บทที่ 483 ก้าวหนึ่งสู่ห่านป่าเดียวดาย ก้าวหนึ่งสู่มาร (2)
และในตอนนี้ก็เป็นเวลาก่อนแสงอรุณจะสาดส่อง
ท้องฟ้ามืดมิดไปทั้งผืน แม้จันทร์กระจ่างจะลอยเด่น แต่แสงจันทร์ในมณฑลประกายอรุณไม่อาจส่องทะลุหมอกได้ ดังนั้น ทั้งหุบเหวสมุทรก็ยังคงดำมืดไปหมด
มีเพียงยอดเขาที่อยู่ตั้งตระหง่านอยู่บนหุบเหวสมุทรที่ทะลุผ่านหมอก มองเห็นจันทร์เพ็ญบนท้องฟ้า
เพียงแต่ภูเขาที่หุบเหวสมุทรส่วนมากไม่สูง ดังนั้นทั่วทั้งมณฑลประกายอรุณสถานที่ที่สว่างที่สุดมีเพียงเขาประกายอรุณเท่านั้น
บนเขาประกายอรุณ สวี่ชิงยืนอยู่บนชั้นสามของหอเอกสาร มองท้องฟ้าไปตามหน้าต่างไม้ ลมภูเขาพัดมา กระทบต้องผมยาวของเขาปลิวพริ้ว และเผยให้เห็นดวงตาทั้งสองข้างที่สะท้อนแสงจันทร์
‘หากจะสืบเบาะแส อาศัยลำพังเพียงพลังของข้าคนเดียวจะต้องใช้เวลานานมาก’ สวี่ชิงพึมพำในใจ คิ้วค่อยๆ ขมวดมุ่น
เรื่องนี้เขาบอกคนอื่นไม่ได้ ต่อให้เป็นผู้ครองกระบี่ที่รักษาการณ์อยู่ที่นี่ก็จะบอกออกไปง่ายๆ ไม่ได้ เพราะหากการวิเคราะห์ของเจ้าวังถูกต้อง คนเบื้องหลังที่ฆ่าเจ้าเขตปกครองจะต้องมีอำนาจล้นฟ้าแน่นอน
ดังนั้นต่อให้เป็นผู้ครองกระบี่ที่นี่…สวี่ชิงก็ไม่กล้าเชื่อ
เพราะค่าตอบแทนของการไว้ใจคนผิด สำหรับเขาแล้วคือวิกฤตชีวิตเป็นตาย
เงียบนิ่งไปครู่หนึ่ง สวี่ชิงอ่านเอกสารอีกจำนวนหนึ่งอีกครั้ง สุดท้ายก็ไปจากหอเอกสาร เดินไปในโถงครองกระบี่ที่กว้างขวางเงียบสงัดด้วยการซ่อนอำพราง
ยิ่งใกล้สว่าง จากแสงที่ลาลับของจันทร์เพ็ญ ฟ้าดินก็ยิ่งมิดมิด นี่เป็นสิ่งที่ต้องประสบพบเจอก่อนรุ่งสางจะมาเยือน
และในเวลานี้ลมก็มักจะเย็นยะเยือกกว่าปกติเล็กน้อย สายลมกระทบต้องร่างของสวี่ชิง พัดแขนเสื้อชุดนักพรตสะบัด
สวี่ชิงเดินไปในเขาประกายอรุณอย่างเงียบๆ เขาเตรียมไปหาหลุมฝังศพของบิดามารดา อยากจะไปเซ่นไหว้
เขารอวันนี้มาเนิ่นนานเหลือเกิน
จิตใจที่คลอนไหวไปมา คลื่นความคิด ทุกอย่างกลายเป็นระลอกคลื่น แผ่มาในใจสวี่ชิงไม่ขาดสาย
สะกดเอาไว้ไม่ได้ ฝังกลบลงไปไม่ได้
ในยามที่ลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่างของสวี่ชิงก็สั่นขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้เล็กน้อย เรื่องนี้น้อยนักที่จะเห็นจากเขา
สวี่ชิงไม่ได้ควบคุมมัน เขาหลับตา ประสาทสัมผัสรับรู้แผ่ออกไป ไปตามการชี้นำจากสายเลือดอันรางเลือน เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเงียบงัน เดินผ่านบ้านหลังหนึ่ง ที่นี่มีการชี้นำจากสายเลือด
เดินผ่านหินผาก้อนหนึ่ง ที่นี่ก็มีการชี้นำจากสายเลือดเช่นกัน
เดินผ่านเจดีย์สูงแห่งหนึ่ง ที่นี่ก็มีการชี้นำจากสายเลือดเช่นกัน
สวี่ชิงเดินอยู่นาน ผ่านพื้นที่แต่ละแห่งๆ เดินบนเขาประกายอรุณส่วนหนุึ่งที่โผล่ขึ้นมาจากหุบเหวสมุทรจนทั่วแล้ว
จวบจนสุดท้าย ที่ยอดเขา เขาก็หยุดแล้วยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น
ลมภูเขาแรงกว่าเมื่อครู่ขึ้นอีก ท้องฟ้ามืดมิดจากดวงอาทิตย์ที่ลอยขึ้นมาก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง เหมือนไฟแผดเผา ค่อยๆ มีแสงส่องทะลุผ่านชั้นเมฆ ส่องมาบนหุบเหวสมุทร กระทบมายังยอดเขาทุกลูก และสาดส่องมายังเขาประกายอรุณ
แสงเจ็ดสีสาดออกมาจากหินผาทุกแห่งบนเขาประกายอรุณ หลังจากที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์ ก็ก่อเป็นกลุ่มแสงงดงาม กลายเป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดในฟ้าดิน ณ เสี้ยวขณะนี้
มองไกลๆ บนหุบเหวสมุทรสีดำ ภูเขาเจ็ดสีลูกหนึ่งเจิดจ้าพร่างพราย เหมือนเป็นต้นกำเนิดของแสงทุกอย่าง คิดจะประชันแสงกับดวงอาทิตย์
แสงของมันปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ จากม่านฟ้าที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ จากการลอยขึ้นของดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ แสงเจ็ดสีของเขาประกายอรุณก็ยิ่งสว่างขึ้นในเสี้ยวพริบตานี้แผ่แสงพรายยามรุ่งอรุณเจิดจ้าออกไปรอบๆ ตลอดเวลา
งดงามพร่างพราย
ในภาพอันสวยงามนี้ สวี่ชิงลืมตาขึ้น เขาก้มหน้ามองหินใต้เท้า เขาเข้าใจแล้ว
ทำไมพื้นที่ที่เขาเดินผ่านทุกแห่ง ทุกตำแหน่งจึงมีการชี้นำของสายเลือด
ทำไมตัวเองหามาจนถึงตอนนี้ ทั้งๆ ที่สัมผัสอยู่ข้างๆ แต่กลับหาตำแหน่งของหลุมฝังศพไม่เจอเสียที
“ข้าฝังท่านพ่อท่านแม่ไว้ที่เขาประกายอรุณ” นี่คือสิ่งที่รัชทายาทรัฐม่วงครามบอกสวี่ชิงในตอนนั้น
เสี้ยวขณะนี้สวี่ชิงรู้ถึงสาเหตุแล้ว
“หลุมฝังศพของท่านพ่อท่านแม่ก็คือภูเขาประกายอรุณลูกนี้…พวกเขาถูกฝังไว้ในจุดลึกของใจกลางภูเขาลูกนี้ ดังนั้นในเสี้ยวพริบตาที่ข้าเหยียบมาบนภูเขาลูกนี้ ก็สัมผัสได้ถึงการชี้นำของสายเลือด”
สวี่ชิงพึมพำ มองภูเขาประกายอรุณใต้เท้า เขาอยากเข้าไปภายในเขาลูกนี้ แต่ความพิเศษของเขาประกายอรุณ ด้วยพลังบำเพ็ญของเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถทำถึงจุดนั้นได้
นาน นานมากๆ
สวี่ชิงคุกเข่าลงอย่างเงียบๆ สองมือลูบไปบนหินผา ก้มหน้า
ที่นี่ไม่มีใครรับรู้ถึงตัวตนของเขา ย่อมไม่มีใครเห็นว่าบนหินผาที่สวี่ชิงก้มหน้า หยดน้ำไหลมาตามใบหน้าและปรายจมูกของเขา ไหลลงมาแต่ละหยดๆ แทรกซึมไปในหินผา ราวกับน้ำหมึก
มีเพียงแสงเจ็ดสีจากเขาประกายอรุณที่แผ่ออกมาอยู่ตลอด คล้ายว่าแปรเปลี่ยนเป็นมืออันอ่อนโยนข้างหนึ่ง กำลังลูบร่างอันสั่นเทาและใบหน้าที่ร่ำไห้อย่างไร้เสียงของสวี่ชิงอย่างแผ่วเบา
ไม่รู้ว่านานเท่าไร หน้าผากของสวี่ชิงสัมผัสไปกับหินผา
“ท่านพ่อ…ท่านแม่…พักผ่อนให้สบาย…”
สวี่ชิงพึมพำ เสียงค่อนข้างแผ่วเบา มีเพียงตัวเขาที่ได้ยิน
สุดท้าย เขาเงยหน้าขึ้น ไม่เห็นน้ำตา
เขาลุกขึ้น ความเย็นยะเยือกตลบอวล เดินไปข้างล่างภูเขา จากไปไกลอย่างเงียบๆ
ฟ้าในตอนนี้สว่างแล้ว
แสงอาทิตย์เจิดจ้าสาดส่อง กระทบมาที่เงาแผ่นหลังของสวี่ชิง และสาดทอมาบนเขาประกายอรุณโดยสมบูรณ์

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา