บทที่ 540 ราตรีก่อนสายลมทิวา ราตรีนี้แม่น้ำดวงดารา (1)
สวี่ชิงดวงตาแข็งค้าง
เขารู้จักตะเกียงใบนี้ นี่คือตะเกียงปีกโลหิตวิญญาณทมิฬ!
ตอนนั้นเขาใช้ตัวตนเผ่าฟ้าทมิฬขอเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์มาได้ดวงหนึ่ง และหลอมเข้าไปในร่างจนกลายเป็นหนึ่งในปราณมรรคา
เพียงแต่ดวงนั้นเป็นปีกซ้าย
พลังของมันคือความเร็วเป็นหลัก
ส่วนตรงหน้าเขาดวงนี้ คือปีกขวา
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด เงยหน้ามองโหวเหยา
ดวงตาโหวเหยาแฝงความหมายลึกซึ้ง ใบหน้าเปื้อนยิ้ม หยิบจอกชาข้างๆ ขึ้นจิบไป ไม่พูดอะไร
สวี่ชิงเงียบนิ่ง ก่อนหน้านี้เขารู้ดีว่าเขตปกครองผนึกสมุทรไม่ว่าจะเจ้าเขตปกครองหรือว่าเจ้าวังล้วนไม่ใช่คนธรรมดา ส่วนโหวเหยาที่เคยเป็นหนึ่งในห้าหัวหอกก็เช่นเดียวกัน
ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นสหายกับต่างเผ่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับการยอมรับ
และไม่ใช่ทุกคนที่อดทนจนถึงที่สุด ถึงได้จ้องหาโอกาสระเบิดออกมา
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เรื่องที่อีกฝ่ายยังมีกำลังกวาดล้างต่างเผ่าที่มีเจตนาร้ายทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ วิธีการ โหวเหยาคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
และให้ตะเกียงดวงนี้มา ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
“ศึกที่แท่นพิธีก่อนหน้านี้ ข้าสำแดงฉัตรตะเกียงชีวิตออกมา สุดท้ายกลายเป็นข้อผิดพลาดอย่างหนึ่ง…” สวี่ชิงพึมพำในใจ เขาตระหนักถึงจุดนี้ได้ แต่ว่าตอนนี้ เขาไม่อาจเก็บงำได้แล้ว
คิดแล้วก็ด้วยเหตุนี้ โหวเหยาก็สังเกตเห็นจุดนี้ จึงรู้ตัวตนปลอมของเขาตอนอยู่ที่เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ ใช้เส้นสายของตัวเอง นำเอาตะเกียงดวงนี้มาให้
เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าใคร่ครวญของสวี่ชิง โหวเหยาก็ยิ้มออกมา เขาหวังว่าสวี่ชิงจะใคร่ครวญให้มาก มีเพียงเช่นนี้ ทางด้านจิตใจจะได้เติบโตเร็วยิ่งขึ้น
ตอนนี้เมื่อเห็นว่าใกล้เคียงแล้ว โหวเหยาจึงวางจอกชาในมือ เอ่ยเสียงราบเรียบ
“แม้ว่าศึกนี้ของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์จะมีเงื่อนงำบางอย่าง แต่ความเสียหายก็มากมายมหาศาลเช่นกัน เช่นรัฐเล็กๆ ของต้นสิบลำไส้เหล่านั้น ทั้งองครักษ์ชุดดำบางส่วนอีก ล้มหายตายจากกันหมด”
โหวเหยากล่าวถึงจุดนี้ก็ชะงักเล็กน้อย สบตากับสวี่ชิง เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“บ้างก็ตายไปก่อนหน้านี้ บ้างก็ตายในช่วงครึ่งเดือนนี้ ส่วนการโยกย้ายราชวังสายลมสวรรค์ ก็ทำให้บันทึกมากมายหายไป จักรพรรดิสายลมสวรรค์รู้สึกเสียใจมาก”
ดวงตาสวี่ชิงมีระลอกคลื่น
“สวี่ชิง ฐานะของเจ้าตอนนี้ สามารถรู้เรื่องราวบางอย่างได้ เจ้าเขตปกครอง สหายเลี่ยงซิวกับข้าตอนนั้นเคยมีแผนการอย่างหนึ่ง นั่นคือทำให้ข้าได้รับความเชื่อมั่นจากเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็เข้าไปสานสัมพันธ์กับจักรพรรดิสายลมสวรรค์ ยุยงให้มีการก่อกบฏ ทำให้จักรพรรดิสายลมสวรรค์กลับสู่เผ่ามนุษย์!”
เมื่อโหวเหยากล่าวออกมา ในใจสวี่ชิงก็โหมคลื่น
เขานึกถึงก่อนหน้านี้ที่เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวขึ้นในสนามรบทางเหนือก็คือจักรพรรดิสายลมสวรรค์กับจักรพรรดิหมอกจันทรา เห็นได้ชัดว่านี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่โหวเหยาสามารถรอดพ้นจากความตายได้หลังจากที่บาดเจ็บสาหัส
“ข้าทำเรื่องนี้ไปแล้วแปดส่วน ขอเวลาให้ข้าอีกสักสิบปี…แต่น่าเสียดาย แผนการสู้การเปลี่ยนแปลงไม่ได้ สนามรบทางเหนือก่อนหน้านี้ จักรพรรดิหมอกจันทราบุกเข้ามาอย่างน่าหวั่นเกรง กระทั่งในบรรดาทหารฝ่ายศัตรูก็น่าสงสัยว่าจะมีเผ่ามนุษย์ของเราอยู่ด้วย…”
แววตาโหวเหยาเผยประกายเย็นชา
“การตายของสหายเหิงซิ่นกับสหายหรงอวี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาถึงเพียงนั้น ส่วนข้าหลังจากที่จักรพรรดิสายลมสวรรค์ปล่อยให้หนีออกมา องค์ชายเจ็ดก็เสด็จมาคลี่คลายทุกอย่าง ปรากฏตัวตรงหน้าข้าพอดีและช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ใจข้ารู้สึกถึงเงื่อนงำ แต่ก็ทำได้เพียงยอมเป็นไพ่ตายของเขา”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง หยิบจอกชาข้างๆ ขึ้นมา มองน้ำในจอกชา น้ำชากำลังโหมระลอกคลื่น
โหวเหยามองสวี่ชิง เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“สวี่ชิง ที่ข้าบอกกับเจ้าทั้งหมดนี้ เพราะหวังว่าเจ้าจะมองสถานการณ์ออกอย่างกระจ่างแจ้ง และเจ้าตอนนี้ ก็ไม่ใช่แค่ผู้ครองกระบี่อีกแล้ว
“ฐานะบางฐานะ ตัวหมากบางตัวที่ควรใช้ก็นำมาใช้ ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้จักรพรรดิสายลมสวรรค์เป็นตัวแทนบรรพชนเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ หารือรายละเอียดเรื่องการคืนกลับมาของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์กับองค์ชายเจ็ด ในนี้ยังรวมถึงดินแดนใต้อาณัติบางส่วนด้วย
“หลายเขตปกครองกำลังติดต่อกัน ส่วนเขตปกครองผนึกสมุทรของเราก็ต้องขยับขยาย…
“เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เบื้องหน้าเหมือนตัดความสัมพันธ์กับเผ่าฟ้าทมิฬ แต่เมื่อพิจารณาจากการที่ข้าได้สานสัมพันธ์กับพวกเขาหลายปีมานี้ ข้าคิดว่าจากนิสัยของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาไม่มีทางยอมถูกกดข่มอยู่ฝ่ายเดียว จะต้องแอบรักษาความสัมพันธ์กับเผ่าฟ้าทมิฬลับๆ เป็นแน่ และคงไม่น้อยอีกด้วย
“เช่น ในกลุ่มที่ปรึกษาของแคว้นสายลมสวรรค์ครั้งนี้ มีอดีตขุนนางชนชั้นที่สองบางส่วน ได้ยินมาว่าหนึ่งในนั้น บุตรเทวะฟ้าทมิฬเป็นผู้ยกระดับชนชั้นให้ด้วยตัวเอง”
โหวเหยามองสวี่ชิงด้วยตาเปล่งประกาย
เขากล่าวเปิดอกกับคนอื่นเช่นนี้น้อยมาก
สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ แต่ในใจกำลังครุ่นคิด หลังจากผ่านเรื่องเหล่านี้มาก็เชื่อใจในตัวโหวเหยาอยู่บ้าง และอีกฝ่ายยังกล่าวออกมาถึงเพียงนี้ เขาก็ไม่มีอะไรให้ปิดบังเช่นกัน
ดังนั้นหลังจากคิด สวี่ชิงจึงวางจอกชาในมือลง หยิบแผ่นหยกชิ้นหนึ่งออกมา และแผ่กลิ่นอายพระจันทร์สีม่วงของตนวูบหนึ่ง ยื่นให้โหวเหยา
“มู่เยี่ย”
หลังจากโหวเหยารับแผ่นหยกมาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“สวี่ชิง แม้ข้าจะเดาเรื่องที่เจ้าปลอมตัวเป็นบุตรเทวะเผ่าฟ้าทมิฬในเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ได้ และรู้เรื่องราวคร่าวๆ แต่รายละเอียดก็ยังไม่แน่ชัด ดังนั้นมู่เยี่ยนีเชื่อถือได้ใช่หรือไม่”
“ข้าเพียงคิด ก็กำหนดความเป็นความตายเขาได้แล้ว”
สวี่ชิงตอบกลับเสียงเบา
โหวเหยาได้ยินก็หัวเราะ พยักหน้า จากนั้นก็แจ้งให้สวี่ชิงรู้ข้อมูลที่เกี่ยวกับแสงนอกพิภพ
“แสงนี้มีความหมายตามชื่อของมัน เป็นลำแสงลึกลับในความว่างเปล่าด้านนอกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ที่มาไม่ชัดเจน พบเห็นได้น้อยครั้ง ตกลงมาในแดนดินต้องประสงค์น้อยถึงน้อยมาก ทั้งยังเก็บรักษาได้ยากอีกด้วย
“ก่อนที่เสี้ยวหน้าเทพเจ้าจะมาเยือนนั้นเป็นเช่นนี้ แต่หลังจากที่เสี้ยวหน้าเทพเจ้ามา แสงนี้ก็หายสาบสูญไป
“มันสามารถหลอมรวมตะเกียงชีวิตได้จริง แต่สิ่งที่ต้องจ่ายนั้นมากมายนัก ต้องใช้พลังชีวิตของตัวเอง”
เมื่อสวี่ชิงได้ยินก็รู้สึกเสียดาย รู้ว่าหากอยากได้แสงนอกพิภพนั้นเป็นการงมเข็มในมหาสมุทรอย่างไม่ต้องสงสัย แทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลย
จึงพูดคุยเรื่องสัพเพเหระอีกเล็กน้อง สวี่ชิงก็ขอตัว
ตอนที่เดินออกจากจวนเหยา โลกภายนอกเป็นช่วงสายัณห์แล้ว ข้างหูสวี่ชิงมีเสียงของหลิงเอ๋อร์ดังมา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา