บทที่ 425 ผู้มาเยือนไม่เป็นมิตร
สวี่ชิงชะงักฝีเท้า ก้มหน้ามองกระบี่อาญาสิทธิ์ในมือ ดวงตาเผยแววคร่ำเคร่ง
คำสั่งนี้มากะทันหันมาก ไม่ได้บอกสาเหตุ ส่วนน้ำเสียงก็ค่อนข้างคุ้นเคย หลังจากขุดคุ้ยความทรงจำอย่างละเอียด ก็พบว่าเป็นผู้ดูแลซือหม่าจากสำนักเซียนล้ำบารมีคนนั้น
สวี่ชิงดวงตาล้ำลึก เขานึกถึงจางซืออวิ้น จนนึกถึงตระกูลเหยา ระแวดระวังเพิ่มขึ้น
‘ผู้ดูแลซือหม่าเรียกหาข้ามีธุระอันใด’
ขณะที่สวี่ชิงขบคิด กระบี่อาญาสิทธิ์ของเขาก็สั่นขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นข่งเสียงหรงที่ส่งสื่อเสียงมา
“สวี่ชิง เจ้าได้รับคำสั่งหรือยัง”
“ได้รับแล้วขอรับ” สวี่ชิงครุ่นคิด แอบมีคำตอบเลาๆ ในใจ
“เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว พวกเสี่ยวเหอกับเสี่ยวเฉินเองก็ได้เหมือนกัน เฮ้อ น่าจะตามเรื่องที่พวกเราไปสังหารเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ย้อนหลัง”
เมื่อรู้ว่าสวี่ชิงก็ได้รับคำสั่งด้วย ข่งเสียงหรงก็รีบจบการส่งสื่อเสียง เขากำลังเร่งเดินทางไปยังวังครองกระบี่
สวี่ชิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ออกจากกรมราชทัณฑ์
ตอนนี้ช่วงฟ้ายามเย็น แสงพลบค่ำราวกับฉาบย้อมท้องนภา ใช้แสงที่เหลือสาดส่องลงพื้นพสุธา ราวกับจะสะท้อนแผ่นดินให้เป็นสีเลือด
สวี่ชิงเงยหน้าขึ้นมอง กระโจนขึ้น เหินตรงไปยังวังครองกระบี่
ตำแหน่งผู้ดูแลนี้ ในวังครองกระบี่มีอำนาจสูงส่ง แต่ละท่านแบกรับหน้าที่สำคัญ ในนี้เรื่องที่ผู้ดูแลซือหม่ารับผิดชอบจะเกี่ยวข้องกับการคุมกฎ และรวมไปถึงบัญญัติภายในของผู้ครองกระบี่อีกด้วย
ดังนั้นไม่ว่าจะข่งเสียงหรงหรือว่าสวี่ชิงก็ไม่อาจมองข้ามคำสั่งของเขาได้ทั้งสิ้น
ไม่นานนัก ขณะที่สวี่ชิงกำลังครุ่นคิดว่าจะรับมืออย่างไร ก็มาถึงวังครองกระบี่แล้ว เพิ่งมาถึงก็เห็นข่งเสียงหรงกับเยี่ยหลิง
“พวกเราห้ามยอมรับเด็ดขาด!” เมื่อเห็นสวี่ชิงเหินมา ข่งเสียงหรงก็ส่งสื่อเสียงทันที
สวี่ชิงพยักหน้า ไม่นานนักซานเหอจื่อกับหวังเฉินก็ตามมา ทั้งสองคนสีหน้าเคร่งขรึม สีหน้าปั้นยากอยู่บ้าง
“พี่ข่ง สวี่ชิง วังครองกระบี่จะทำอะไรกันแน่ เอ๊ะ พวกเรามีความผิดหรือ”
“เสี่ยวเหอ!” ข่งเสียงหรงถลึงตา
ซานเหอจื่อแค่นเสียง ไม่พูดอะไรต่อ
“เรื่องราวจะเป็นแบบที่พวกเราคิดไว้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ พวกเราไปกันเถอะ อย่าให้ผู้ดูแลซือหม่ารอนาน” ข่งเสียงหรงเอ่ยขึ้นแช่มช้า เดินนำเข้าไปก่อน
สวี่ชิงครุ่นคิด หันหน้าไปมองซานเหอจื่อที่กำลังอดกลั้นโทสะรวมถึงร่างแยกควันขจรของหวังเฉิน เอ่ยแผ่วเบาว่า
“ให้คนเห็นมากหน่อย อาจจะดีกว่า”
ซานเหอจื่อกับหวังเฉินเข้าใจทันที ต่างฝ่ายต่างล้วงแผ่นหยกออกมา เยี่ยหลิงก็เช่นกัน
ข่งเสียงหรงไม่ได้ห้ามปราม แต่เปลี่ยนจากสาวเท้าก้าวใหญ่เป็นก้าวที่เล็กลง
เช่นนี้กลุ่มคนทั้งหมดก็เดินเข้าไปในประตูใหญ่วังครองกระบี่ หลังจากเดินไปราวหนึ่งชั่วก้านธูป ในที่สุดก็มาถึงตำหนักบัญญัติที่ผู้ดูแลซือหม่าประจำอยู่
มีคนนับสิบคน ตอนนี้กำลังยืนอยู่ด้านนอกตำหนักบัญญัติ
แต่ละคนสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา พลังบำเพ็ญไม่ธรรมดา เสื้อผ้าก็ไม่ใช่ชุดนักพรตวังครองกระบี่ แต่เป็นสีเหลือง ที่แขนเสื้อปักอักษรมรรคาเอาไว้ตัวหนึ่ง
หลังจากที่เห็นพวกสวี่ชิง สายตาของคนนับสิบนี้ก็กวาดมา
ข่งเสียงหรงเลิกคิ้ว เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่อยู่ ยืนอยู่ด้านนอกตำหนักบัญญัติ ประสานหมัดไปทางตำหนักใหญ่
“ข้าน้อยข่งเสียงหรง มาด้วยคำสั่งจากผู้ดูแลซือหม่า”
“พวกเขาคือผู้บำเพ็ญจากตระกูลเหยา” ร่างแยกควันขจรของหวังเฉินเอ่ยเตือนสวี่ชิงแผ่วเบา จากนั้นก็ทำเช่นเดียวกับข่งเสียงหรง ประสานหมัดส่งเสียงออกไป
สวี่ชิงกับซานเหอจื่อและเยี่ยหลิง ก็พากันคารวะ
เมื่อทุกคนเอ่ยขึ้น เสียงแค่นเย็นชาก็ดังออกมาจากด้านในตำหนักบัญญัติ จากนั้นก็มีคนเดินออกมาจากด้านในตำหนักสามคน
คนที่อยู่ตรงกลาง คืออาจารย์ของจางซืออวิ้น ผู้ดูแลซือหม่า
ทางซ้ายเขามีชายชราคนหนึ่ง สวมชุดนักพรตแบบเดียวกับผู้บำเพ็ญตระกูลเหยา แต่ระลอกคลื่นสมบัติวิญญาณชัดเจนมาก ดวงตาเหมือนมีประกายสายฟ้าอยู่ ตอนนี้สีหน้าไร้อารมณ์ กวาดตามองพวกสวี่ชิง
ส่วนทางด้านขวาของผู้ดูแลซือหม่ายังมีอีกหนึ่งคน
พริบตาที่มองไปยังคนนั้น พวกของสวี่ชิงม่านตาก็หดลง
คนผู้นี้ ไม่ใช่เผ่ามนุษย์
เขาคือเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์
องครักษ์ชุดดำกลางคนเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่คำรามขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวหลังจากที่พวกสวี่ชิงไล่ล่าสังหาร แต่ท้ายสุดก็ก้าวข้ามเขตแดนมาไม่ได้คนนั้นนั่นเอง
เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มีสถานะในเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง พลังบำเพ็ญก็อยู่ระดับสมบัติวิญญาณ ขณะที่กลิ่นอายแผ่ซ่านออกมาก็แฝงสมบัติลับสี่ชิ้นไว้ด้วย พลังแข็งแกร่งถึงขีดสุด
เขายืนอยู่ทางขวาของผู้ดูแลซือหม่า กวาดมองมายังพวกของสวี่ชิงอย่างเย็นชา
เห็นเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ในวังครองกระบี่ เรื่องนี้สวี่ชิงรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องตลก ขณะที่แดกดันกันจนถึงขีดสุดนั้น เขาก็สังเกตเห็นว่าพวกของข่งเสียงหรงแต่ละคนหายใจหอบถี่ขึ้น
ตอนนี้เอง ผู้ดูแลซือหม่าก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบกับชายชราตระกูลเหยาว่า
“พ่อบ้านซุน มากันหมดแล้ว ท่านสอบถามได้”
เมื่อชายชราตระกูลเหยาคนนั้นได้ยินก็พยักหน้า ประสานหมัดคารวะไปทางผู้ดูแลซือหม่า จากนั้นก็หันหน้ามองพวกสวี่ชิงอย่างเย็นชา สีหน้าเคร่งขรึมอย่างมาก น้ำเสียงเผยจิตสังหาร เอ่ยเสียงขรึม
“พวกเจ้ากล้าหาญเสียเหลือเกิน!
“ไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด ไม่มีเหตุมีผล สังหารผู้ติดตามทูตเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ของข้าที่มาเยี่ยมเยือนเขตปกครองผนึกสมุทร!
“ทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองเผ่าเช่นนี้ มีโทษถึงตาย!”
สวี่ชิงขมวดคิ้ว ประโยคนี้ของอีกฝ่ายมีปัญหา ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่การสังหาร แต่อยู่ที่ไม่รู้จักแยกแยะถูกผิดรวมถึงไม่มีเหตุมีผล
การตำหนิเช่นนี้ สวี่ชิงรู้สึกเหมือนกับว่าอีกฝ่ายคิดจะให้พวกตนบอกเหตุผลออกมา
แต่…จากการฝึกฝนลับรวมถึงความเข้าใจวังครองกระบี่ของสวี่ชิง เขามั่นใจมากว่าเรื่องการไปรับสายลับ เป็นเรื่องที่ห้ามพูดออกมาเด็ดขาด แม้สายลับระหว่างสองเผ่าจะไม่พูดถึง แต่ก็มีทั้งสองฝ่าย
แต่หากพูดออกมา ก็จะแตกต่างออกไป จะถูกจับจุดนี้ทำให้เดือดร้อน
นอกจากนี้คำตอบของพวกเขา ก็เป็นไปได้ว่าจะถูกอีกฝ่ายสืบสาวจนเจอเบาะแสบางอย่าง
สวี่ชิงครุ่นคิด และพวกซานเหอจื่อก็เข้าใจเหตุผลนี้กันอย่างรวดเร็ว ทุกคนไม่ใช่คนโง่ ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น ข่งเสียงหรงก็ทำท่าทางมึนงง
“สังหารผู้ติดตามทูตเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์หรือขอรับ เป็นไปไม่ได้หรอก ช่วงนี้พวกเราฝึกบำเพ็ญกันอยู่ตลอด ทุกคนเป็นพยานให้กันได้”
ชายชราตระกูลเหยาแค่นเสียงเย็นชา เหมือนคร้านจะต่อปากต่อคำกับเจ้าเด็กน้อยข่งเสียงหรง สีหน้าจึงปรากฏความนอบน้อม ประสานหมัดไปยังผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนนั้น


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา