บทที่ 517 บัญชาแม่ทัพยากจะฝ่าฝืน
…………….
ตอนนี้ รอบๆ ค่ายกลกรวยหินบริเวณแดนต้องห้ามเซียนในหลุมลึกกรมราชทัณฑ์ มีร่างเงาหลายร่างทยอยลงมา
หลายกลุ่มที่มาถึงก่อนสวี่ชิงไม่ได้เข้าใกล้โพรงที่แตกของค่ายกล แต่อยู่ห่างออกมาเล็กน้อย พิจารณาอย่างระมัดระวัง
โลกที่อยู่ในโพรงคือแดนต้องห้ามเซียน ตรงนั้นขมุกขมัวไปหมด เต็มไปด้วยปราณหมอก
นั่นคือสิ่งที่แปรมาจากไอพลังประหลาดที่เข้มข้นระดับหนึ่ง
ความเลือนรางทั้งหมด มาพร้อมกับบิดเบี้ยว เห็นความคลุมเครือทที่ส่วนลึกภายในเท่านั้น คล้ายว่ามีสิ่งปลูกสร้างจำพวกตำหนักวังมากมาย ยิ่งมีเสียงกรีดร้องดังก้องมาจากภายในเป็นระยะ ราวกับว่าที่นี่คือประตูนรกที่แท้จริง
ตอนที่สวี่ชิงสังเกตสภาพแวดล้อมที่นี่ นายกองที่อยู่ข้างกายเขาก็มองหนิงเหยียนที่ถูกตนกอดคอเอาไว้แน่นอย่างประหลาดใจ
คำตอบของอีกฝ่าย ทำให้เขารู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่ได้โดนกัดแน่นอน
จึงทำสีหน้ายิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ลูบหัวของหนิงเหยียน เลียริมฝีปาก
“หนิงหนิงน้อย เจ้านี่ไม่เชื่อฟังเลยนะ”
หนิงเหยียนก็ยิ้มเหมือนไม่ยิ้มเช่นกัน มองไปทางนายกอง เหมือนคิดจะยกมือขวาขึ้นเตรียมจะตีคน และคล้ายกับจะดิ้นรน
แต่เมื่อมองไปรอบๆ ก็อดใจไว้ หันหน้าไม่สนใจนายกอง
เห็นหนิงเหยียนเป็นเช่นนี้ นายกองก็พอใจ
เขาย่อมไม่คิดว่าหนิงเหยียนจะกล้าตีตน เช่นนั้นก็คงคิดจะสลัดให้หลุดจากแขนของตนเป็นแน่ แต่เห็นได้ชัดว่าสุดท้ายอีกฝ่ายคิดถึงเรื่องดีๆ ของตนขึ้นมา จึงเลิกดิ้นรนอย่างซาบซึ้งใจ
“ต้องอย่างนี้สิ หนิงหนิงน้อย ข้าคิดถึงเจ้ามากๆ เลยจริงๆ นะ”
นายกองหัวเราะหึๆ โอบหนิงเหยียนมาที่ด้านหน้าสวี่ชิงแล้วยักคิ้วหลิ่วตาให้ คนนอกมองสีหน้านั้นไม่ออก สวี่ชิงกวาดตามองก็รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
นี่เป็นการบอกกับสวี่ชิงว่าครั้งนี้ต้องใช้การอาวุธของพวกเราให้ดี
สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ มองหนิงเหยียนผาดหนึ่ง กำลังจะเอ่ยปาก ตอนนี้เอง หลังจากที่ผู้บำเพ็ญจำนวนมหาศาลมาถึงที่นี่ ก็มีผู้บำเพ็ญชุดคลุมดำที่แผ่คลื่นพลังรางเลือนมากไว้กลุ่มหนึ่งพุ่งหวีดหวิวลงมาจากด้านบน
กลิ่นอายคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เยือกเย็นมืดหม่น แตกต่างกับผู้บำเพ็ญทั่วๆ ไป เหมือนฝึกบำเพ็ญเคล็ดวิชาที่พิเศษมากๆ ดูเหมือนจะแยกรายบุคคล แต่ก็ยังผสานงานกัน
ขณะที่ทำให้รู้สึกแปลกประหลาด ก็ยังคิดจะหนีไปไกลๆ ตามสัญชาตญาณด้วย
จุดนี้เห็นได้จากเหล่าผู้บำเพ็ญเมืองหลวงจักรพรรดิถอยออกมาหลายก้าวตอนที่เห็นพวกเขาตามสัญชาตญาณ
ส่วนสิ่งที่ทำให้สวี่ชิงสนใจเป็นหลักคือ ในบรรดาผู้บำเพ็ญที่คลุมศีรษะ ปกปิดเรือนร่างไว้ในชุดคลุมดำ มีคนหนึ่งที่กลิ่นอายพลังบำเพ็ญแตกต่างจากคนอื่นๆ
คนผู้นี้ถูกล้อมไว้ตรงกลางเหมือนถูกปกป้องคุ้มครอง แต่ก็แฝงการควบคุมตัวไว้เลาๆ เช่นกัน
การเดินของเขาสะเปะสะปะ พลังบำเพ็ญอยู่ระดับปราณก่อกำเนิด และตอนที่มาถึงที่นี่ ก็ถูกสายลมไอพลังประหลาดที่พัดออกมาจากโพรงค่ายกลพัดจนมุมหนึ่งของหมวกติดชุดคลุมโบกสะบัด เผยใบหน้าออกมาครึ่งหนึ่ง
จางซืออวิ้นนั่นเอง
ต่างจากตอนที่เห็นเมื่อครึ่งเดือนก่อน
ครึ่งเดือนก่อน ใบหน้าจางซืออวิ้นซูบซีด ร่างผอมแห้ง แต่ตอนนี้หน้าเขากลับปรากฏเส้นเลือดสีแดงนับไม่ถ้วนคล้ายใยแมงมุม ขณะที่ดูแปลกประหลาดมาก ท่าทีของเขาก็เหมือนแฝงเจ็บปวดเอาไว้
มองภาพนี้ สวี่ชิงก็หลุบตาลงทันที เขาคิดถึงคำพูดของนิ้วเทพเจ้าในตอนนั้น
‘พระจันทร์สีชา กำลังจะลืมตื่น’
สวี่ชิงถอยออกมาด้วยสีหน้าปกติ
นายกองที่อยู่ข้างๆ ก็เห็นทั้งหมดนี้เช่นกัน รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป ถอยมาเล็กน้อย โอบหนิงเหยียนให้ถอยมาด้วย
ไม่รู้ว่าหนิงเหยียนจงใจหรือไม่ ตอนที่ถอยหลังมา เขาเลือกจะยืนอยู่ด้านหน้าสวี่ชิงกับนายกอง ทานรับสายตาที่มาจากคนชุดดำกลุ่มนั้น
หลังจากคนชุดดำกลุ่มนั้นมาถึงก็กวาดสายตาไปรอบๆ จากนั้นยืนอยู่เงียบๆ ที่มุม
ผู้บำเพ็ญแต่เดิมตรงนั้นก็หลีกหนีตามสัญชาตญาณ
ผ่านไปครู่หนึ่ง แม่ทัพเสี่ยเหยี่ยนที่รับผิดชอบการสำรวจครั้งนี้ก็ลงมาจากด้านบน ลอยอยู่เหนือโพรงค่ายกล ปราณโลหิตพิฆาตปะทุออกมาทั่วร่าง ขณะที่กระจายไปทั้งสี่ทิศ เขาก้มหน้าลงมองโพรงผาดหนึ่ง เอ่ยเสียงราบเรียบ
“หวนสู่อนัตตาเข้าไปก่อน สมบัติวิญญาณตามเข้าไป”
เมื่อเอ่ยออกมา ผู้ดูแลทั้งสามวังรวมถึงขุนพลใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิก็เดินออกมาทันที พุ่งตรงไปในโพรงอย่างไม่ลังเล หายไปทันที
ในโพรงปราณหมอกตีเกลียว มีเสียงกรีดร้องดังออกมาเลาๆ ตอนที่เงียบไปครู่หนึ่ง ก็มีแสงขาวส่องสว่างขึ้นมาจากในปราณหมอกส่วนลึกของโพรง
“กองทัพใหญ่เข้าไป!”
แม่ทัพใหญ่เสี่ยเหยี่ยนตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ ก้าวไปข้างหน้า เดินเข้าไปในโพรง คนอื่นๆ ก็ทยอยตามไป
สวี่ชิงกับนายกอง ชิงชิวรวมถึงข่งเสียงหลงก็อยู่ในนี้ด้วย
จากการที่กลุ่มคนกระโดดลงไป ฉับพลันโลกที่รางเลือนใบหนึ่งก็สะท้อนเข้ามาในดวงตาสวี่ชิง
โลกใบนี้มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด พื้นดินขมุกขมัวไปหมด เห็นสิ่งปลูกสร้างซ่อนอยู่ในปราณหมอกเลือนๆ เพียงแต่เมื่ออยู่กลางอากาศ มองลงไปดูเล็กมาก สัมผัสถึงแค่ความเก่าแก่เท่านั้น
ยังมองรายละเอียดอื่นๆ ไม่ออก
รอบๆ กำลังบิดเบี้ยว ไม่เพียงแค่มีไอพลังประหลาดแผ่กำจายระหว่างฟ้าดิน แต่เสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วนก็ลอดออกมาจากในปราณหมอกปราณของโลกเบื้องล่างด้วย
ส่วนท้องฟ้า ไม่ได้เป็นการสรรค์สร้างจากธรรมชาติ แต่สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์
ดูแล้วเหมือนกระจกยักษ์บานหนึ่ง ไม่ได้มีลักษณะราบเรียบแต่เป็นเส้นโค้ง โดยเฉพาะตำแหน่งที่พวกเขาเข้าไปในตอนนี้ ยิ่งโค้งขึ้นอีก
ม่านฟ้ารอบๆ ที่นี่เว้าลงไปกลายเป็นเส้นทางหนึ่ง คล้ายคอขวดขนาดยักษ์
มองทั้งหมดนี้ ขณะที่สวี่ชิงใจสั่นสะท้าน ก็สัมผัสได้ว่าความรู้สึกสบายกายรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนต้องการจะดูดซับ
เขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามตอนนี้ ขณะที่ยับยั้งอีกครั้ง ข้างๆ ก็มีเสียงนายกองดังมา
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าว่าที่นี่ก็เป็นขวดใบหนึ่งหรือเปล่า”
นายกองโอบหนิงเหยียน ยืนอยู่ข้างสวี่ชิง มองทุกอย่างรอบๆ ขณะที่มีเสียงแปลกประหลาดดังมา สวี่ชิงก็คล้ายสังเกตเห็น หันไปอย่างรวดเร็ว ก็เห็นร่างเงาคนชุดคลุมดำที่ยืนล้อมจางซืออวิ้นกลุ่มนั้นเดินออกไปไกลๆ
หลังจากที่คนเหล่านี้เข้ามาในแดนต้องห้ามเซียน ก็เหมือนมีเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่แล้ว เวลานี้หายเข้าไปในหมอกหนาอย่างรวดเร็ว
เห็นเช่นนี้ สวี่ชิงก็รู้สึกกังวล นายกองก็ร้อนรนเช่นกัน


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา