บทที่ 516 แดนต้องห้ามเซียน
บนพื้นดิน ที่ยืนอยู่ด้านหน้าผู้บำเพ็ญร้อยศึกกลุ่มนี้ได้ล้วนเป็นผู้ครองกระบี่สมบัติวิญญาณ พวกเขาในฐานะชนชั้นกลางของวังครองกระบี่ เป็นแม่ทัพของกองทัพขนาดกลางต่างๆ ในช่วงสงคราม
หลังจากผ่านร้อยศึก พวกเขาทุกคนไม่ได้สามัญ แม้ว่าต่อมาถูกย้ายไปอยู่ในกองทัพต่างๆ แต่ก็ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วผ่านการสังหารอย่างเด็ดขาดรวมถึงความกล้าหาญของตน
แต่หลังจากผ่านประสบการณ์มากถึงเพียงนั้น คนที่ยอมรับพวกเขามีมากมาย แต่คนที่พวกเขายอมรับกลับน้อยมาก
ไม่ใช่แค่คนของตนเอง แต่ต้องใช้คุณงามความดีมหาศาลรวมถึงสถานะที่ทำให้พวกเขาเคารพศรัทธาด้วย
สวี่ชิงมากพร้อมด้วยคุณงามความดี ข่งเสียงหลงมากพร้อมด้วยสถานะ
นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมคนที่ได้รับการยอมรับจากพวกเขาได้ยืนอยู่ตรงนี้
การมาถึงของสวี่ชิงกับข่งเสียงหลงตอนนี้ หลังจากสหายร่วมรบรอบๆ จับตามองแต่ละคนก็เงียบงัน ทอดสายตามองไปในหลุมลึกเบื้องหน้า
หลุมลึกมืดมิดไปหมด ไม่เห็นก้นหลุม
ไอพลังประหลาดของที่นี่เข้มข้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่ตอนที่สวี่ชิงเข้าใกล้ เขามีความรู้สึกสบายอย่างหนึ่งด้วยสัญชาตญาณ ราวกับว่าสูดรับได้
สวี่ชิงดวงตาแข็งค้าง เขารู้ว่านิ้วเทพเจ้าปรับเปลี่ยนร่างกายตนไปแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสืบค้น ที่นี่ผู้แข็งแกร่งมากเกินไป และไม่อยากจะเปิดเผยด้วย
จึงไม่ได้สูดรับ ยิ่งปล่อยพลังของวังสวรรค์ติงหนึ่งสามสองให้สร้างการปิดกั้นระดับหนึ่ง
ส่วนเสียงโหยไห้ของสรรพชีวิตรุนแรงยิ่งกว่าที่นี่เสียอีก ขณะที่โจมตีจิตใจ ผู้ครองกระบี่ที่กระจายตัวอยู่ไกลๆ ก็ทยอยมาถึง
ชิงชิว หนิงเหยียน ก็อยู่ในบรรดานี้
มีนายกองด้วย
เพียงแต่การมาถึงของพวกเขาทั้งสามคน ก็ผู้ครองกระบี่ที่นี่ไม่ได้หลีกทางให้ ชิงชิวกับหนิงเหยียนทำได้แค่ยืนอยู่ด้านนอกข้างๆ ส่วนนายกองก็ไม่ได้จุกจิกกับเรื่องเหล่านี้ เขาทักทายกับคนรอบๆ ตรงไปข้างหน้ามุดไปมุดมา
พวกเขาจดจำเฉินเอ้อร์หนิวได้อย่างลึกซึ้ง
ที่แนวหน้าหลายเดือนนี้ อันที่จริงชื่อเสียงเฉินเอ้อร์หนิวก็ดังกระฉ่อนไม่น้อย ถึงอย่างไรด้วยนิสัยชอบคบค้าสมาคมของเขา คนที่รอดกลับมาเกือบทั้งหมดล้วนเคยพบเจอ
โดยเฉพาะในช่วงสงครามช่วงหนึ่งที่เขารับหน้าที่ไปแบกศพในสนามรบ พวกที่เจ็บหนักจนหมดสติส่วนหนึ่งก็ถูกเขาช่วยชีวิตออกมา
“สหาย หลบหน่อย ข้าจะเข้าไป”
“ฮ่าๆ เหล่าเฉา อย่าคิดว่าพลังบำเพ็ญสูงส่งเจ้าแล้วจะไม่หลีกให้ข้าเข้าไปได้ ตอนนั้นข้าดึงเจ้าออกมาจากกองศพนะ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าไส้ของเจ้าตอนนั้นข้าก็เป็นคนยัดกลับเข้าไปให้”
“เสี่ยวหลี่จื่อ แขนข้างนี้ของเจ้างอกค่อนข้างช้านะ ไว้กลับไปข้าจะหายาให้ ข้ามีประสบการณ์”
นายกองแทรกเข้าไปได้ตลอดทาง เบิกทางเส้นหนึ่งในหมู่ฝูงชนอย่างราบรื่น เดินไปอยู่ข้างกายสวี่ชิงกับข่งเสียงหลง ยิ่งทักทายผู้ครองกระบี่สมบัติวิญญาณคนอื่นๆ อย่างเป็นกันเองอีกด้วย
คนเหล่านั้นก็เช่นเดียวกับสวี่ชิงกับข่งเสียงหลง ผู้ครองกระบี่สมบัติวิญญาณที่ยืนอยู่ข้างหน้าแต่ละคนหลังจากเห็นนายกอง ก็สีหน้าแปลกประหลาด ในบรรดานี้บางส่วนก็ถูกเฉินเอ้อร์หนิวแบกออกมาเช่นกัน อีกทั้งทุกคนก็แทบจะเคยกินเนื้อที่เฉินเอ้อร์หนิวมอบให้
ข่งเสียงหลงกลอกตา แม้ต่อมาทุกคนจะกลายเป็นสหายร่วมรบ ความรู้สึกที่มีต่อเฉินเอ้อร์หนิวของเขาก็เปลี่ยนไป แต่ภาพที่อยู่ในความทรงจำแต่เดิมยังทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยชอบใจ
นายกองไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ หลังจากเดินขึ้นไปทักทายคนอื่นก็โอบไหล่ข่งเสียงหลง ขณะที่ข่งเสียงหลงพยายามข่มอารมณ์ไม่ปลีกตัวหลบ นายกองหัวเราะหึๆ ออกมา
“เหล่าข่ง ทำไมเจ้าถึงทำสีหน้ารำคาญตอนที่เห็นข้าเพียงนี้เล่า อย่าลืมสิว่าข้าเป็นคนแบกซานเหอจื่อออกมานะ!”
ข่งเสียงหลงเงียบนิ่ง ไม่พูดจา
เมื่อนายกองเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกได้ใจ จากนั้นก็โอบสวี่ชิง หลังจากยักคิ้วหลิ่วตาให้ ก็เอ่ยเสียงทุ้มต่ำออกมา
“เจ้าเห็นตาแก่หรือไม่ หลายวันมานี้ข้าไม่เห็นเขาเลย เขาคงไม่ได้หนีไปแล้วนะ พวกเราหลอกเขาครั้งหนึ่ง เขาก็คิดจะหลอกพวกเราครั้งหนึ่งด้วยหรือ”
เมื่อเอ่ยจบ นายกองก็ยังมองไปรอบด้าน ค้นหาเงาของท่านอาจารย์
ขณะที่ผู้บำเพ็ญร้อยศึกทั้งหมดรวมเป็นกองทัพขนาดย่อม ตอนปรากฏระลอกคลื่นอารมณ์ขึ้นจากการมาถึงของนายกอง บนท้องฟ้า องค์ชายเจ็ดก็มาเยือนระหว่างฟ้าดินพร้อมกับเหล่าระดับสูง
องค์ชายเจ็ดในชุดคลุมสีเหลือง ผมยาวหลิ้วไหว หน้าตาไม่ธรรมดา สองตาเรียวยาว ปราณสูงส่งแปรเป็นมังกรมายาแผ่ซ่านอยู่รอบตัว มีปลัดเขตปกครองรวมถึงแม่ทัพสามวังข้างกาย รองเจ้าวัง และขุนพลติดตามมาอีกไม่น้อย
ในบรรดานี้มีคนผู้หนึ่ง สวมชุดเกราะสีเลือด สวมหมวกเกราะที่ดูโหดเหี้ยม มองไม่เห็นหน้าตา เห็นเพียงดวงตาที่เย็นชา เขายืนอยู่ตรงนั้น กลิ่นอายพิฆาตอบอวล
การมาถึงของคนกลุ่มนี้ทำให้รอบด้านแข็งค้างไป กระทั่งไอพลังประหลาดในหลุมลึกกรมราชทัณฑ์ยังถูกสะกดไว้ เสียงคำรามที่ดังออกมาก็หยุดไปครู่หนึ่งไปเช่นกัน
ขณะที่คนมากมายจับตาดู องค์ชายเจ็ดก็มองลงไปบนพื้นดิน
เวลานี้ที่ล้อมรอบทั้งสี่ด้านของหลุมลึก ไม่ใช่แค่ผู้ครองกระบี่เขตปกครองผนึกสมุทร แต่ยังมีทหารจากเมืองหลวงจักรพรรดิรวมถึงผู้บำเพ็ญของสองวังที่เหลือด้วย
พวกเขาล้วนถูกจัดให้เข้าไปด้านในกลุ่มแรก
เมื่อกวาดสายตา องค์ชายเจ็ดก็เอ่ยราบเรียบ
“แดนต้องห้ามเซียน เกี่ยวพันถึงสนามรบเผ่ามนุษย์ มีความสำคัญอย่างมาก
“พวกเจ้าที่เป็นเข้าไปกลุ่มแรกล้วนเป็นผู้ยอดเยี่ยมของเผ่าเราเช่นกัน พวกเจ้าได้รับคำสั่งให้เปิดพื้นที่แห่งนี้ภายในสี่วัน กวาดล้างมารชั่วร้ายให้สิ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่จะเข้าไปกลุ่มที่สอง
“หลังจากกลุ่มที่สองเข้าไป พวกเจ้าก็สามารถถอนตัวกลับมาได้
“นี่คือภารกิจของพวกเจ้า
“แม่ทัพใหญ่เสี่ยเหยี่ยน”
เสียงองค์ชายเจ็ดทุ้มต่ำ ดังก้องไปทั้งแปดทิศ เมื่อร่างในชุดเกราะสีเลือดข้างๆ ได้ยินก็เดินขึ้นหน้ามา คุกเข่าลงเบื้องหน้าองค์ชายเจ็ด เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าอยู่นี่พะย่ะค่ะ!”
องค์ชายเจ็ดรับกระบี่พกมา ยื่นให้กับร่างสีเลือดที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
“ขออวยพรให้เจ้าชักธงรบก็ชนะศึก”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” เสี่ยเหยี่ยน เปล่งเสียงหนักแน่น สองมือรับกระบี่ จากนั้นผุดลุกขึ้น มองลงไปยังพื้นดิน น้ำเสียงราวลมหนาวเย็นสะท้อนก้อง
“แดนต้องห้ามเซียน จงเปิดออก!”
เมื่อเขาเปล่งเสียงออกมา เสียงครืนครันก็สะเทือนเลื่อนลั่นจากก้นบึ้งของหลุมลึกในกรมราชทัณฑ์
และเพราะระดับความลึกน่าครั้นคร้าม ดังนั้นเสียงที่ดังออกมาจึงสะท้อนก้องไม่สิ้นสุด คลื่นเสียงเลื่อนลั่นไปทั่วสารทิศของแผ่นดินใหญ่
ทั่วทั้งแผ่นดินกำลังสั่นสะเทือน กระทั่งไกลออกไปยังมีภูเขาไม่น้อยที่เริ่มถล่มลงมาจากคลื่นเสียงที่ราวกับมังกรพลิกตัว


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา