยี่ยหลิง เป็นปีศาจสวรรค์ตาเดียวที่มีเพียงสำนักมายาจำแลงปีศาจ สายตาแผ่วิญญาณอนธการมืดออกมา
ครึ่งท่อนบนประหลาดยิ่งกว่า มีเลือดเนื้องอกขึ้นมาสี่ก้อน กลายเป็นนิ้วขนาดยักษ์สี่นิ้ว ปลายเล็บมีใบหน้าบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นด้วย
ซานเหอจื่อแผ่หมอกเลือดไปทั่วร่าง บาดเจ็บหนัก หลักๆ แล้วเขาตั้งรับให้เพื่อนพ้อง แต่เคล็ดวิชาและชีพจรเลือดของเขาก็พิเศษอย่างชัดเจน ยิ่งบาดเจ็บหนัก ก็ยิ่งแข็งแกร่ง
ตอนนี้ไม่สนใจอาการบาดเจ็บ ทั่วร่างคุ้มคลั่งถึงขีดสุด ดวงตามีเพียงการสังหารเท่านั้น ไม่มีสิ่งอื่นอีก
หวังเฉินในร่างคนแคระก็สู้อย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว แผ่สายอัสนีทั่วร่าง บนหัวมีตะเกียงแห่งชีวิตที่กลายเป็นกลดอัสนี ความเร็วน่าตกตะลึง
กระทั่งร่างกายก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ตัวเล็กอีกแล้ว แต่สูงใหญ่ขึ้นกลายเป็นชายหนุ่ม
แต่ทั่วร่างเขาเป็นรูปสักการะสีดำ ราวกับเป็นผนึกหลายสายที่ปิดเอาไว้ ทยอยปลดออกจนกลายเป็นระลอกคลื่นและกลิ่นอายที่น่ากลัวเวลานี้
และทุกครั้งที่ปลดผนึกรูปสักการะ ข้างกายเขาก็มีเงาของต่างเผ่าเพิ่มขึ้นเงาหนึ่ง
เผ่าแสง เผ่าหินมาร เผ่ากางเวท…นับสิบร่าง
ยิ่งมีร่างแยกควันขจรช่วยเหลือ ร่วมมือกับพวกเขาทำศึกเป็นตายกับองครักษ์ชุดดำแปดวังสวรรค์เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์สองคน
ต่างฝ่ายต่างล้วงเอาชิ้นส่วนของวิเศษเวทออกมา แม้ยังไม่ใช่คู่มือขององครักษ์ชุดดำแปดวังสวรรค์ทั้งสองคนนั้น แต่พวกเขาสามคนก็ไม่สนอาการเจ็บหนัก รั้งเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์แปดวังสวรรค์ทั้งสองคนนั้นเอาไว้จนถึงที่สุด
ข่งเสียงหรงทางนั้นยิ่งน่าจับตา มังกรทองด้านหลังเขาร้องคำราม ทั่วร่างราวกับเทพสวรรค์จุติมายังโลกมนุษย์ ข้างกายยังมีอาภรณ์เลือดปกคลุมไปรอบด้าน กำลังลงมือกับครึ้งก้าวสู่ปราณก่อกำเนิดอีกสามคน สะพรึงฟ้าสะเทือนดิน
เป็นแค่แก่นลมปราณแท้ๆ แต่ด้วยการล้อมโจมตีของครึ่งก้าวสู่ปราณก่อกำเนิดสามคน เขาไม่ได้ด้อยเลย กลับรู้สึกถึงแข็งแกร่งอย่างมากอีกด้วย
“นี่คือกลุ่มปีศาจยุคนี้ของวังครองกระบี่!”
ในกลุ่มองครักษ์ชุดดำมีคนร้องตกตะลึง หวาดกลัวขึ้นมา เริ่มแตกฮือคนละทิศคนละทาง คิดจะหนีจากที่นี่
แต่ไม่ทันได้หนีออกไปไกล ก็กระอักเลือดสีดำออกมา ร่างกายเน่าสลายลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเลือด

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา