บทที่ 514 แต่ข้าเป็นอาจารย์ของเขา!
…………….
ได้ยินคำพูดของนายกอง สวี่ชิงอดคิดถึงไปแดนต้องห้ามมรณะก่อนหน้านี้ขึ้นมาไม่ได้ เห็นตำแหน่งที่อาจารย์อยู่บนค่ายกลเหมือนจะสำคัญกว่าบรรพจารย์
จึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
เห็นสวี่ชิงเห็นด้วยกับข้อเสนอของตัวเอง นายกองหน้าตาเบิกบาน เอ่ยเสียงต่ำ
“พวกเราไปหาท่านอาจารย์ แต่ไม่มีวิธีสื่อทอดเสียง เรื่องนี้จะใช้วิธีของโถงครองกระบี่ส่งข่าวไม่ได้…”
นายกองกะพริบตาปริบๆ สายตากวาดไปบนร่างสวี่ชิง
“เรื่องนี้ทำได้เพียงหลอกท่านอาจารย์มา พูดต่อหน้า”
“ดังนั้นแล้ว” สวี่ชิงสงสัย สายตาของนายกองไม่ค่อยชอบมาพากล
“ดังนั้น…จะให้อาจารย์ตามมาอย่างร้อนอกร้อนใจจนไม่หยุดฝีเท้าอย่างไร พวกเราก็ต้องขบคิดให้ดี”
นายกองกระแอมทีหนึ่ง
“ศิษย์น้องเล็ก ข้าว่าเรื่องนี้ทำได้เพียงว่าเราสองคนคนใดคนหนึ่งใกล้จะตายแล้ว อีกทั้งจะต้องทำให้สมจริง แม้จะบอกว่าข้าใกล้ตาย อาจารย์จะต้องร้อนใจมาในที จะอย่างไรท่านอาจารย์ก็รักข้ามาก แต่…ข้าเหลือแค่หัวก็ไม่เป็นไร ท่าทางท่านอาจารย์แค่คิดก็เดาได้ว่าหลอกเขา”
“ไม่มีรหัสลับอะไรหรือ” สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ เอ่ยสงบนิ่ง
“ไม่มีรหัสลับอะไร ของแบบนี้ไม่มีจริงๆ!!” นายกองปิดหน้าถอนหายใจยาว หลังจากแอบมองสวี่ชิงแวบหนึ่ง ก็พูดต่อว่า
“ทำได้แค่ลำบากศิษย์น้องเล็กแล้ว เพื่อให้สมจริงอีกเล็กน้อย เจ้าอย่าได้ขัดขืน ข้าจะลงมือกับเจ้าอย่างอ่อนโยนหน่อย พยายามทำให้บาดเจ็บแค่เจ็ดวันก็ดีขึ้น
“เจ้าวางใจ อย่างมากก็ขาขาด บนร่างมีรูโหว่มากขึ้นมาสามสี่แห่ง กระดูกแหลกร้อยท่อนต้นๆ มันสมองกระจายออกมาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก่อนพวกเราทำมาตั้งหลายครั้ง ข้ามีประสบการณ์
“ประเด็นคือ อาจารย์มาแล้วเห็นบาดแผลเจ้าก็จะไม่คิดว่าพวกเราหลอกเขา จากนั้นพวกเราก็พูดเรื่องนี้ออกมาอย่างที่ควรจะเป็น จะต้องราบรื่นอย่างแน่นอน วางใจ แต่ก่อนข้าทำแบบนี้อยู่บ่อยๆ”
นายกองหัวเราะฮี่ๆ อยากจะลองเต็มที ทุกครั้งที่เขาปลดผนึกล้วนอยากสร้างความน่าเกรงขามในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองต่อหน้าสวี่ชิง
โดยเฉพาะก่อนหน้านี้เกือบตามความเร็วการฝึกบำเพ็ญของสวี่ชิงไม่ทัน ดังนั้นครั้งนี้ในใจของเขาฮึกเหิม คิดจะวางอำนาจแสดงศักดา
สวี่ชิงพยักหน้า เอากระบี่อาญาสิทธิ์ออกมา แลกสิทธิ์ในการสื่อเสียงหาผู้อาวุโสใหญ่โถงครองกระบี่ ถ่ายทอดเสียงไปอย่างรวดเร็ว
“รบกวนผู้อาวุโสใหญ่ช่วยถ่ายทอดคำพูดข้าให้กับอาจารย์ข้าด้วยขอรับ”
สวี่ชิงปรายตามองนายกองผาดหนึ่ง ถือกระบี่อาญาสิทธิ์เอาไว้ต่อ และการถ่ายทอดเสียงแบบนี้ คนนอกจะไม่ได้ยิน
“ได้โปรดบอกอาจารย์ข้าว่าศิษย์พี่ใหญ่ของข้าจะแต่งงานกับอสูรเมฆาตัวหนึ่ง ข้าไม่อาจคัดค้านได้ งานแต่งงานคือสามวันหลังจากนี้ เขาไม่กล้าบอกท่านอาจารย์ ข้าจึงมาบอก ขอเชิญท่านอาจารย์โปรดมาร่วมงานแต่งงานด้วย”
“…” ผู้อาวุโสใหญ่ทางนั้นเงียบนิ่ง จากนั้นก็หัวเราะ เห็นได้ชัดว่าฟังออกถึงความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้ ดังนั้นจึงตอบกลับไปอย่างเรียบนิ่ง
“ท่าทางอาจารย์ของเจ้าจะต้องดีใจที่ได้ยินเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
“ขอบคุณผู้อาวุโสใหญ่มากขอรับ!” สวี่ชิงเอ่ยอย่างจริงจัง จากนั้นก็วางกระบี่อาญาสิทธิ์ลง มองไปทางนายกองที่สีหน้างุนงงสงสัย
“ศิษย์น้องเล็ก ทำไมข้ารู้สึกว่าไม่ค่อยชอบมาพากลเลย เจ้าทำตามวิธีการพูดที่ข้าบอกก่อนหน้านี้หรือไม่” นายกองประเมินสวี่ชิงอย่างละเอียด
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านต้องเชื่อข้า” สวี่ชิงสีหน้าจริงจัง มองตานายกอง
นายกองรู้สึกไม่ชอบมาพากล แต่ก็ยังถูๆ มือ ดวงตาฉายแสงวาววาม
“เอาล่ะ ข้าจะลงมือให้อ่อนโยนหน่อย ศิษย์น้องเล็กเอ๋ย ศิษย์พี่ใหญ่คนนี้เพิ่งทะลวงขั้น ตอนนี้ฝีมือร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง เอาเจ้ามาใช้ฝึกมือได้พอดี” นายกองพูดแล้วก็จะลงมือ
สวี่ชิงมองนายกอง ส่ายหน้า
“ศิษย์พี่ใหญ่ ที่ข้าถ่ายทอดเสียงไปบอกว่าได้รับพิษ ข้าแก้พิษไม่ได้”
พูดแล้วสวี่ชิงก็หยิบหญ้าพิษบางอย่างออกมาจากถุงเก็บของแล้วกลืนลงไป
นายกองดวงตาเบิกโพลง มองสวี่ชิง
สวี่ชิงใบหน้าไร้เดียงสา มองนายกอง
“หากได้รับบาดเจ็บ อาจารย์ไม่มีทางเชื่อเหมือนกัน ในเมื่อได้เห็นอยู่บ่อยนัก ดังนั้นข้าบอกว่าข้าได้รับพิษ ท่านก็รู้ว่าข้ารู้เรื่องวิถีพิษ และข้ายังแก้พิษไม่ได้ หมายความว่าพิษนี้ร้ายแรงมาก”
สวี่ชิงพูดแล้วเอาผงพิษสำเร็จจำนวนหนึ่งออกมาแล้วกลืนลงไป
นายกองมองสวี่ชิงกินพิษ สัญชาตญาณบอกว่านี่จะต้องมีแผนลวงอย่างแน่นอน แต่ก็เหมือนว่าจะสมเหตุสมผล อีกทั้งสวี่ชิงเพียงแค่ชั่วครู่ก็กินไปหลายชนิด
แต่คิดถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา เขากะพริบตาปริบๆ สีหน้าฉายรอยยิ้มแต่ก็คล้ายไม่ยิ้ม
“ศิษย์น้องเล็ก ไม้นี้ของเจ้ายังอ่อนหัดนัก เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อจริงๆ หรือ หึๆ” นายกองหลังจากพูดอย่างเรียบนิ่ง ก็บิดขี้เกียจ
“จากมณฑลรับเสด็จราชันมาถึงที่นี่ ต่อให้เป็นค่ายกลส่งข้ามก็ต้องใช้เวลาสามวัน ช่างเถอะ ข้าไม่อัดเจ้าแล้ว เจ้ากินต่อไปเถิด กินให้มากสักหน่อย ข้าไปก่อนล่ะ ไปตรวจสอบรายงานแดนต้องห้ามเซียนสักหน่อย”
พูดจบนายกองก็เอามือไพล่หลัง สีหน้าแฝงด้วยความได้ใจ ท่าทางเหมือนข้าไม่มีทางเชื่อ แล้วก็จากไป
สวี่ชิงมองส่งนายกองจากไปจนลับสายตา ส่ายหน้ากินพิษต่อไป
และนอกหอกระบี่ นายกองสีหน้าสุขุม เดินไปข้างหน้าลอยหน้าลอยตา จวบจนเมื่อเดินมาถึงในเมืองหลวงเขตปกครอง เขาก็หามุมหนึ่ง ก้มมองมือขวาของตัวเองอย่างรวดเร็ว
กลางฝ่ามือของเขามีดวงตาข้างหนึ่งงอกอยู่ ในนั้นสะท้อนภาพที่สวี่ชิงกำลังกินพิษ
“ยังกินอีกหรือ หรือจะสังเกตเห็นตาที่ข้าปล่อยออกไป เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ข้าปลดผนึกแล้ว อาชิงน้อยน่าจะไม่รู้ตัว” นายกองลังเลเล็กน้อย
“สังเกตต่อไปก่อน”
เวลาผ่านไปสองวันเช่นนี้เอง ห่างจากระยะทางที่เร็วที่สุดที่มาจากมณฑลรับเสด็จราชันยังเหลืออีกหนึ่งคืน นายกองมาหอกระบี่ของสวี่ชิงอีกครั้ง หลังจากเข้ามาเขาก็ตบๆ ท้อง นั่งลงข้างหน้าสวี่ชิง
สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ ทั้งร่างดำคล้ำ ท่าทางเหมือนโดนพิษสาหัสมาก
“เอ่อ…ศิษย์น้องเล็ก ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้กระมัง”
นายกองมองหน้าตาท่าทางของสวี่ชิง ในใจยิ่งลังเล สองวันนี้เขาสังเกตอยู่หลายครั้ง พบว่าสวี่ชิงกินพิษจริงๆ ไม่ได้หยุด
“หลังจากที่ท่านอาจารย์มา หากพบว่าพวกเราหลอกเขาจะต้องโกรธมากแน่นอน” สวี่ชิงพูดพลางถือหญ้าพิษต้นหนึ่งไว้ เอาใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ สามสี่คำ
“ดังนั้น ข้าอนาถมากสักนิด อาจารย์ก็จะไม่โกรธขนาดนั้นแล้ว”
นายกองอกสั่นขวัญแขวน ขณะเดียวกันก็กังวลผลที่สวี่ชิงวิเคราะห์ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เช่นนั้นเมื่ออาจารย์มาถึงแม้จะต้องโกรธแน่นอน อย่างไรเสียก็โดนเขาสองคนหลอกมา แต่ท่าทีของสวี่ชิงจริงใจ แสดงละครได้สมบูรณ์ นี่หมายถึงเขาเคารพอาจารย์
โกหกก็ต้องมีศิลปะ
เช่นนี้แล้วมีโอกาสสูงที่จะหายโกรธจริงๆ
และหากตัวเขาไม่เป็นอะไรเลย…ด้วยความเข้าใจในอาจารย์ของเขา จะต้องคิดว่าตัวเขาไม่เคารพครูบาอาจารย์แน่นอน
จะอย่างไร หลอกลวงอาจารย์ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรล้วนไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้น
หากไม่มีตัวเปรียบเทียบก็ช่างเถิด แต่ตอนนี้ดันมีตัวเปรียบเทียบ
นึกถึงตรงนี้ นายกองก็ลังเล มองสวี่ชิงอย่างขุ่นเคืองผาดหนึ่ง
เห็นเวลาผ่านไปทีละนิดๆ ท้องฟ้าข้างนอกเริ่มสลัว นายกองก็กัดฟันกรอด ยื่นมือไปหาสวี่ชิง
“เอายาพิษมาให้ข้าหน่อย!”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา