บทที่ 537 เหยียบขวากหนามให้เตียน เดินไปสู่บัลลังก์ (2)
ณ เขตปกครองผนึกสมุทร
พริบตาที่ไป๋เซียวจัวตาย ภูเขาแม่น้ำที่โผล่ขึ้นมาจากการกลับมาของห้วงบรรพกาลในมณฑลต่างๆ ก็สั่นไหวพร้อมกัน
หลังจากที่ม่านฟ้าลำดับสองสลายหายไป เดิมพวกมันก็กำลังทรุดตัว แต่เหมือนยังมีเจตจำนงหนึ่งค้ำจุนไว้ จึงไม่ได้ถล่มทลายลงจนสิ้น
แต่ระหว่างที่ส่งเสียงครืนครัน ในที่สุดภูเขาแม่น้ำห้วงบรรพกาลเหล่านี้ก็พังถล่มลงมา แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
ขณะที่ทรุดลงมาทั้งหมดก็กลายเป็นฝุ่นธุลี ลอยคละคลุ้งราวกับกาลเวลานับหมื่นปีที่ประเดี๋ยวเดียวก็ไหลผ่านไป
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นแจ่มใส พื้นดินค่อยๆ กลับคืนมา
เพียงแต่ทอดสายตามองไป ก็ยังเห็นความพังพินาศทั่วทุกหนแห่ง
ร่องรอยที่หลงเหลืออยู่จากการต่อสู้ครั้งนี้ กระจัดกระจายไปทั่วเขตปกครองผนึกสมุทร น่าสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง
ต่างเผ่าที่ตายไปยิ่งเป็นจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะแคว้นเล็กและสำนักเล็กของเผ่ามนุษย์ กวาดล้างไปนับไม่ถ้วน
สงครามก่อนหน้านี้ เดิมก็ทำให้เขตปกครองผนึกสมุทรสูญเสียครั้งใหญ่มโหฬาร ตอนนี้หายนะจากการเปลี่ยนไปของปลัดเขตปกครองเข้ามาอีก ทำให้ผนึกสมุทรที่อยู่ในระหว่างการฟื้นฟูเผชิญกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัด
ชั่วขณะหนึ่ง ที่ผู้คนในมณฑลต่างๆ กำลังอึ้งตะลึง มีผู้เสียชีวิตมากมายที่ไม่รู้กระทั่งสาเหตุของหายนะนี้ด้วยซ้ำ
การไว้อาลัยและหยาดน้ำตา ปกคลุมไปทั้งฟ้าดิน
ส่วนเมืองหลวงเขตปกครองผนึกสมุทรซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ก็เช่นเดียวกัน
ความโศกเศร้าอบอวลทั่วเมืองหลวง แม้สายอัสนีบนฟากฟ้าที่ฟาดลงมาบนพื้นกับฝนเลือดจะสร่างซา ทว่าความเศร้าโศกยิ่งมากขึ้น
ม่านราตรีและจันทร์กระจ่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนฟากฟ้า จับตาดูทุกสรรพสิ่งอย่างเงียบงัน
ภายใต้การจับจ้องนี้ หุ่นเชิดร่างทดสอบเทพเจ้าสองตัวที่อยู่กลางอากาศเหนือแท่นพิธี ในร่างกายส่งเสียงปริแตกออกมา ลงมือช้าลง กลิ่นอายค่อยๆ จางหายไป
การตายของปลัดเขตปกครอง ทำให้พวกมันสูญเสียพลังต้นกำเนิด จึงลืมตาทั้งสองขึ้น ขณะที่ค่อยๆ ปิดลง ก็เห็นว่าสูญเสียกลิ่นอายทั้งหมดไป
“ปลัดเขตปกครองก่อความไม่สงบ ทำลายผนึกสมุทรของข้า เรื่องนี้ฟ้าดินขุ่นเคือง อภัยให้ไม่ได้!
“ผู้บำเพ็ญทั้งหมดฟังคำสั่ง สยบความวุ่นวายทั้งหมดของจวนปลัดเขตปกครอง คืนฟ้าใสให้ฟ้าดินเขตปกครองผนึกสมุทร!”
ผู้บัญชาการรอบตัวเขาเหล่านั้นก็ลอยกลางอากาศตามเสียงกึกก้องขององค์ชายเจ็ด ส่วนตนเองก้าวออกมาก้าวหนึ่ง ตรงไปยังหุ่นเชิดที่กลิ่นอายใกล้จะจางหายไปจนหมดทั้งสองตัวนั้น
รวดเร็วยิ่ง พริบตานั้น ผู้บัญชาการนับสิบก็เข้าประชิด เสียงที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินดังก้องไปทั้งชั้นเมฆ
องค์ชายเจ็ดกล้าหาญชาญชัยอย่างยิ่ง ราวกับโทสะที่สะสมไว้เนิ่นนานระเบิดออกมา ส่งเสียงครืนครันไปหาหุ่นเชิดตัวหนึ่ง
เพราะโถมเข้าใส่สุดกำลัง จึงจำแลงร่างเงามายาใหญ่โตออกมาระหว่างฟ้าดิน ทำให้คนธรรมดาในเมืองหลวงเขตปกครองตอนนี้เห็นอย่างชัดเจน
การลงมือของผู้บัญชาการเขายิ่งราวกับสายฟ้าฟาด ดังนั้นไม่นานนักหุ่นเชิดสองตัววนั้นก็ไร้ซึ่งกำลังรบ ตกลงสู่พื้นดิน กลิ่นอายจางหายไปจนหมดสิ้น
ขณะเดียวกัน ร่างจำแลงองค์ชายเจ็ดก็อ้าแขนทั้งสองข้าง ทานรับฝนเลือดที่โปรยปรายลงมาในเมืองหลวงเขตปกครอง
เมื่อหยาดฝนเลือดหลั่งรินลงบนร่างเขา ก็กลายเป็นรอยกัดกร่อนเป็นทางๆ แต่ถึงอย่างไรองค์ชายเจ็ดก็ใช้ร่างกายต้านทาน จึงไม่โปรยปรายลงมาอีก และสุดท้ายท่ามกลางเสียงคำรามของมังกรทองบนฟากฟ้า ฝนเลือดก็หยุดลง
ขณะเดียวกัน ทหารนับสิบล้านคนนอกเมืองหลวงเขตปกครอง ก็ลอยขึ้นมา
แต่ละคนกางวิชาเวท กลายเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ ขับไอพลังประหลาดในที่แห่งนี้ออกไป
องค์ชายเจ็ดก็ซื่อสัตย์จริงใจ ออกคำสั่งให้เหล่าทหารทั้งหมดกระจายกำลังไปทั่วเมืองหลวงเขตปกครอง ช่วยเหลือคนธรรมดา
ด้วยคำสั่งของเขา คนธรรมดานับไม่ถ้วนถูกช่วยชีวิตกลับมาในตอนที่เกือบจะกลายพันธุ์ ส่วนไอพลังประหลาดในเมืองหลวงเขตปกครองก็เริ่มสลายหายไปเป็นวงกว้าง
บางครั้ง ยังมีเสียงโห่ร้องสรรเสริญอย่างตื่นเต้น มาพร้อมกับความซาบซึ้งในพระมหากรุณาขององค์ชายเจ็ดมาจากทั้งแปดทิศบ้างประปราย…
ทว่า ไม่ใช่ทุกคนที่กลายเป็นคนตาบอด กลายเป็นคนหูหนวก กลายเป็นคนโง่ที่จะถูกชักจูงไปตามใจชอบ ดังนั้นเสียงโห่ร้องจึงไม่ได้ดังมากนัก แต่คนส่วนใหญ่ล้วนกำลังนิ่งงัน
โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญสามวังนับแสนคนรอบๆ แท่นพิธี พวกเขาทุกคนมองการกระทำขององค์ชายเจ็ดอย่างเย็นชา ในสายตาพวกเขาแฝงความผิดหวัง แฝงความโกรธเคือง และแฝงความเย้ยหยัน
และความขื่นขม
บางคน คิดถึงเจ้าวัง
บางคน คิดถึงหลังจากที่เจ้าวังตาย คำไว้อาลัยเพียงประโยคเดียวคือจะซื่อสัตย์ต่อหน้าที่
ส่วนคุณูปการทั้งหมด เกียรติยศทั้งหมดกลายเป็นรัศมีให้องค์ชายเจ็ดอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว
ตอนนี้ ราวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเจ้าวังครองกระบี่ในครั้งนั้น กำลังฉายซ้ำไปซ้ำมา
เพราะ คนที่รู้ความจริงมีเพียงพวกเขา และคำกล่าวของเพียงแสนคน หากทอดมองไปทั้งเขตปกครอง ทอดมองไปทั้งเผ่ามนุษย์ ก็เป็นเพียงแค่คลื่นลูกเล็กๆ ลูกหนึ่งเท่านั้น
ส่วนคนธรรมดา อุปสรรคในด้านความรู้ความเข้าใจจะทำให้พวกเขาได้รับผลกระทบได้ง่าย นอกจากนี้เดิมนิสัยมนุษย์ ก็ขี้หลงขี้ลืมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ไม่นานนัก พวกเขาก็จะลืมเลือนเรื่องนี้ไปตามสัญชาตญาณเอง ถูกสิ่งใหม่ๆ ดึงดูดความสนใจ
แค่องค์ชายเจ็ดใช้ลูกกลอนแก่นแท้มาเป็นจุดสำคัญดึงดูดใจ เช่นนั้นเขาก็จะแก้ไขจุดบกพร่องทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรเมื่อเทียบกับความชั่วร้ายของปลัดเขตปกครอง พิษของลูกกลอนแก่นแท้ต่างหาก ที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกคน
ส่วนด้านนอกเมืองหลวงเขตปกครอง เหล่าคนที่ยังไม่รู้ความจริงเหล่านั้น ก็จะยิ่งได้รับผลกระทบได้ง่าย สิ่งที่พวกเขาจะได้ยินไปตลอดกาล คือคำตอบอีกคำตอบหนึ่ง
โดยเฉพาะองค์ชายเจ็ดที่เพิ่งจะบุกเบิกขยายอาณาเขต เป็นผู้นำที่ทำให้เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ล่าถอย และเคยกอบกู้วิกฤตของเขตปกครองผนึกสมุทร มีคุณูปการชนิดไม่มีใครเทียบเคียงได้
รัศมีของเขาประหนึ่งร่างที่ห่อหุ้มด้วยทองคำ ดังนั้นคำพูดของเขา จึงมีผู้คนเชื่อถือมากกว่า
นานวันเข้า ใจคนก็จะถูกคลื่นลูกใหญ่ชะล้างช้าๆ จวบจนฝังกลบไว้ที่มุมหนึ่งของประวัติศาสตร์ ไม่มีค่าให้เอ่ยถึง
เว้นเสียแต่ สวี่ชิงยังมีชีวิตอยู่ และกลับมาทันที!
ถ้าเป็นเช่นนี้ คุณค่าก็จะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
ขณะที่ใจคนไม่สั่นไหวก็จะมีจุดที่มาบรรจบกัน ดวงชะตามีที่ให้กลับมารวมเป็นหนึ่ง ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม
แต่ความเป็นไปได้นี้ ในความรู้ความเข้าใจของผู้คนนั้นน้อยมาก
บนท้องฟ้า โหวเหยามองทุกอย่าง หลับตาลง ลอบถอนหายใจ
เขารู้ดีว่า การมีอยู่ของตนอยู่ที่องค์ชายเจ็ดทางนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วงชิงผลของความพยายามทั้งหมดมา
เพราะอย่างไรองค์ชายเจ็ดก็ช่วยเหลือเขาไว้ และเดินออกมาจากในกลุ่มผู้บัญชาการขององค์ชายเจ็ด
รองเจ้าวังทั้งสาม ทำได้เพียงเงียบนิ่ง
ชิงฉินร้องขึ้นอย่างเศร้าโศก ไร้ซึ่งกำลัง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา