เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 539

บทที่ 539 สวี่ชิง เจ้ามีคู่ฝึกเต๋าหรือยัง [ภาค 7 ครีษมายัน]

…………….

ศักราชเสวียนจั้น ปีสองเก้าสามสอง เดือนสิบสอง

ลมฤดูหนาวมาพร้อมเกล็ดหิมะ เดินอยู่ในเมืองหลวงเขตปกครอง เดินผ่านต้นไม้แห้งเหี่ยว เดินผ่านที่รกร้าง ราวฝุ่นผงโปรยปรายเคลื่อนไปข้างหน้า

คล้ายว่าจะกลบรอยแตกแยกที่เกิดจากห้วงบรรพกาลมาเยือนแต่ละทางๆ บนพื้นให้เต็มอย่างสุดกำลัง

จวบจนเมื่อมันเดินไปถึงเมืองหลวง หลังจากที่ฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลง ผสานไปในถนน หลังคา และท่ามกลางผู้คนเอะอะโหวกเหวก ก็แปรเปลี่ยนเป็นหมอกขาว อยู่ร่วมกันในโลกในอีกสภาวะหนึ่ง

เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงจากปลัดเขตปกครองผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว

ในครึ่งเดือนนี้ เหมือนลมหิมะจะไปซ่อมแซมรอยแยกบนพื้น ผู้บำเพ็ญทั้งสามวังในเขตปกครองหลวง โถงครองกระบี่และสำนักใหญ่ต่างๆ ในสิบมณฑลพันธมิตร ล้วนพยายามทุ่มเทในการซ่อมแซมเพื่อเขตปกครองผนึกสมุทร

ผู้ครองกระบี่ที่ผ่านสงครามโชกโชนจำนวนมากก็ล้วนออกไปยังมณฑลต่างๆ เข้าร่วมการช่วยเหลือ ทำการสยบกำราบเผ่าต่างๆ ที่สร้างความวุ่นวายในช่วงระหว่างนี้

ผลกระทบอันเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงของปลัดเขตปกครองก็ค่อยๆ สงบลงไปกว่าครึ่ง ทุกอย่างเริ่มฟื้นคืนสภาพ

โดยเฉพาะโหวเหยาและนายท่านเจ็ด ตัวเชื่อมระหว่างเขาทั้งสองคือสวี่ชิง ดังนั้นแม้ต่างฝ่ายต่างจะไม่คุ้นเคยกัน แต่หลังจากที่ได้สัมผัส ก็ต่างชื่นชมซึ่งกันและกัน

เหมือนว่านิสัยก็จะค่อนข้างคล้ายกัน จึงร่วมมือกันได้ดี

และแสงอรุณ ในที่สุด หลังจากลมหิมะนี้ก็สาดส่องมาในเขตปกครองผนึกสมุทร

รองเจ้าวังทั้งสามต่างทยอยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าวัง วังครองกระบี่เป็นหลี่อวิ๋นซาน ผู้ดูแลซุนในฐานะที่เป็นผู้ดูแลที่อยู่มานานที่สุด ก็รับตำแหน่งรองเจ้าวังแทน

นักพรตซือหนาน เขามีภารกิจอื่น

ส่วนสวี่ชิง ชีวิตของเขาไม่ได้แตกต่างไปจากอดีตสักเท่าไร รางวัลในราชโองการของจักรพรรดิมนุษย์ยังไม่ส่งมา แต่ว่า สำหรับของที่ตบรางวัลมา จากอาจารย์และโหวเหยาทางนั้นเขาก็เข้าใจความหมายของมัน

ชุดคลุมทอง เป็นสิ่งที่ราชวงศ์ประทานให้เป็นการเฉพาะ นั่นคือการเพิ่มตำแหน่งฐานะ

สิทธิ์เข้าศึกษาวังศึกษา คือโอกาสไปศึกษาที่วังศึกษาเผ่ามนุษย์ ที่นั่นมีมรดกเผ่ามนุษย์นับแต่สมัยอดีตกาลมา สำหรับผู้บำเพ็ญสมบัติวิญญาณที่จะทะลวงระดับหวนสู่อนัตตาก็มีประโยชน์อย่างมหาศาล

นอกจากนี้ วังศึกษาผู้ที่สอบได้เป็นอันดับหนึ่งในการคัดเลือกของทุกรอบ จะมีโอกาสได้รับการเรียกตัวไปทดสอบที่แดนศักดิ์สิทธิ์ หากผ่านการทดสอบที่แดนศักดิ์สิทธิ์ก็จะถูกเรียกให้ไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์

แดนศักดิ์สิทธิ์ อยู่นอกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ อยู่สูงส่งนัก

ศักราชเสวียนจั้นเกือบสามพันปีที่ผ่านมา ยังไม่มีผู้เรียนคนใดที่ผ่านการทดสอบ

ส่วนความชอบขั้นหนึ่งเผ่ามนุษย์ นั่นเป็นเกียรติยศสูงสุด คนที่ครอบครองได้ทั้งที่ยังมีชีวิต หลายปีมานี้มีไม่ถึงร้อยคน

แต่รางวัลเหล่านี้สำหรับสวี่ชิงแล้วล้วนเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ชีวิตของเขายังเป็นเหมือนปกติ เพียงแต่สถานที่พักอาศัยเปลี่ยนไปก็เท่านั้น ไม่ใช่หอกระบี่บนพื้นดินแบบในอดีตอีกต่อไป

เขาพักอยู่ในวังครองกระบี่ ตำหนักอาลักษณ์ในตอนนั้น

กรมอาลักษณ์ ภายใต้ข้อเสนอแนะของโหวเหยาและนายท่านเจ็ด สวี่ชิงก็ตั้งมันขึ้นมาอีกครั้ง กลายเป็นกรมที่พิเศษมากในเขตปกครองผนึกสมุทร ขอบเขตที่รับผิดชอบไม่ใช่แค่วังเดียวอีกต่อไป แต่เป็นทั้งเขตปกครองผนึกสมุทร

ตำแหน่งสูงส่ง

ฐานะที่เขตปกครองผนึกสมุทรของสวี่ชิงยังคงเป็นอาลักษณ์เช่นเดิม

หน้าที่คือจัดระเบียบข้อมูลของทั้งเขตปกครองให้โหวเหยา รักษาการณ์เจ้าเขตปกครองและนายท่านเจ็ด ช่วยดูแลเขตปกครองผนึกสมุทร

สมาชิกกรมอาลักษณ์เพิ่มมากขึ้นกว่าอดีตไม่น้อย นอกจากวังครองกระบี่ อีกสองวังที่เหลือล้วนจัดตั้งกรมอาลักษณ์เช่นกัน กระทั่งว่าภายใต้ข้อเสนอจากข่งเสียงหลง ทุกมณฑลในเขตปกครองผนึกสมุทรก็จัดตั้งกรมอาลักษณ์สาขาย่อยขึ้น ร่วมมือกับโถงครองกระบี่มณฑลต่างๆ คุ้มครองดูแลมณฑลหนึ่ง

เรื่องนี้ข่งเสียงหลงเป็นผู้รับผิดชอบ

เขาเข้าร่วมกับกรมอาลักษณ์ด้วย คนที่เข้าร่วมด้วยยังมีซานเหอจื่อที่กลับมาทั้งที่กำลังฟื้นฟู ยังมีบาดแผลอยู่

เห็นข่งเสียงหลงที่เป็นคนนอกกลับมีอำนาจเช่นนี้ นายกองแอบอิจฉาเล็กๆ ดังนั้นจึงยุให้สวี่ชิงขยายอำนาจอิทธิพลของหน่วยลับในสำนักทุกมณฑล

คนที่รับผิดชอบหน่วยลับ นายกองเสนอตัวขอรับผิดชอบด้วยตัวเอง อีกทั้งยังกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง ไปจากเมืองหลวงเขตปกครองพร้อมภารกิจ

ก่อนไป เขาตบไหล่สวี่ชิง สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

“ศิษย์น้องเล็ก ตาแก่เป็นปลัดเขตปกครอง ช่วยพวกเรารักษาดูแลกิจการนี้เอาไว้ ศิษย์พี่ใหญ่ข้าคนนี้จะนั่งว่างเฉยๆ ไม่ได้ หน่วยลับเรื่องนี้ ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบจัดการเอง!”

สวี่ชิงมองความตื่นเต้นฮึกเหิมที่ยากจะปกปิดบนใบหน้านายกอง นึกถึงคำสั่งโยกย้ายที่เกี่ยวพันกับหลี่ซือเถาวังพิธีการคำสั่งนั้นเมื่อก่อนหน้านี้ จึงมองไปรอบๆ

“เจ้ามองอะไร” นายกองอึ้งตะลึง เขากำลังฮึกเหิมห้าวหาญ แต่สวี่ชิงกลับมองสำรวจรอบๆ นี่ทำให้เขาสันหลังหวะขึ้นมานิดๆ

“ข้ากำลังหาหลี่ซือเถา” สวี่ชิงตอบอย่างตรงไปตรงมา

“พี่สะใภ้เจ้าน่ะหรือ นางจะตามข้าไปเสียให้ได้ ข้าก็นึกรำคาญเหมือนกัน แต่ก็จนปัญญา”

นายกองกระแอมขึ้นมาทีหนึ่ง ไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ แต่กอดคอสวี่ชิง เข้าไปใกล้ๆ เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม

“อาชิงน้อย ข้าจะบอกเจ้าให้ ครั้งนี้ข้าไปข้างนอกไม่ใช่เพื่อไปจู๋จี๋มีความรัก ข้ามีสองเรื่อง หนึ่งคือหน่วยลับ อีกเรื่องหนึ่ง…ช่วงนี้ข้ากำลังขบคิดการใหญ่!

“ถ้าทำการใหญ่นี้สำเร็จ เราสองคนพี่น้องก็เยี่ยมยอดร้ายกาจแล้ว ดังนั้นข้าคิดจะออกไปรวบรวมรายงานข่าวของแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา ไม่นานก็กลับมา”

“แผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราหรือ” สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง ตอนนี้เขาอ่อนไหวกับคำว่าพระจันทร์คำนี้นัก

นายกองกะพริบตาปริบๆ ยกมือจุ๊ปากใส่สวี่ชิง เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม

“รอข้ากลับมาข้าจะบอกรายละเอียดกับเจ้า สรุปแล้วศิษย์น้องเล็ก เจ้าเตรียมตัวเดินทางให้ดี ครั้งนี้ศิษย์พี่ใหญ่จะพาเจ้าไปทำการใหญ่สุดยอด!”

นายกองเลียริมฝีปาก ดวงตาฉายแววบ้าคลั่งที่สวี่ชิงคุ้นเคย จากนั้นก็ฮัมเพลง พาคนจำนวนไม่น้อยจากไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร

สวี่ชิงยืนอยู่บนบันไดหินริมวังครองกระบี่ หลังจากมองนายกองจากไปจนลับสายตาก็เอ่ยเสียงราบเรียบ

“ออกมาเถอะ”

จากเสียงของสวี่ชิงที่ดังออกมา หนิงเหยียนก็โผล่ศีรษะออกมาจากหอที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ยิ้มประจบ วิ่งมาข้างกายสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว

เขากลัวนายกอง กังวลมากๆ ว่าจะถูกนายกองเรียกให้ไปด้วยกัน และซ่อนตัวไปก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นช่วงนี้มักจะมาอ้อนวอนสวี่ชิง

“ใต้เท้าอาลักษณ์ ข้าคิดว่าข้าเป็นอาลักษณ์ให้ท่านได้นะขอรับ!”

หนิงเหยียนเอ่ยเสียงดัง

“หาชิงชิวเจอหรือยัง” สวี่ชิงปรายตามองหนิงเหยียนผาดหนึ่ง

“หาเจอแล้วขอรับ นัง…”

สวี่ชิงสายตาเย็นเยียบ

หนิงเหยียนสั่นสะท้านทันที รีบเปลี่ยนคำพูด

“ใต้เท้าชิงชิวก่อนหน้านี้ช่วยลัทธินอกวิถีมณฑลรับเสด็จราชัน ภายหลังมุ่งหน้าไปยังทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ…”

สวี่ชิงหยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก

หนิงเหยียนรีบจากไปทันที เมื่อจากไปจนไกลลิบเขาถอนหายใจโล่งอกออกมา แอบพูดในใจว่าสวี่ชิงครึ่งเดือนมานี้ บนร่างเห็นได้ชัดว่ามีรัศมีอำนาจเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย เขารู้ นั่นเป็นพลังกดดันที่เกิดขึ้นจากดวงชะตาเขตปกครองผนึกสมุทรรายล้อม

พลังกดดันประเภทนี้ทำให้ถึงแม้สวี่ชิงจะมีพลังบำเพ็ญเพียงระดับปราณก่อกำเนิดหนึ่งเคราะห์ แต่บนร่างของเขามีดวงชะตาของทั้งเขตปกครองหนึ่ง คนทั่วไปยากจะต่อกรกับเขา

ไม่สนใจหนิงเหยียน สวี่ชิงหันหลังเดินไปทางหอซ่อนคัมภีร์วังครองกระบี่

ครึ่งเดือนนี้เขามักจะไปที่นั่น อีกทั้งจากการยื่นเรื่องขอของเขา ตำราจากวังพิธีการและวังอาญา ตลอดจนจวนเจ้าเขตปกครองล้วนถูกส่งมา

จำนวนมากมายมหาศาล

“พี่สวี่ชิง ชิงชิวคือใครหรือเจ้าคะ”

ระหว่างทางมุ่งหน้าไปหอซ่อนคัมภีร์ ในแขนเสื้อข้างขวาของสวี่ชิงมีงูสีขาวตัวเล็กโผล่ออกมา เบิกดวงตากลมโตที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาขึ้น ถามอย่างสงสัยใคร่รู้

“สหายในตอนเด็ก วันหน้าเมื่อเจอกันข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก”

สวี่ชิงก้มหน้า มือซ้ายยกขึ้นลูบหัวของงูขาวตัวน้อยเบาๆ เอ่ยเสียอ่อนโยน

การลูบของเขาทำให้งูขาวตัวน้อยสบายเป็นอย่างมาก ดวงตาหรี่ลง ส่งเสียงหัวเราะราวกระดิ่งเงินออกมา

“ฟ่อๆ”

สวี่ชิงหัวเราะเช่นกัน ก่อนหน้านี้ใต้หุบเหววิญญาณ ก่อนที่เขาจะเสียสติสัมปชัญญะไป เป็นหลิงเอ๋อร์ที่ช่วยเขาไว้อีกครั้ง

และการฝึกบำเพ็ญของหลิงเอ๋อร์ อีกทั้งการดูดซับพลังชะตาวิญญาณบรรพกาลความจริงยังไม่สำเร็จ กระบวนการช้านัก ดังนั้นตอนนี้นางจึงอยู่ในร่างงูขาวน้อยพันอยู่บนข้อมือขวาสวี่ชิง

ก็เป็นเช่นนี้เอง สวี่ชิงกลับมาถึงหอซ่อนคัมภีร์หาตำราและเอกสารทั้งหมดที่นี่ต่อไป จวบจนเวลาหมุนผ่าน สามวันผ่านไป

บทที่ 539 สวี่ชิง เจ้ามีคู่ฝึกเต๋าหรือยัง [ภาค 7 ครีษมายัน] 1

บทที่ 539 สวี่ชิง เจ้ามีคู่ฝึกเต๋าหรือยัง [ภาค 7 ครีษมายัน] 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา