บทที่ 428 เอาไหมเอ้อร์หนิว
สวี่ชิงก็เห็นเหยาอวิ๋นฮุ่ยเช่นกัน ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่วันนี้เขามาที่นี่กับจอมเซียนจื่อเสวียน จึงไม่พูดอะไรมาก
และจากการเดินเข้ามาในศาลา หญิงสาวในชุดชาววังกับผู้บำเพ็ญหญิงในชุดนักพรต ก็ล้วนมองมาทางสวี่ชิงพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
โดยเฉพาะตอนที่สังเกตเห็นว่าทั้งสองคนอยู่ใต้ร่มกระดาษคันเดียวกัน สีหน้าพวกนางก็อดเผยความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาไม่ได้ พิจารณาสวี่ชิง สายตาค่อยๆ เปล่งประกาย ยิ้มแย้มไม่พูดจา
สวี่ชิงเงียบนิ่ง ขณะเดียวกันก็สัมผัสถึงพลังบำเพ็ญของหญิงสาวทั้งสองคนนอกจากเหยาอวิ๋นฮุ่ยที่อยู่ในศาลา
พวกนางอยู่ระดับเดียวกับจื่อเสวียน ในดวงตามีประกายดารานับพันไหลเวียน ล้วนเป็นมหาขั้นหวนสู่อนัตตาขั้นหนึ่ง
ขณะที่สวี่ชิงตรวจสอบ จื่อเสียวก็ก้าวเข้าไปในศาลา เผยรอยยิ้มออกมา
“ท่านพี่เฟยเหอ น้องซือเถา ไม่เจอกันเสียนาน”
หญิงสาวในชุดชาววังกับหญิงสาวในชุดนักพรตพอได้ยินก็ยิ้มพรายอย่างงดงาม คนหน้ายิ้มให้กับจื่อเสวียน ส่วนคนหลังดวงตาคู่งามยังจับจ้องพินิจสวี่ชิง ริมฝีปากแดงเผยอเล็กน้อย ส่งเสียงหัวเราะออกมา
“พี่เสวียน สหายตัวน้อยผู้นี้คือใครหรือเจ้าคะ”
“เขาชื่อสวี่ชิง คนที่ใจข้าปรารถนา” จื่อเสวียนเอ่ยออกไปอย่างสง่าผ่าเผย สวี่ชิงไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไร เขาคิดไม่ถึงว่าจื่อเสวียนจะตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้
ครู่หนึ่ง สวี่ชิงก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก
ไม่ใช่แค่เขา หญิงสาวชุดชาววังกับผู้บำเพ็ญหญิงชุดนักพรตก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ประกายในดวงตาเพิ่มขึ้นหลายเท่า
มีเพียงเหยาอวิ๋นฮุ่ย ที่เมื่อได้ยินก็ดูเลื่อนลอยไป
ดวงตางามของจื่อเสวียนกวาดมองสหายสองคน ยิ้มอย่างอ่อนโยน ส่งสัญญาณให้สวี่ชิงนั่งลงข้างกายตน จากนั้นก็ชี้ไปที่หญิงสาวชุดนักพรต เอ่ยกับสวี่ชิงด้วยรอยยิ้ม
“สวี่ชิง นี่คือพี่หลี่ หลี่ซือเถา หนึ่งในสามผู้ดูแลใหญ่ของวังพิธีการ
“ส่วนคนนี้พี่เหยาของเจ้า เหยาเฟยเหอ นางเป็นน้องสาวของโหวเหยา”
ตั้งแต่ต้นจนจบ จื่อเสวียนไม่ได้มองเหยาอวิ๋นฮุ่ยแม้แต่น้อย มองข้ามไปโดยสิ้นเชิง
สวี่ชิงรู้สึกว้าวุ่นใจ ทำได้เพียงประสานมือคารวะด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หลี่ซือเถากะพริบตาปริบๆ ป้องปากหัวเราะ จากนั้นก็เย้าแหย่สวี่ชิง
“ที่แท้เจ้าก็คือสวี่ชิงนี่เอง เจ้ารู้หรือไม่ เจ้าเป็นผู้ชายข้างกายพี่เสวียนคนแรกที่นางแนะนำเช่นนี้ รีบบอกพวกข้าเร็วว่าเจ้าทำให้ท่านพี่เสวียนหวั่นไหวได้อย่างไร”
เหยาเฟยเหอในชุดชาววัง นิสัยดูสงบนิ่งกว่าหลี่ซือเถาอย่างเห็นได้ชัด เวลานี้ไม่ได้พูดเย้าแหย่สวี่ชิง แต่ส่งเสียงอ่อนโยนออกมา
“ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าในสำนักที่น้องหญิงจื่อเสวียนอยู่ มีอัจฉริยะฟ้าประทานปรากฏตัวมาคนหนึ่ง วันนี้พอได้เห็นก็สมคำล่ำลือจริงๆ”
จื่อเสวียนแนะนำออกมาตรงๆ เช่นนี้ ทำให้ทั้งสองสาวรู้สึกสนใจสวี่ชิงไม่น้อย ขณะเดียวกันก็ไม่ได้แสดงท่าทีอย่างผู้บำเพ็ญระดับสูงออกมา แต่มองเหมือนเป็นคนรุ่นเดียวกัน ทว่าการพูดคุยติดตลกก็ยังมีอยู่
“หลายวันก่อนพวกเราเชิญพี่เสวียนมา นางก็เอาแต่ปฏิเสธ วันนี้ก็เพิ่งได้รู้สาเหตุ ที่แท้จะทำให้พวกข้าตกใจนี่เอง
“ตอนนี้ก็เข้าใจแล้วว่าหนึ่งเดือนก่อนที่นางมาสอบถามพวกเราเกี่ยวกับเรื่องการผสานเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิเข้าไปในวังสวรรค์ ดูท่าจะเป็นเรื่องที่เตรียมไว้ให้สวี่ชิงสินะ”
เมื่อสวี่ชิงได้ยินก็ทำได้เพียงพยักหน้า สีหน้าเคร่งขรึม ยากจะผ่อนคลายลงได้ ราวกับนั่งอยู่บนพรมเข็ม
จื่อเสวียนทำให้เขารู้สึกกังวลจริงๆ ตอนนี้เผชิญหน้ากับการเย้าแหย่ของสหายนาง เขาที่ไม่ถนัดในการพูดและไม่เคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาก่อน จึงไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร
และเขายิ่งเป็นเช่นนี้ พี่หลี่จากวังพิธีการคนนั้นก็เหมือนจะยิ่งชอบใจ
“เอ๊ะ ไยน้องชายจึงไม่พูดเลยเล่า”
“โธ่ พี่เสวียน สวี่ชิงของท่านนี่ขี้อายเสียจริง”
เมื่อเห็นว่าสวี่ชิงไม่รู้จะพูดอย่างไร ดวงตางามของจื่อเสวียนจึงเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนาของสหาย
“ช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง กับศิษย์พี่เฉินในสำนักชีพจรอัสนีบรรพกาลไปถึงไหนแล้ว”
“ไม่ต้องพูดถึงเขา!” หลี่ซือเถาทอดถอนใจ สายตาหยุดอยู่ที่สวี่ชิง
“น้องชาย ข้างกายเจ้ามีเพื่อนดีๆ บ้างหรือไม่ แนะนำให้พี่สาวสักคนสิ”
สวี่ชิงพอได้ยินก็ครุ่นคิด พยักหน้า
“ข้ามีศิษย์พี่อยู่คนหนึ่ง…”
เมื่อจื่อเสวียนได้ยินก็กระแอมไอ เปลี่ยนหัวข้อสนทนาสายตากวาดไปยังเหยาอวิ๋นฮุ่ย
“ท่านผู้นี้คือ?”
หากเป็นเวลาอื่น เหยาอวิ๋นฮุ่ยคงไม่นิ่งเงียบเช่นนี้แน่ แต่วันนี้ป้าของนางเรียกนางมาที่นี่ นางก็รู้สาเหตุดี แต่คิดไม่ถึงว่าท่านป้าของตระกูลตนที่กระทั่งท่านพ่อท่านแม่ก็ยังต้องยอมให้ จะเป็นเพื่อนสนิทของจอมเซียนจื่อเสวียน
จึงทอดถอนใจ สะกดความสับสนซับซ้อน ลุกขึ้นคารวะให้จื่อเสวียน
“อวิ๋นฮุ่ยคารวะจอมเซียนจื่อเสวียนเจ้าค่ะ”
จื่อเสวียนพยักหน้าเรียบๆ มองไปทางเหยาเฟยเหอ
“พี่เหยา นี่หมายความว่าอย่างไรกัน”
“อวิ๋นฮุ่ยกระทำการบุ่มบ่าม ก่อนหน้านี้ทำเรื่องผิดพลาดไปบ้าง วันนี้ข้าจึงตั้งใจเรียกนางมาขอโทษเจ้ากับสวี่ชิง”
เหยาเฟยเหอสังเกตได้ว่าคำเรียกที่จื่อเสวียนใช้เรียกตนเองเปลี่ยนไป รู้ว่าจื่อเสวียนไม่ชอบใจ จึงอธิบายเสียงอ่อน
เดิมนางจะให้หลานสาวในตระกูลตนขอโทษจื่อเสวียน วันนี้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแนะนำสวี่ชิงเช่นนี้ จึงเข้าใจถึงสาเหตุทั้งหมด น้ำเสียงจึงเปลี่ยนไปบ้าง
นางแตกต่างกับหลี่ซือเถา หลี่ซือเถานิสัยกระฉับกระเฉง คนที่เชื่อมสัมพันธ์ด้วยมีอยู่ทุกระดับ แต่นางในฐานะที่เป็นน้องสาวของโหวเหยา จึงต้องสนใจคุณสมบัติของเพื่อนด้วย
อย่างจื่อเสวียน แม้จะอยู่ค่อนข้างสำนักห่างไกล ไม่ถือเป็นขั้วอำนาจใหญ่ แต่ไม่ว่าจะสติปัญญาหรือคุณสมบัติล้วนเป็นคนชั้นยอด และคนเช่นนี้เปลี่ยนแปลงอนาคตได้มากมาย เจ้าจะดูถูกต้นกำเนิดของนางไม่ได้เลย บางทีหากมีโอกาส อีกฝ่ายอาจจะไปถึงระดับที่ตนต้องเงยหน้าขึ้นมองก็เป็นได้
โดยเฉพาะนางที่รู้อยู่แก่ใจลึกๆ ว่าพี่ชายของตนเองเสียสละชื่อเสียงเพื่อเมืองหลวงเขตปกครอง เรื่องนี้ไม่อาจพูดออกไปภายนอกได้ ดังนั้นตระกูลเหยาที่ดูแล้วเหมือนยิ่งใหญ่ แต่อันที่จริงก็ล่อแหลมเช่นกัน
นางปล่อยให้ตระกูลเหยามีศัตรูต่อไปไม่ได้อีก นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำไมนางจึงจะเปลี่ยนความปฏิปักษ์ให้กลายเป็นมิตรภาพ
ส่วนสวี่ชิง นางก็ประเมินไว้เช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้เติบโตขึ้นอย่างแท้จริง อนาคตจะเป็นอย่างไรยังต้องคอยจับตาดู

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา