บทที่ 423 โลกมายาอันลึกลับ
“หลักๆ แล้วค่าใช้จ่ายการซื้อข่าวกรองของข้าค่อนข้างสูง แต่ว่าอาชิงน้อยเจ้าวางใจเถอะ เงินล้วนใช้ในเรื่องของการลงทุนทั้งนั้น”
ในแผ่นหยกมีเสียงหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วนดังมา
“ข้าจะบอกเจ้าให้ หากครั้งนี้ข้าทำได้สำเร็จ พวกเราก็จะรวยเละ ภารกิจสิบปีที่ข้าออกไปข้างนอกสู้สุดชีวิต ล้วนเทียบกับครั้งนี้ไม่ได้เลย!
“ดังนั้น…เลยต้องขอการสนับสนุนเงินทุนจากศิษย์น้องสักหน่อย”
เสียงนายกองแฝงด้วยความร้อนใจ ที่มีมากกว่านั้นคือความวาดหวังในอนาคต
สวี่ชิงได้ยินก็ประหลาดใจเล็กน้อย ด้วยความเข้าใจในตัวนายกองที่เขามี เรื่องนี้เป็นไปได้จริงๆ แต่ว่าระดับความบ้าคลั่งจะต้องสูงมากๆ ด้วยเช่นกันแน่นอน
ดังนั้นหลังจากสวี่ชิงคิดๆ แล้ว ก็ตกลงให้การสนับสนุนหินวิญญาณ
หินวิญญาณของเขาในตอนนี้ยังพอมี สิ่งหลักๆ ที่ขาดคือแต้มกองทัพ ดังนั้นหลังจากพูดกับนายกองสามสี่ประโยค เดิมคิดจะเอาไปให้ หรือไม่ก็ให้อีกฝ่ายมาเอาเอง แต่นายกองไม่รู้ยุ่งอะไร คืนนี้ไม่มีเวลา
ดังนั้นทั้งสองคนจึงนัดเจอกันที่สำนักมายาจำแลงปีศาจ
ขณะเดียวกันสวี่ชิงก็บอกนายกองเกี่ยวกับเรื่องที่วังครองกระบี่สามารถใช้แต้มกองทัพไปศึกษาเคล็ดวิชาของสามสำนักใหญ่ได้ นายกองเมื่อได้ยินก็ลิงโลดดีใจนัก
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ ทำไมถึงไม่เคยได้ยิน
“ข้ารู้แล้ว นี่เป็นเล่ห์กลเล็กๆ ของสามสำนักใหญ่ ยืนอยู่ในมุมของวังครองกระบี่ไม่ค่อยอยากเห็นผู้ครองกระบี่ใต้บัญชาการมาจากสามสำนักใหญ่ทั้งหมด ตอนนี้ยังไม่เป็นไร แต่หากระยะนานไปก็จะทิ้งเป็นหายนะแอบแฝงให้กับอนาคต จึงไม่ได้ประกาศเรื่องใช้แต้มกองทัพไปศึกษา แต่เพื่อแสดงความใจกว้าง ก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร
“แต่ยืนอยู่ในมุมของสามสำนักใหญ่ ย่อมหวังให้ผู้ครองกระบี่ทุกคนมีความสัมพันธ์กับพวกเขา จึงมีเรื่องใช้แต้มกองทัพเผยแพร่เคล็ดวิชาสู่ภายนอกสำนัก
“แต่สรุปแล้ว วังครองกระบี่แข็งแกร่ง สามสำนักร่วมหัวจมท้ายกับวังครองกระบี่มีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น นี่ก็คงเป็นวิถีการเอาชีวิตรอดของสามสำนักใหญ่”
นายกองสรุปวิเคราะห์ สวี่ชิงหลังจากที่ได้ฟังก็พยักหน้าหงึกๆ เขารู้สึกว่าที่นายกองพูดมามีเหตุผล
จากนั้นหลังจากที่ทั้งสองคนนัดเวลาในวันพรุ่งนี้ นายกองที่อยู่ท่ามกลางความวาดหวัง ก็จบสิ้นการสื่อเสียง
วางแผ่นหยกสื่อเสียงลง สวี่ชิงขบคิดเรื่องการเพิ่มพลังของมือทั้งสองจากเคล็ดวิชาพรางมารยาชิงมรรคาต่อ
‘ส่วนการผสานไอพลังประหลาด…ความจริงข้าไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่แค่ไอพลังประหลาดหรือพิษเท่านั้น’ สวี่ชิงคิดๆ จากนั้นวังสวรรค์วังที่สามในกายก็สั่นสะเทือน พลังพิษต้องห้ามแผ่ซ่านผสานมาในมือทั้งสอง
มือทั้งสองของเขาก็แผ่พิษเข้มข้นออกมาทันที จากนั้นพิษก็เปลี่ยน เกิดเป็นไอพลังประหลาดเฉพาะตัวของเขา
จากนั้นหลังจากที่วังสวรรค์วังที่สี่สั่นสะเทือนมือทั้งสองของสวี่ชิงก็กลายเป็นสีม่วง พลังพระจันทร์สีม่วงแผ่อวลมาในมือทั้งสองเวลานี้เอง
‘การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เวลาต่อสู้ศึกเป็นตาย ศัตรูของข้าจะทำป้องกันอย่างไรก็ไม่ไหว ในช่วงเวลาสำคัญก็จะทำให้เป็นการโจมตีอันถึงแก่ชีวิตได้’
วิธีการขบคิดปัญหาของสวี่ชิงล้วนซ่อนเร้นและลงมือโดยที่อีกฝ่ายคาดไม่ถึงมาโดยตลอด นี่เกี่ยวกับการเติบโตของเขาในตอนที่เขายังเป็นเด็ก เกี่ยวกับรูปแบบของยอดเขาลำดับเจ็ดสำนักเจ็ดเนตรโลหิต
เวลาหนึ่งคืนก็ได้ผ่านไปจากการที่สวี่ชิงปรับเคล็ดวิชาพรางมารยาชิงมรรคาของตัวเอง วันที่สองสวี่ชิงไม่ได้ไปกรมราชทัณฑ์ แต่ขอลาหยุดสามวันไปสำนักมายาจำแลงปีศาจ
ในฐานะที่เป็นสามสำนักใหญ่เขตปกครองผนึกสมุทร ตำแหน่งของสำนักมายาจำแลงปีศาจตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองหลวงเขตปกครอง มีพื้นที่ไม่น้อยเลย
ในนั้นมีค่ายกลส่งข้ามขนาดใหญ่หลายค่ายกลเปิดอยู่ตลอดปี ทำให้สำนักจริงที่อยู่ห่างจากที่นี่ในระยะหนึ่งสามารถรักษาความเชื่อมโยงกับเมืองหลวงเขตปกครองเอาไว้ได้อย่างแนบแน่น
และหน้าที่ของสำนักย่อยที่นี่ก็มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือให้บริการผู้ครองกระบี่
สวี่ชิงตอนที่มาถึงก็เห็นผู้ครองกระบี่หลายคนเข้าๆ ออกๆ ส่วนนายกองมาถึงตั้งนานแล้ว นั่งยองๆ อยู่ในบริเวณที่ห่างออกไปไม่ไกล กินผิงกั่วไปด้วย โบกมือให้สวี่ชิงด้วย
“อาชิงน้อย ทางนี้”
สวี่ชิงเดินไป
สวี่ชิงรับไว้กินไปคำหนึ่ง ยื่นตั๋ววิญญาณไปให้นายกอง
มองตั๋ววิญญาณ นายกองฮึกเหิมเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่กัดผิงกั่วคำใหญ่ไปเต็มคำก็เอ่ยอย่างลึกลับขึ้นว่า
“ศิษย์น้องเล็กวางใจ ตามแผนของข้า ห่างจากลงมือทำเรื่องใหญ่อีกไม่นานแล้ว”
“ความเสี่ยงมากเพียงใด” สวี่ชิงถาม
“ไม่มีความเสี่ยงใดๆ ทั้งสิ้น!” นายกองท่าทางมั่นใจมาก
สวี่ชิงพยักหน้า เขารู้แล้ว นี่หมายถึงความเสี่ยงสุดๆ แน่ๆ
“ไม่คุยแล้ว ข้าจะไปหาอู๋เจี้ยนอู เจ้านั่นจ่ายหินวิญญาณมาไม่น้อย ผ่านจากความสัมพันธ์ของข้าเข้าร่วมการทดสอบผู้ครองกระบี่รอบเสริม วันนี้รับการทดสอบมหาจักรพรรดิหยั่งจิต เมื่อคืนวานข้าได้ถ่ายทอดข้อมูลพวกนั้นของข้าเมื่อครั้งนู้น ทำให้เขารู้สึกว่าเงินที่จ่ายมาคุ้มค่า”
นายกองลุกขึ้น
“ข้าจะไปดูว่าผลเป็นอย่างไร ดูซิว่าเขาจะได้จั้งเดียวหรือไม่!”
นายกองดวงตาฉายแววคาดหวัง จากไปอย่างเบิกบานสำราญใจ
สวี่ชิงมองเงาแผ่นหลังของนายกองผาดหนึ่ง เขารู้สึกว่านายกองจะต้องมีความแค้นกับอู๋เจี้ยนอูอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วจะหลอกคนคนหนึ่งสองครั้งติดๆ ได้อย่างไร
ดังนั้นหลังจากที่มองเงาร่างนายกองหายไปจนสุดสายตา สวี่ชิงก็เดินเข้าไปในสำนักมายาจำแลงปีศาจ
สำนักมายาจำแลงปีศาจที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงเขตปกครอง รูปแบบของทั้งสำนักเป็นวงแหวน ภายใต้การโอบล้อมจากสิ่งก่อสร้างเป็นชั้นๆ ก็เกิดเป็นค่ายกลมายาอันเป็นลักษณะเฉพาะของสำนักพวกเขา
และบนสิ่งก่อสร้างทุกแห่งล้วนสลักอสูรร้ายแปลกประหลาดเอาไว้ บ้างดุร้ายเหี้ยมเกรียม บ้างสงบนิ่งเป็นมงคล ในบรรดาพวกมันส่วนใหญ่แล้วกำเนิดในพื้นที่ต้องห้าม และมีต่างเผ่าจำนวนหนึ่งด้วย
แต่ในแนวคิดของสำนักมายาจำแลงปีศาจ สิ่งเหล่านี้สามารถเอามาเป็นเมล็ดพันธุ์ปีศาจได้ทั้งนั้น
และสถานที่ที่ศึกษาเคล็ดจำแลงปีศาจคือในตำหนักถ่ายทอดเคล็ดวิชาของภายใน
ตำหนักนี้ไม่ใช่ตำหนักใหญ่ในความหมายปกติแบบนั้น แต่เป็นช่องโครงสร้างหินแต่ละช่องๆ ทุกช่องเป็นเอกเทศ ไม่รบกวนกันและกัน
มีประมาณร้อยกว่าช่อง
หลังจากจ่ายแต้มกองทัพในจำนวนที่กำหนดแล้ว ลูกศิษย์สำนักมายาจำแลงปีศาจก็พาสวี่ชิงมาถึงที่นี่อย่างมีมารยาท ก่อนเขาจะเลือกช่องหนึ่งแล้วเดินเข้าไป
ในช่อง สวี่ชิงเห็นค่ายกลที่สลักไว้บนพื้นและป้ายหินป้ายหนึ่ง
ป้ายหินไม่ได้เก่าเท่าไร ไม่ได้แฝงไว้ด้วยความล้ำลึกยาวนานอะไร และไม่มีร่องรอยของวันเวลาที่ผ่านไปสักเท่าไร แต่อักขระที่อยู่บนนั้นกลับแฝงความโบราณ
เห็นได้ชัดว่าป้ายหินนี้เป็นป้ายจำลอง ไม่ใช่ป้ายหินดั้งเดิม
แต่ตั้งอยู่ที่นี่ จะเป็นของดั้งเดิมหรือไม่จะต้องไม่ส่งผลกับการสัมผัสรับรู้เคล็ดวิชาอย่างแน่นอน ดังนั้นสวี่ชิงหลังจากที่อ่านดูก็นั่งขัดสมาธิลง มองป้ายหินพลางสูดลมหายใจลึก ดวงตาฉายแววมุ่งมั่น
‘แต้มกองทัพที่ใช้ในการสัมผัสรับรู้ไม่น้อยเลย เวลาสัมผัสรับรู้ทั้งหมดสามวัน ทางที่ดีที่สุดคือทำให้สำเร็จในทีเดียว!
‘หวังว่าเคล็ดจำแลงปีศาจจะตรงกับการวิเคราะห์ของข้า ทำให้ภูเขาจักรพรรดิภูตของข้า…ปรากฏออกมาได้’
สวี่ชิงไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ในเสี้ยวพริบตาที่หลับตา เขาก็แผ่ประสาทสัมผัสออกมา ผสานไปในป้ายหินข้างหน้า
ทันทีที่สัมผัสกับป้ายหิน เขาได้ยินเสียงคำรามที่เหมือนมาจากห้วงเวลาบรรพกาลมากมายดังก้องขึ้นในจิตใจ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา