บทที่ 484 วิหคทองกลืนตะวัน (1)
ด้านนอกเขาประกายอรุณ ข้างๆ หุบเขา สวี่ชิงนั่งยองมองอยู่ตรงนั้นผาดหนึ่ง หันหลังเดินไป
ด้านหลังของเขา จากเสียงกรีดร้องแหลมที่ดังมา เจือเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังก้องมาด้วย ยิ่งมีเสียงครืนครันดังไปทั่ว
ไม่นานหุ่นเชิดเผ่าควันขจรหลายร่างก็พุ่งออกมาจากหุบเขา ระเบิดประสาทสัมผัสเทพออกรอบด้าน มาพร้อมกับความกราดเกรี้ยวและเดือดดาลแผ่กวาดไปทั่วสารทิศ
ในหุบเขาเวลานี้วุ่นวายไปหมด เผ่าควันขจรนับร้อยแต่เดิมเหลือแค่ไม่กี่คน ภายใต้พลังพิษต้องห้ามของสวี่ชิง ส่วนใหญ่ดับสลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ
พิษของสวี่ชิงโหดเหี้ยมมากจริงๆ
ส่วนที่ยังไม่ตายพวกนั้นก็ร้องครวญครางทรมาน พยายามหาหนทางทั้งหมดก็ยังหลุดพ้นจากสภาพร่างกายเน่าเปื่อยไม่ได้ ทำได้เพียงมองร่างกายของตนโดนหมอกย่อยสลาย ค่อยๆ กลายเป็นควัน ดับสูญไปทั้งร่างกายและวิญญาณ
ส่วนของวิเศษเวทที่พวกเขาวางเอาไว้ก็หยุดชะงักทั้งหมดเพราะสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปนี้ การปกคลุมของหมอกพิษทำให้ไอพลังประหลาดในของวิเศษเวทเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนคงอยู่ไม่ได้นาน
“ใคร!”
เสียงร้องคำรามดังออกมาจากด้านนอกหุบเขา ปราณก่อกำเนิดเผ่าควันขจรเจ็ดแปดคนนั้นควบคุมหุ่นเชิด ต่างแผ่คลื่นพลังที่น่ากลัวออกมา เร่งค้นหาตัวคนร้ายอย่างร้อนรน
หุ่นเชิดของพวกเขาเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็วเช่นกันภายใต้พิษต้องห้าม กระทั่งร่างจริงที่ซ่อนอยู่ด้านในยังหนีไม่พ้น หนทางทั้งหมดก็ยังไม่อาจยับยั้งได้
ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกร้อนรนอย่างมาก คิดจะหาคนร้ายตัวจริงให้พบและหายาแก้พิษ ต่อให้แผนการเดิมต้องซ่อนคลื่นพลัง ทว่าตอนนี้สนใจอะไรมากไม่ได้แล้ว ทยอยระเบิดพลังทั้งหมดออกค้นหาไปทั่ว
แต่แผ่นหยกซ่อนอำพรางของสวี่ชิงเป็นสิ่งที่จอมเซียนจื่อเสวียนมอบให้ ไม่ใช่สิ่งที่ระดับปราณก่อกำเนิดจะหาพบ และหลังจากที่เขาปล่อยพิษไปเมื่อครู่ มองเพียงผาดเดียวก็จากไปทันที จนตอนนี้เข้าใกล้เขาประกายอรุณแล้ว
หลังจากสัมผัสถึงคลื่นพลังทางด้านหุบเขา สวี่ชิงก็สีหน้าไร้อารมณ์ เขาเตรียมตัวจะรอให้เผ่าควันขจรทางนั้นตายให้เรียบก่อน แล้วค่อยไปตรวจสอบ
‘ตามปกติหนึ่งชั่วยามพวกเขาก็น่าจะตาย เช่นนั้นข้ารอสักสามชั่วยามก็น่าจะไม่มีปัญหา’ สวี่ชิงเงียบนิ่ง เดินหน้าไปต่ออย่างรวดเร็ว ทว่าตอนนี้เอง จู่ๆ เจตจำนงน่าหวาดหวั่นรุนแรงวูบหนึ่งก็ปะทุขึ้นในใจเขา
สีหน้าสวี่ชิงเปลี่ยนไป หันหน้ากลับไปฉับพลัน ลมหายใจหอบถี่เล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่าตกตะลึงวูบหนึ่งมาจากทางหุบเขา กลิ่นอายนี้เปี่ยมความน่ากลัว แล้วเขาก็ค่อนข้างคุ้นเคยด้วย
และจากการที่กลิ่นอายปรากฏขึ้น สภาพแวดล้อมก้นหุบเหวสมุทรก็ถูกส่งผลกระทบ ไอพลังประหลาดรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
และที่ยิ่งทำให้สวี่ชิงใจสั่นสะท้าน ก็คือทั้งหมดในนี้เริ่มบิดเบี้ยวเลือนลางขึ้นมา
‘เทพเจ้า!’
สวี่ชิงนึกถึงชายชราเผ่าจิตรกรรมที่เจ้าศีรษะพูดถึง เพียงพริบตาก็ชี้ขาดต้นกำเนิดของพลังวูบนี้ได้ สีหน้ามืดครึ้มอย่างอดไม่อยู่ รุดหน้าเพิ่มความเร็ว
เขาสัมผัสได้ ว่ากลิ่นอายวูบนี้เหมือนจะไม่ได้ระเบิดมาจากในหุบเขา แต่พุ่งเข้าไปในหุบเขาจากอีกทิศทางหนึ่ง
‘น่าจะถูกคลื่นพลังทางนั้นดึงดูดไป!
‘นิ้วเทพเจ้านี้ พาชายชราเผ่าจิตรกรรมไปหาซากดวงอาทิตย์ไม่ใช่หรือ ทำไมจึงถูกคลื่นพลังดึงดูด…หรือว่าในหุบเขานั่นจะมีซากดวงอาทิตย์อยู่’
สวี่ชิงหายใจหอบถี่ ก่อนหน้านี้หลังจากที่เขารู้เรื่องนี้จากเจ้าศีรษะ เดิมก็ไม่ได้มองมันเป็นจุดสำคัญ เขารู้ดีว่าตนกับนิ้วเทพเจ้านั้นต่างชั้นกันมหาศาล จึงไม่คิดที่จะตามหามัน
และเตรียมว่าหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจอำพรางกายแล้ว จะรายงานเรื่องนี้กับวังครองกระบี่
ยิ่งไปกว่านั้นมณฑลประกายอรุณก็ใหญ่โตถึงเพียงนี้ ความเป็นไปได้ที่จะพบกันก็ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น
ถึงอย่างไรซากที่กระจัดกระจายไปของดวงอาทิตย์ที่ดับสูญ ในช่วงเวลาที่ยาวนานนี้ คงจะถูกเผ่ามนุษย์รวมถึงขั้วอำนาจฝ่ายต่างๆ เก็บไปหมดแล้ว
ส่วนบริเวณใกล้ๆ เขาประกายอรุณก็เช่นกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะยังเหลือซากดวงอาทิตย์อีก
ดังนั้นมณฑลประกายอรุณที่ใหญ่โตเช่นนี้ เขาคิดว่าโอกาสที่จะพบกับนิ้วเทพเจ้านั้นมีไม่มากนัก
‘หรือว่าเจ้าศีรษะกับเจ้าสิงโตหินจะดึงดูดมันมา?’ สวี่ชิงสีหน้ามืดครึ้ม ก้มหน้ามองสิงโตหินทันที
สิงโตหินตัวสั่น ร่างคลอนไหวไม่หยุด ราวกับกำลังบอกสวี่ชิงว่าทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับเขา และเจ้าศีรษะก็รีบเอ่ยขึ้นว่า
“ใต้เท้าไม่ใช่ข้านะ ไม่ใช่ข้าจริงๆ ข้าไม่มีความสามารถดึงดูดนิ้วเทพเจ้ามาได้หรอกขอรับ”
เจ้าศีรษะจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ
สวี่ชิงดวงตาแผ่จิตสังหาร หลังจากที่แน่ใจว่าตนปลอดภัยแล้ว จะต้องจัดการเจ้าสิงโตหินกับเจ้าศีรษะนี่สักหน่อย จึงถอนสายตากลับมา เดินหน้าต่อไปอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เขาไม่กล้ากระตุ้นพลังพิษต้องห้าม เก็บกลับมาทั้งหมด แม้พลังพิษต้องห้ามจะอำพรางไว้ได้ จุดนี้ชัดเจนมากที่พระจันทร์สีม่วง แต่นั่นคือตอนที่พระจันทร์สีชาดไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ดังนั้นพิษต้องห้ามจึงเหมือนถูกตัดขาด แต่ยังมีผลอยู่
ตอนนี้ เขาไม่แน่ใจว่าถ้าตนใช้จะเกิดผลตามมาทีหลังหรือไม่
สวี่ชิงร้อนรน กระตุ้นแผ่นหยกซ่อนอำพรางสุดกำลัง แต่แค่สิบกว่าอึดใจ คลื่นพลังด้านหลังเขาก็ปะทุขึ้นอย่างรุนแรงฉับพลัน ความเลือนรางกับความบิดเบี้ยวรอบด้านก็เข้มข้นกว่าก่อนหน้านี้เช่นกัน
ตอนที่ความน่าพรั่นพรึงนั้นระเบิดขึ้นมาถึงขีดสุด จิตเทพที่น่ากลัวสายหนึ่งก็แผ่ซ่านจากปราณหมอกด้านหลังของสวี่ชิง ปกคลุมไปทั่ว
ห้อมล้อมสวี่ชิงไว้
จากนั้นรอบด้านก็ส่งเสียงครืนครัน ขณะที่ทั้งหมดกำลังเลือนรางอย่างยิ่ง นิ้วขนาดร้อยจั้งนิ้วหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าสวี่ชิงกะทันหัน
สวี่ชิงร่างสั่นเทิ้ม ทุกส่วนของร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ทำให้เขารู้สึกวิกฤตโถมฟ้า
ยิ่งมีแนวโน้มที่จะแยกชิ้นส่วนออกมา บิดเบี้ยวไม่หยุด ราวกับจะหนีไปคนละทิศคนละทาง
สวี่ชิงไม่ลังเล พลังพิษต้องห้ามในร่างกับพลังพระจันทร์สีม่วงปะทุขึ้นพร้อมกัน ขณะที่ปกคลุมไปทั้งตัวก็ถอยออกมาอย่างรวดเร็ว

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา