เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 422

บทที่ 422 การเปลี่ยนแปลงของเคล็ดวิชาพรางมารยา

สวี่ชิงกลับมาก็เปิดแผ่นหยกสื่อเสียงของตัวเองทันที สื่อเสียงรายงานจอมเซียนจื่อเสวียน

นี่เป็นเงื่อนไขที่จื่อเสวียนบอกกับเขาและเฉินเอ้อร์หนิวในระหว่างทางจากพันธมิตรแปดสำนักมาเมืองหลวงเขตปกครอง

อย่างไรเสียตัวอยู่ข้างนอก มีอันตรายเกิดขึ้นได้ทุกเวลา และภารกิจที่แท้จริงของจื่อเสวียนที่มาดูแลสำนักย่อยก็คือเพิ่มความคุ้มครองให้กับผู้ครองกระบี่ของพันธมิตรแปดสำนักอีกชั้นหนึ่ง

ตอนนี้สื่อเสียงเสร็จ สวี่ชิงก็กลับมายังหอกระบี่ของตัวเอง ไม่ได้ก้าวเข้าไปในทันที แต่สำรวจรอบๆ ก่อน มั่นใจว่าสิ่งที่จัดวางเอาไว้ก่อนไปของตัวเองไม่มีร่องรอยถูกแตะ ถึงได้เดินเข้าไป

นี่คือความเคยชินของเขา เป็นสัญชาตญาณที่สลักลึกลงในกระดูกไปแล้ว

ในหอกระบี่ สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก นึกย้อนเหตุการณ์ทั้งหมดของภารกิจครั้งนี้ วิเคราะห์ว่าตัวเองมีจุดใดที่ทำไม่เหมาะสมหรือไม่ จวบจนข้างนอกราตรีมาเยือน เขาจึงสิ้นสุดการวิเคราะห์ทบทวน

เพียงแต่เงาร่างเด็กหนุ่มที่นอนหายใจรวยรินในค่ายกลในภาพจำคนนั้น สลักลึกอยู่ในความทรงจำของเขา

“บิดาของเขาน่าจะเป็นสายลับตัวจริงคนนั้น…” สวี่ชิงพึมพำ

เขาไม่รู้ว่าสายลับลึกลับคนนั้นใช้เด็กหนุ่มเป็นหมากที่ถูกทิ้ง เป็นหนึ่งในหมอกลวงอำพรางร่องรอยของตัวเองหรือไม่

หรือตัวตนอย่างเด็กหนุ่มแบบนี้จะมีอีกมากหรือไม่

หรือสายลับเลือกให้ตัวเองเป็นเป้า เพื่อปกป้องรายงานข่าวที่จะส่งกลับไปของจริง ซ่อนมันไว้ที่คนอื่น

ทุกอย่างล้วนไม่รู้เลย

สวี่ชิงเงียบนิ่งไปครู่หนึ่ง ส่ายหน้า จากนั้นก็นึกถึงองครักษ์ชุดดำพลังบำเพ็ญแปดวังสวรรค์ที่ตนฆ่าตาย

‘ด้วยกำลังรบของข้าในตอนนี้ หากไม่สนค่าตอบแทนอะไรสามารถสังหารผู้บำเพ็ญระดับแปดวังสวรรค์ได้ แต่ว่าถ้าเป็นเก้าวัง…ก็จะยากแล้ว’ สวี่ชิงครุ่นคิด เขารู้ว่ากำลังรบแปดวังสวรรค์โดยพื้นฐานแล้วเป็นขีดจำกัดสูงสุดของระดับไฟชีวิตสี่ดวงส่วนมาก

แน่นอนในนั้นบางทีอาจจะมีพวกที่เก่งกาจราวปีศาจ แม้จะไม่ได้เปิดช่องเวทหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดช่อง แต่กลับสามารถควบคุมเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิได้สองวิชา ทั้งยังมีตะเกียงแห่งชีวิต

คนประเภทนี้เป็นไปได้ว่ามีกำลังรบเก้าวังสวรรค์

‘นอกจากนี้ ผู้บำเพ็ญที่ถึงขีดจำกัดสูงสุดของวังสวรรค์เหล่านั้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะลองทะลวงขั้นทั้งนั้น จากระดับแก่นลมปราณก้าวสู่ระดับปราณก่อกำเนิด’ ในดวงตาสวี่ชิงฉายแววครุ่นคิด

ระดับปราณก่อกำเนิดไม่ได้ทะลวงขั้นง่ายๆ แบบนั้น ดังนั้นผู้ที่ระดับพลังแก่นลมปราณถึงขีดจำกัดสูงสุดมากมาย ล้วนอยู่ในสภาวะแปรสภาพเป็นระดับปราณก่อกำเนิด ขั้นตอนค่อนข้างลึกลับอัศจรรย์ ดังนั้น โลกภายนอกจึงเรียกผู้บำเพ็ญประเภทนี้ว่าครึ่งก้าวสู่ปราณก่อกำเนิดหรือจำลองปราณ

กำลังรบของจำลองปราณประเภทนี้สวี่ชิงก็มีบทสรุปวิเคราะห์จากภารกิจครั้งนี้

‘เหนือแปดวังสวรรค์กับเก้าวังสวรรค์ เข้าใกล้วังสวรรค์วังที่สิบอย่างมากแล้ว!

‘ข้ายังอ่อนแอเหลือเกิน ต้องเร่งความเร็วในการฝึกฝน นอกจากนี้สำนักมายาจำแลงปีศาจก็ต้องรีบไปให้เร็วที่สุด ไปศึกษาเคล็ดจำแลงปีศาจ’ สวี่ชิงรู้สึกว่าหากตนวิเคราะห์ไม่ผิด เคล็ดจำแลงปีศาจในระดับหนึ่งจะทำให้จักรพรรดิภูตในทะเลความรู้สึกปรากฏออกมาได้

‘ไม่รู้ว่าหลังจากที่จักรพรรดิภูตปรากฏออกมาแล้วจะเพิ่มพลังให้ข้าได้มากน้อยเท่าไร’ สวี่ชิงเกิดความคาดหวังในใจ

‘หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น เช่นนั้นแล้ว บางทีในวังสวรรค์ในภายภาคหน้าของข้าก็เพิ่ม…วังจักรพรรดิภูตขึ้นมาอีกวัง!

‘ขีดจำกัดสูงสุดของข้าคือวังสวรรค์สิบวัง ตอนนี้สำเร็จไปแล้วห้าวังสวรรค์ ห้าวังสวรรค์ที่เหลือ…วังกระบี่นับเป็นหนึ่งวังได้ หากวังจักรพรรดิภูตนี่ได้ล่ะก็ ก็จะเหลืออีกเพียงสามอย่างที่ต้องเลือก”

สวี่ชิงขบคิด

‘ใช่แล้ว ยังมีดวงชีพอสูรสมุทรบรรพกาล’

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก จบสิ้นการวิเคราะห์และขบคิดของตัวเอง

‘เช่นนั้นเรื่องที่ด่วนที่สุดในตอนนี้ของข้าคือแต้มกองทัพ ก่อนหน้านี้วันหยุดข้าลาไปครึ่งเดือน ตอนนี้ยังเหลืออีกเจ็ดวัน กลับไปก่อนก็ไม่มีความหมายอะไร’

ในดวงตาสวี่ชิงฉายแวววาดหวัง ศึกษาเคล็ดจำแลงปีศาจต้องใช้แต้มกองทัพ ไปเขาประกายอรุณต้องใช้แต้มกองทัพ

ทุกอย่างล้วนหนีแต้มกองทัพไม่พ้น

‘แต้มกองทัพของภารกิจครั้งนี้น่าจะไม่น้อย แต่ก็ยังไม่พอ…’ สวี่ชิงเอากระบี่อาญาสิทธิ์ออกมา เริ่มทำการค้นหาภารกิจในนั้น ไม่นานนักก็เจอภารกิจจับกุมในเมืองหลวงเขตปกครอง

เขาตรวจสอบอาการบาดเจ็บของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าไปในหอกระบี่เพื่อรับแต้มกองทัพ

เวลาผ่านไปแต่ละวันๆ เช่นนี้เอง

สำหรับเรื่องราวภายหลังภารกิจครั้งนั้น สวี่ชิงไม่ได้ยินใครพูดถึง

เขาไม่รู้ว่าสายลับตัวจริงเป็นใคร และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายถูกรับตัวกลับมาสำเร็จหรือไม่

ทุกอย่างตามการสิ้นสุดลงของภารกิจ ก็ได้ปิดฉากลง

เจ็ดวันหลังจากนั้น สวี่ชิงที่จมอยู่กับการหาแต้มกองทัพก็ได้รับการเร่งจากกรมราชทัณฑ์ วันหยุดของเขาสิ้นสุดแล้ว

เขาจึงทำได้แค่หยุดการหาแต้มกองทัพในตอนกลางวันไว้เพียงเท่านี้ ไปเข้าเวรที่กรมราชทัณฑ์ในเช้าตรู่วันนี้

เดินบนบันไดกรมราชทัณฑ์ สวี่ชิงสัมผัสความเย็นยะเยือกอันคุ้นเคย ทักทายกับพัศดีเขตติงสามสี่คนนั้นที่ได้เจอ ในใจยังคงขบคิดเรื่องแต้มกองทัพ

จนมาถึงประตูคุกเขตติงหนึ่งสามสอง เขาผลักประตูเดินเข้าไป

ไม่ได้มาครึ่งเดือน นักโทษที่นี่ไม่ต่างอะไรกับก่อนหน้านี้เลย

อสูรเมฆายังคงกินรยางค์ ผู้หญิงเผ่ามนุษย์ยังคงกล่อมตุ๊กตาฟางเข้านอน ชายชราเผ่าจิตรกรรมในดวงตาแฝงด้วยความสนิทสนมพลางเอ่ยอรุณสวัสดิ์ โม่ยังคงหมุนเช่นเดิม มีเพียงศีรษะทางนั้น ที่กรอกตามองบน ถอนหายใจออกมา

“เพิ่งจะสบายไปได้ครึ่งเดือน ทำไมเจ้ากลับมาอีกแล้วเล่า”

สวี่ชิงเหมือนกับเมื่อก่อน หลังจากตรวจสอบนักโทษแต่ละคนๆ ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แล้ว ก็กลับมายังบริเวณที่นั่งสมาธิมาโดยตลอด เพิ่งจะนั่งลงเขาก็พลันขมวดคิ้ว มองไปรอบๆ

วันนี้เขาไม่เห็นเด็กชายตัวน้อย

สถานการณ์ค่อนข้างผิดปกติ ในความทรงจำของเขา ทุกครั้งที่ตนมา เด็กชายตัวน้อยจะปรากฏตัวเป็นคนแรก

“โชคชะตาเล่า” สวี่ชิงเงยหน้ามองไปทางห้องขังที่ชายชราเผ่าจิตรกรรมอยู่

ชายชราเผ่าจิตรกรรมได้ยินก็โค้งคารวะ เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม

“โชคชะตา…เหมือนจะเกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อย ไม่เห็นมาหลายวันแล้วขอรับ”

สวี่ชิงขมวดคิ้ว ประสาทสัมผัสแผ่ออกไปในห้องขัง ลุกขึ้นค้นหาในห้องขังทุกห้อง

สุดท้ายเขาก็หยุดฝีเท้าลงที่มุมมุมหนึ่ง มองเห็นเด็กชายตัวน้อยที่นอนหายใจรวยรินอยู่

บนร่างของเด็กชายตัวน้อยสกปรกมาก มีคราบไคลให้เห็นบ้าง ใบหน้าเล็กๆ มอมแมม ร่างในขณะที่ร่างเลือนก็ฉายความอ่อนแรงที่ไม่เคยมีมาก่อน

สภาพของเขาไม่ดีเอามากๆ คล้ายว่าเจ็บปวดมาก เจ็บปวดจนร่างสั่นสะท้านอยู่ตลอด

สังเกตเห็นสวี่ชิงเดินมา เขาฝืนเงยหน้าขึ้น สีหน้าอ่อนล้าเป็นอย่างยิ่ง ตาแทบจะลืมไม่ขึ้น แต่ก็ยังยิ้มให้สวี่ชิง พยายามอยากจะลุกมาติดตาม ทำการปกป้องต่อไป

แต่เขาทำไม่ได้แล้ว สุดท้ายก็ทำได้เพียงมองสวี่ชิงอย่างไร้เรี่ยวแรง อ้าปากคล้ายว่าจะพูดอะไร แต่กลับพูดไม่ออก

เทียบกับความร่าเริงที่ผ่านมา เด็กชายตัวน้อยในตอนนี้ทำให้เกิดความรู้สึกสงสารอย่างรุนแรงไปตามสัญชาตญาณ

สวี่ชิงหวั่นไหว ย่อตัวลง สำรวจเด็กชายตัวน้อยอย่างละเอียด

เขาค่อยๆ มองออกว่าสิ่งที่สร้างความเจ็บปวดให้อีกฝ่ายคือไอสีดำในกายกลุ่มหนึ่งที่กำลังวนล้อม

ไอดำนี้ส่งผลกระทบต่อเด็กชายตัวน้อย และกำลังเปลี่ยนแปลงเขา

และในตอนนี้เจ้าเงากับบรรพจารย์สำนักวัชระก็ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน ฝ่ายหน้ามองประเมินเด็กชายตัวน้อยอย่างสงสัยใคร่รู้ ฝ่ายหลังสีหน้าฉายความเคร่งเครียด

“นายท่าน จากนิยายที่ข้าอ่านพวกนั้น ข้าพอจะเดาได้ถึงสภาวะของเขา”

บรรพจารย์สำนักวัชระเอ่ยเสียงต่ำ

สวี่ชิงมองไป

“แปดเปื้อนแล้ว น่าจะเป็นเขาที่ไม่รู้ว่าไปที่ใดมา เจอกับสิ่งไม่สะอาดบางอย่าง”

เด็กน้อยได้ยินก็พยักหน้า

บรรพจารย์สำนักวัชระเห็นตัวเองเดาได้ถูก ก็รู้ว่าถึงเวลาที่ตัวเองจะแสดงความสามารถแล้ว ดังนั้นสีหน้าเคร่งขรึม โค้งคารวะสวี่ชิง

“นายท่าน จากประสบการณ์ของข้า สิ่งอัปมงคลไม่สะอาดทุกอย่าง สายฟ้าล้วนสามารถข่มได้ทั้งนั้น หากนายท่านอนุญาต ข้าน้อยลองใช้อัสนีทัณฑ์สวรรค์ของตัวเอง มาชำระล้างมลทินของเขาได้ขอรับ”

สวี่ชิงครุ่นคิด เขาไม่เข้าใจในโชคชะตา และไม่รู้ว่าจะช่วยบรรเทาให้เด็กชายได้อย่างไร แต่เขานึกถึงเจ้าวัง

“เจ้าวังรู้เรื่องตัวตนของเจ้าหรือไม่” สวี่ชิงเอ่ยเสียงเบา

เด็กชายตัวน้อยพยักหน้า

บทที่ 422 การเปลี่ยนแปลงของเคล็ดวิชาพรางมารยา 1

บทที่ 422 การเปลี่ยนแปลงของเคล็ดวิชาพรางมารยา 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา