บทที่ 466 คิดถึงมากรู้หรือไม่
……….
ฉู่เทียนฉวินหลับตาลงอย่างหมองเศร้า
“จบแล้ว…”
แต่ชั่วนิรันดร์ในจินตนาการเหมือนจะมาถึงช้าไปเล็กน้อย หลังจากนั้นหลายอึดใจ ข้างหูฉู่เทียนฉวินก็มีเสียงแหบแห้งของสวี่ชิงดังมา
“เจ้าเกลียดรัชทายาทรัฐม่วงครามกับนกเขาราตรีหรือไม่” สวี่ชิงมองฉู่เทียนฉวิน ดึงเท้าที่จะเหยียบลงไปกลับมา
ฉู่เทียนฉวินเหมือนไม่ได้ยิน ยังคงหลับตา
“ในเมื่อเจ้าใกล้จะตายแล้ว และไม่ได้ฆ่าข้า เช่นนั้นเจ้าอยากให้ข้าไปหาพวกเขาหรือไม่”
สวี่ชิงเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง
“เช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นพวกเขาตาย หรือข้าตาย สำหรับเจ้าแล้วล้วนเป็นการแก้แค้นทั้งสิ้น”
ฉู่เทียนฉวินลืมตาขึ้นช้าๆ มองไปทางสวี่ชิง เขาในตอนนี้ชีวิตเดินมาถึงปลายทาง ต่อให้สวี่ชิงไม่เหยียบลงมา เขาก็อยู่ได้ไม่นานเท่าไร ไฟแห่งชีวิตเริ่มมอดแล้ว
“ดังนั้นเจ้าจะบอกข้าว่ารัชทายาทและนกเขาราตรีอยู่ที่ไหนหรือไม่” สวี่ชิงเงยหน้ามองความว่างเปล่าไกลๆ เอ่ยอย่างสงบนิ่ง
ฉู่เทียนฉวินเงียบนิ่ง ไม่ได้พูดอะไร แสงในดวงตาค่อยๆ หมองหม่น ศีรษะยิ่งแห้งเหี่ยว เริ่มสลายเป็นส่วนๆ
หลังจากนั้นหลายอึดใจ สวี่ชิงส่ายหน้า ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากพูด ถามมากไปก็ไร้ประโยชน์ กำลังจะจัดการสังหารให้อีกฝ่ายตายสิ้นซาก แต่ในตอนนี้เอง ฉู่เทียนฉวินก็พลันเอ่ยเสียงแผ่วเบาออกมา
“สวี่ชิงเจ้ารู้หรือไม่ว่าจะเปลี่ยนสีของมหาสมุทรได้อย่างไร”
สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง มองไปทางฉู่เทียนฉวิน
ฉู่เทียนฉวินมองสวี่ชิง ใบหน้าของเขาในตอนนี้หายไปแล้วกว่าครึ่ง เสียงยิ่งเบาลงไปอีก
“ยามเมื่อเจ้ารู้ว่าทำได้อย่างไร เจ้าก็จะรู้คำตอบ”
ฉู่เทียนฉวินพูดจบก็หลับตาทั้งสองข้างลง ศีรษะส่วนใหญ่สลายกลายเป็นเถ้าธุลี สลายไปต่อหน้าสวี่ชิง แตกดับโดยสมบูรณ์
ร่างของเขา วิญญาณของเขา ทุกอย่างของเขา ในเสี้ยวขณะนี้ล้วนผสานไปในเถ้าธุลี สลายไปในเศษชิ้นส่วนโลกแห่งนี้ ไม่มีตัวตนอยู่อีกต่อไป
ขณะเดียวกัน โลกแห่งนี้ก็บิดเบี้ยวตามไปด้วย เริ่มรางเลือนไปช้าๆ จวบจนหลังจากนี้สามอึดใจ โลกก็หายไป ประดุจดาวเหนือเคลื่อนดาราคล้อย รอบๆ สวี่ชิงมีทะเลทรายปรากฏขึ้น เกิดความร้อนแผดเผา กลิ่นอายฟ้าดินที่คุ้นเคยปรากฏขึ้น
แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
ฉู่เทียนฉวินใช้เลือดเทพของตัวเองร้อยหยดทำการแลกเปลี่ยนกับเผ่าควันขจรแลกมาซึ่งโอกาสในการเปิดเศษชิ้นส่วนโลกใบใหญ่ของเผ่าพวกมัน วิธีออกไปก็ง่ายมาก ไม่สวี่ชิงตาย ก็เขาตาย
ยามเมื่อเหลือคนเดียวก็จะออกไปได้
สวี่ชิงก้มหน้า มองทรายใต้เท้า นานจากนั้นก็หันหลังมองไปทางเผ่าควันขจร สุดปลายสายตาตอนนี้หมอกควันลอยอ้อยอิ่ง ก่อเป็นเงาร่างเผ่าควันขจรร่างเลือนร่างหนึ่ง
เขายืนอยู่ในฟ้าดิน จ้องมองสวี่ชิง
สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ มองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เงาร่างเผ่าควันขจรก็ไม่พูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว ไม่นานนักก็หายไป
สวี่ชิงหันหลัง สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย ก้าวเท้ามุ่งหน้าตรงไปยังชายแดน ความเร็วเทียบกับตอนนั้นแล้วไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดเขาก็ออกไปจากทะเลทรายผืนนี้ เหยียบย่างเข้าสู่พื้นที่เมืองหลวงเขตปกครอง
หลังจากเห็นน้ำใสภูเขาเขียวนั่นแล้ว สวี่ชิงก็ควบคุมไม่ได้อีกต่อไป พลังกายแห้งเหือด กระอักเลือดออกมาสามคำ ขณะโซซัดโซเซก็เอาเรือศึกเวทออกมา ฝืนก้าวขึ้นไป หลังจากล้มลงไปข้างหนึ่งสีหน้าขาวซีด อาศัยเรือศึกเวททะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ออกไปจากทะเลทราย
ก่อนหน้านี้ในตอนที่เห็นผู้บำเพ็ญเผ่าควันขจรตนนั้น สวี่ชิงอาศัยเจตจำนงอันมุ่งมั่นของตัวเองโดยสมบูรณ์ ไม่เผยระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ ฝืนยืนหยัด
อาการบาดเจ็บของเขาความจริงแล้วสาหัสมาก ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณหรือกายเนื้อ ศึกที่สู้กับฉู่เทียนฉวินศึกนี้ผลาญพลังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในตอนสุดท้ายที่มือขาวเนียนน่าหวั่นเกรงจากหน้าผากฉู่เทียนฉวินที่ซัดลงมาสามทีนั่น ยิ่งแฝงไว้ซึ่งพลังสังหาร
แผ่นหยกตัวตายตัวแทนแตก หากไม่ใช่แสงสีทองที่ข้อมือในตอนสุดท้าย เขาก็ดับสิ้นไปแล้ว
‘ต้องรีบกลับเมืองหลวงเขตปกครอง!’
สวี่ชิงเช็ดเลือดที่มุมปาก สัมผัสได้ถึงความอ่อนแรงที่แผ่ออกมาจากภายในสู่ภายนอก นึกย้อนถึงศึกที่สู้กับฉู่เทียนฉวิน ในใจของเขาก็เกิดความหวาดกลัวเป็นระลอกๆ
‘แสงสีทองที่ข้อมือข้าคืออะไรกันแน่!’ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สวี่ชิงฝืนตัวเองไม่ให้สลบ ก้มหน้ามองข้อมือ ในตาค่อนข้างสับสน
เส้นสีทองที่ข้อมือช่วยเขาไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ทุกครั้งล้วนเป็นในเวลาวิกฤตอันตราย หากเป็นน้ำใจ น้ำใจนี้ช่างใหญ่หลวงนัก
นานหลังจากนั้น สวี่ชิงก็ฝังความสงสัยลงไป เขาเตรียมกลับไปยังเมืองหลวงเขตปกครองครั้งนี้จะต้องตรวจสอบว่าแสงสีทองที่ข้อมือคืออะไร
‘แล้วก็เผ่าควันขจรนี่…’ สวี่ชิงหันไปมองทางทะเลทราย ในใจเกิดหมอกคลุมเครือ
เรื่องนี้ไม่ค่อยสมเหตุผล
‘เผ่าควันขจรอยู่ในเขตปกครองผนึกสมุทร แต่ให้ความช่วยเหลือฉู่เทียนฉวิน มอบสนามสังหารผู้ครองกระบี่ให้ เรื่องนี้ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่ก็จะต้องเสี่ยงในระดับหนึ่ง…
‘คุ้มหรือ’
สวี่ชิงพึมพำในใจ บาดแผลภายในซัดขึ้นมาอีกครั้ง กระอักเลือดอีกหน ความอ่อนล้าทะลักมายิ่งรุนแรงขึ้น เขาหลับตาทั้งสองข้าง เริ่มทำการรักษา
หลังจากนั้นสองชั่วยาม ก็มาถึงค่ายกลส่งข้ามของเมืองแห่งหนึ่ง สวี่ชิงฝืนลืมตาทั้งสองข้าง สีหน้ายังคงไร้สีเลือดเช่นเดิม ฝืนร่างกายเดินลงไปจากเรือศึกเวท หลังจากเก็บมันลงไปเขาก็เดินไปในค่ายกลส่งข้าม
จากการปรากฏขึ้นของคลื่นพลังส่งข้าม ท่ามกลางการกะพริบวูบวาบจากประกายแสง ร่างของสวี่ชิงก็หายไป
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่เมืองหลวงเขตปกครอง เขตปกครองผนึกสมุทร ในป่าดึกดำบรรพ์ที่กว้างใหญ่ไพศาล ในเทือกเขาลึกสุดสายตา มีพื้นที่แอ่งกระทะขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา