เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 521

บทที่ 521 มือที่สรรค์สร้างสรรพสิ่ง (1)

เห็นสองตานายกองเปล่งประกาย สวี่ชิงจะพยักหน้า แต่ตอนนี้เอง เสียงแค่นเสียงขึ้นจมูกเย็นชาก็ดังขึ้นจากด้านข้างของทั้งสอง

“ของเล่นอะไร แล้วข้าเป็นตาแก่ตั้งแต่เมื่อไร”

สวี่ชิงสูดลมหายใจ นายกองก็หน้าเปลี่ยนสี ทั้งสองคนมองไปยังจุดที่เสียงคุ้นเคยดังมาตามสัญชาตญาณ

ตรงนั้นมิติบิดเบี้ยว ร่างอาจารย์ปรากฏออกมา

“นี่เป็นบทเรียนที่สองที่จะสอนพวกเจ้า บางครั้งสิ่งที่มองเห็นก็อาจเป็นเรื่องจริง หลังจากนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องออกไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยหารือกัน”

นายท่านเจ็ดเอ่ยเสียงราบเรียบ

สวี่ชิงก้มหน้าไม่พูดจา นายกองทำหน้าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เขาคิดไม่ถึงว่าทั้งๆ ที่อาจารย์ไปแล้ว กลับยังซ่อนตัวอยู่ข้างๆ

“เอาล่ะ ข้านึกขึ้นได้ว่าพลังของเจ้าสี่ใกล้จะทะลวงขั้นแล้ว จึงกลับมากำชับเสียหน่อย

“เจ้าสี่สี่ แก่นลมปราณทะลวงขั้นถึงปราณก่อกำเนิด สำหรับเจ้าแล้วอาจจะไม่ยาก แต่สวรรค์ลิขิตไว้ว่าระหว่างที่ฝึกบำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดจะก่อทัณฑ์ลิขิตสวรรค์ขึ้นมาห้าครั้ง และทุกครั้งที่เผชิญกับมันก็จะแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก”

สวี่ชิงพยักหน้า เขาเข้าใจจุดนี้อยู่แล้ว

“ทว่าในระดับปราณก่อกำเนิด พลังต่อสู้ยกระดับขึ้นเป็นเพียงเรื่องรอง จุดสำคัญคือต้องอาศัยทัณฑ์สวรรค์สะสมลิขิตสวรรค์ให้เพียงพอ สิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกับสมบัติวิญญาณในอนาคต

“จากประสบการณ์ของอาจารย์ ทัณฑ์สวรรค์ทุกครั้ง หากสำแดงปราณก่อกำเนิดจำนวนมากขึ้นพร้อมกัน แม้ว่าพลานุภาพของทัณฑ์สวรรค์จะยิ่งใหญ่ แต่หากทำสำเร็จ ลิขิตสวรรค์ที่ได้รับก็จะมหาศาลเช่นกัน

“ดังนั้นในแดนต้องห้ามเซียน ถ้าหากเจ้ามีวาสนาก็อย่ารีบร้อนเรียกทัณฑ์สวรรค์ ส่วนรายละเอียด ข้าบอกเจ้าคราวหน้า”

นายท่านเจ็ดกำชับ ถลึงตามองนายกองผาดหนึ่ง หันหลังหายตัวไป

สวี่ชิงเหมือนครุ่นคิด เนื้อหาเหล่านี้เขาไม่เคยรู้มาก่อน

ขณะที่เขาครุ่นคิด นายกองก็กะพริบตาปริบๆ ลากสวี่ชิงจากไปอย่างรวดเร็ว จนเดินออกมาไกลพอสมควรถึงถอนหายใจโล่งออกมา

“ท่านอาจารย์ก็ดีกับพวกเราเหลือเกิน อาชิงน้อย บทเรียนนี้ ข้าก็รู้สึกว่ากระจ่างแจ้งมากขึ้นเหมือนกัน”

“ข้ารู้สึกเช่นนั้น”

สวี่ชิงมองนายกอง เชื่อว่าเป็นเช่นนั้นเช่นเดียวกัน

“ชีวิตนี้พวกเราคงตอบแทนความรักของอาจารย์ไม่ไหว”

“ดังนั้นพวกเราต้องพยายามให้มากขึ้น หลังจากที่ดิ้นรนต่อสู้ก็จะปกป้อ”งอาจารย์ได้!” สวี่ชิงเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึม

“ถูกต้อวแล้วศิษย์น้องเล็ก เราควรนำเรื่องนี้ไว้เป็นเป้าหมาย!” ใบหน้านายกองมีประกายแสง ออกเดินกับสวี่ชิงพลางเอ่ยขึ้น

จนผ่านไปหลายชั่วยาม พวกเขาก็มองหน้ากัน

“น่าจะไม่อยู่แล้วกระมัง”

“คงจะเป็นเช่นนั้น…” สวี่ชิงมองไปรอบๆ

“ตาแก่คนนี้มาๆ หายๆ เหมือนผีเลย!” นายกองยิ้มขืน จากนั้นก็เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ

“ไปๆๆ พวกเราไปยังที่ที่พูดถึงเมื่อครู่กันเถอะ ที่นั่นจะต้องมีของดีอยู่แน่ๆ!”

พูดจบ ทั้งสองคนก็จากไปอย่างรวดเร็ว

เวลาก็ค่อยๆ ไหลผ่านไปเช่นนี้

การเปิดแดนต้องห้ามเซียน ผ่านไปสามวันแล้ว

ในวันที่สาม ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์นับแสนคนที่ลงมากลุ่มที่หนึ่ง ก็บุกเบิกพื้นที่ปลอดภัยในรัศมีพันลี้แล้ว

เมื่อเทียบกับพื้นที่ทั้งหมดของแดนต้องห้ามเซียน พื้นที่ผืนนี้ก็ราวกับเป็นเมล็ดข่าวฟ่างกลางมหาสมุทร ไม่ได้เตะตาแม้แต่น้อย แม้จะอยู่ในพื้นที่ตะวันออก แต่ก็กินพื้นที่ไปไม่ถึงหนึ่งในร้อย

แดนต้องห้ามเซียนที่เคยเป็นสามสิบหกพระราชนิเวศน์จักรพรรดิโบราณโยวเสวียนในอดีตนี้ ใหญ่เกินไปจริงๆ

สิ่งที่ทำให้เข้าใจได้ว่าทุกพระราชนิเวศน์ของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว อันที่จริงเป็นโลกใบเล็กใบหนึ่ง

และที่ที่เพราะเทพเจ้ากำลังหลับใหล ดังนั้นนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจึงยังไม่เคยถูกบุกเบิกอย่างสมบูรณ์มาก่อน ด้านในจึงมีสมบัติล้ำค่านับไม่ถ้วน รวมถึงพวกบันทึกโบราณอีกมากมาย กระทั่งขุมอำนาจบางส่วนของเผ่ามนุษย์ในอดีต ก็อาจอยู่ที่นี่ด้วย

ต่อให้แปดเปื้อนไอพลังประหลาด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีสิ่งที่จะใช้การได้

โดยเฉพาะแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ในปัจจุบัน ศึกษาไอพลังประหลาดไม่น้อย และมีวิธีการขับไอพลังประหลาดบางอย่างขึ้นมา เช่นวิชาการขับไอพลังประหลาดในของวิเศษเวทต้องห้ามก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน

ดังนั้น เมืองหลวงจักรพรรดิจึงให้ความสำคัญกับแดนต้องห้ามเซียนอย่างมาก และไม่สามารถบุกเบิกให้เสร็จสิ้นได้ในเวลาอันสั้น

จากแผนการ ต้องขุดค้นแดนต้องห้ามเซียนต่ออีกนับเดือน จนกระทั่งตัวไหมกัดกินไปทั่วบริเวณ รุกคืบไปทีละก้าวสู่ใจกลางตำหนักจักรพรรดิ

แน่นอนว่าต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ไม่มีเทพเจ้าแล้ว

ตอนนี้นายกองกับสวี่ชิงยืนอยู่ที่ด้านนอกเป็นระยะหนึ่งร้อยลี้ของอาณาเขตปลอดภัย กำลังพักผ่อนอยู่บนยอดตำหนักวังสูงใหญ่แห่งหนึ่ง

สามวันนี้ พวกเขาค้นหาตามที่ต่างๆ ด้านนอกไปไม่น้อย ได้รับของมาบ้าง ขณะเดียวกันก็เห็นตำหนักวังมากมาย กำลังอยู่ในระหว่างการสลายหายไป คล้ายว่าจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่ใช้ผนึกที่นี่ถูกทำลาย

พบเจออันตรายไม่น้อยเช่นกัน

เช่นของดีที่นายกองพูดไว้ก่อนหน้านี้ อันที่จริงคือการโจมตีจากไอพลังประหลาดที่นี่ หลังจากสลายหายไปก็เหลือแค่รูปปั้นศีรษะขนาดยักษ์

รูปปั้นนี้ ตอนที่ทั้งสองคนเข้าใกล้ ก็มีชีวิตขึ้นมา

อันตรายอย่างยิ่ง เกือบเอาชีวิตไม่รอด

ดีที่ผลลัพธ์ของสิ่งอำพรางที่นายท่านเจ็ดให้ไว้ไม่ธรรมดา ทั้งสองคนจึงหลบเลี่ยงได้อย่างหวุดหวิด

ผ่านเรื่องนี้ นายกองก็ถอนหายใจติดต่อกัน ความรู้สึกมองเห็นเนื้อชิ้นมันแต่นำกลับมาไม่ได้เช่นนั้น ทำให้ดวงตาของนายกองแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนตลอดทางภายหลัง พวกเขาก็ผ่านพ้นประสบการณ์หลากหลายรูปแบบ รุกบ้างถอยบ้าง จนสุดท้าย ก็เห็นตำหนักวังที่เป็นเอกลักษณ์แห่งหนึ่ง แต่เข้าไปไม่ได้

หลังจากที่ล้มเหลวหลายครั้ง ตอนนี้ทั้งสองจึงออกมาพักอยู่บนหลังคาที่ปลอดภัยห่างจากตำหนักวังนั่นออกมาสิบลี้

นายกองกำลังกัดฟัน ความคิดมากมายหมุนแล่นในสมอง

“อาชิงน้อย ที่นี่ใหญ่เกินไป รายงานของพวกเราน้อยเกิน แต่ข้ารู้สึกว่าในตำหนักนั่นจะต้องมีสมบัติอยู่ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีรูปปั้นที่ถูกเลือดเนื้อสิงสู่ปกป้องไว้รอบด้านแน่”

ขณะที่นายกองส่งสื่อเสียง สวี่ชิงก็กำลังมองไปยังอาณาเขตที่กองทัพใหญ่เผ่ามนุษย์บุกเบิกไกลๆ

ไอพลังประหลาดบริเวณนั้นถูกขับออกไปแล้ว มีเกราะที่เกิดจากค่ายกลหนึ่งกั้นไว้ ทอดสายตามองแสงที่ส่องสว่างเพียงหนึ่งเดียวระหว่างฟ้าดินที่มืดครึ้มไกลๆ

แม้รอบด้านจะปกคลุมด้วยไอพลังประหลาดที่คอยจะแปดเปื้อนมาในร่างตลอดเวลา และตัวเกราะก็คงอยู่ได้ไม่นานนัก แต่ถ้าในเวลาสั้นๆ นั้นยังเป็นไปได้

มองผ่านเกราะแสง จะเห็นสิ่งปลูกสร้างด้านในอีกไม่น้อย รูปร่างเป็นรูปสามเหลี่ยมค่อนข้างแปลกประหลาด สร้างขึ้นจากหินวิญญาณ เป็นเหมือนกับหอสูงหลายแห่ง ขณะที่แผ่คลื่นพลังที่น่าตกตะลึงเป็นระยะ ก็มีการเชื่อมต่อไร้ลักษณ์ระหว่างกันด้วย

เหมือนเป็นค่ายกลขนาดยักษ์แห่งหนึ่ง

บทที่ 521 มือที่สรรค์สร้างสรรพสิ่ง (1) 1

บทที่ 521 มือที่สรรค์สร้างสรรพสิ่ง (1) 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา