เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 540

บทที่ 540 ราตรีก่อนสายลมทิวา ราตรีนี้แม่น้ำดวงดารา (2)

สวี่ชิงที่เพิ่งกลับมาวังครองกระบี่ กำลังดื่มด่ำกับเสียงเพลงของหลิงเอ๋อร์ ผ่านไปสักพักเขาถึงสังเกตเห็นว่าแผ่นหยกสื่อเสียงสั่น และได้ยินคำพูดของท่านอาจารย์

“หลิงเอ๋อร์ เจ้าอยากกลับไปที่เจ็ดเนตรโลหิตหรือไม่” สวี่ชิงมองไปทางหลิงเอ๋อร์

“อยากเจ้าค่ะ ข้าก็เป็นกรมข่าวกรองของเจ็ดเนตรโลหิตนะเจ้าคะ” งูขาวตัวน้อยตอบรับอย่างร่าเริง

เห็นภาพหลิงเอ๋อร์ตื่นเต้น สมองสวี่ชิงก็ผุดร่างเงาที่คุ้นเคยหลายคนในเจ็ดเนตรโลหิตขึ้นมา เขาก็อยากกลับไปที่เจ็ดเนตรโลหิตสักครั้งหนึ่งเช่นกัน ไปกวาดสุสานให้นายท่านหก

อีกทั้งของหัวหน้าเหลยกับปรมาจารย์ไป๋ เขาก็ไม่ได้ไปคารวะนานแล้ว

นอกจากนี้ ในเมื่อเลือกจะไป เช่นนั้นก็มีเรื่องเรื่องหนึ่งที่สวี่ชิงคิดจะไปจัดการ

ดังนั้นเขาจึงหยิบแผ่นหยกสื่อเสียงหาท่านอาจารย์

“ท่านอาจารย์ การเดินทางของพวกเรา ผ่านเผ่าควันขจรได้หรือไม่ขอรับ

“ข้ามีศัตรูอยู่ผู้หนึ่ง ต้องไปล้างแค้นเสียหน่อย”

สวี่ชิงเป็นพวกแค้นฝังหุ่น ตั้งแต่เด็กจนโตก็เป็นเช่นนี้มาตลอด

สามวันถัดมา เรือศึกบรรพกาลของเจ็ดเนตรโลหิตลำหนึ่งก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเมืองหลวงเขตปกครอง

สีดำสนิททั้งลำ ทรงพลังอย่างยิ่ง หอคอยและภูเขามอบนนั้น บรรจุผู้บำเพ็ญได้แสนคน

นายท่านเจ็ดยืนอยู่ในหอสูงที่สุดบนเรือศึกบรรพกาล ข้างๆ มีสวี่ชิงยืนอยู่คนเดียว

แต่ด้านหลังพวกเขา กลับมีผู้บำเพ็ญนับพันติดตามมา ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญร้อยศึกวังครองกระบี่ทั้งสิ้น นำโดยผู้ดูแลซือหนาน นี่เป็นคำสั่งของหลี่อวิ๋นซานเจ้าวังครองกระบี่รวมถึงโหวเหยา

หนึ่งพันคนนี้ เป็นองครักษ์ระหว่างเดินทางออกจากเขตปกครองผนึกสมุทรของสวี่ชิง

นี่คือการคุ้มครองสวี่ชิง

ส่วนนักพรตซือหนาน นอกจากฐานะผู้ดูแลแล้ว ยังเพิ่มมาอีกหนึ่งฐานะ นั่นคือผู้คุ้มครอง

บนท้องฟ้า นอกจากเรือศึกบรรพกาล ยังมีร่างขนาดยักษ์เดี๋ยวชัดเดี๋ยวเลือนอยู่อีกร่าง นั่นคือชิงฉิน

เดิมมันไม่คิดจะติดตามไป แต่หลังจากสวี่ชิงบอกว่าจะหาอาหารให้ มันก็ฮึกเหิม บินตามมาด้วย

ตอนนี้บนท้องฟ้า มันอดทนรอไม่ไหว ส่งเสียงร้องแกว๊กๆ

เสียงดังก้องไปทั้งชั้นเมฆ ดังไม่ทั่วสารทิศ ทำให้คนธรรมดาและผู้บำเพ็ญของเมืองหลวงเขตปกครองนับไม่ถ้วนได้ยิน

ดังนั้นภายใต้การส่งด้วยสายตาของผู้คน สวี่ชิงก็คารวะไปทางนักพรตซือหนานรวมถึงสหายร่วมรบอีกหนึ่งพันด้านหลัง เรือศึกบรรพกาลส่งเสียงครืนครัน ทะยานหวีดหวิวสู่เส้นขอบฟ้า

ท้องฟ้าแจ่มใสนับหมื่นลี้ สายรุ้งยาววาดผ่าน โหมระลอกคลื่นเป็นระลอกๆ ไปรอบด้าน

เดิมความเร็วของเรือศึกบรรพกาลก็น่าตกตะลึงอยู่แล้ว ยิ่งหลังจากที่ชิงฉินกระพือปีกเสริมแรงให้มัน ความเร็วก็เหนือกว่าสายอัสนี ไม่ถึงหนึ่งวัน พวกเขาก็มาถึงชายแดนเมืองหลวงเขตปกครอง มองเห็นทะเลทรายกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา

เสี้ยวขณะที่ลอยเข้าไป พลังอำนาจที่มาจากเรือศึกบรรพกาลรวมถึงอารมณ์โมโหหิวของชิงฉิน กลายเป็นพลังสังหาร ทำให้ท้องฟ้าที่นี่เลือนราง พายุทรายบนพื้นดินหยุดชะงัก ความร้อนระอุราวกับสลายไปในพลังสังหารนี้ไม่น้อย

มีเพียงจิตสังหารที่มีต้นกำเนิดมาจากเรือศึกบรรพกาลและชิงฉิน อบอวลไปทั้งแปดทิศ

โดยเฉพาะ นักพรตซือหนานรวมถึงผู้ครองกระบี่ร้อยศึกนับพันบนเรือศึกบรรพกาล ระหว่างทางพวกเขารู้จุดหมายแรกของการเดินทางครั้งนี้แล้ว ว่าเป็นกลุ่มย่อยกลุ่มหนึ่งของเผ่าควันขจร

สำหรับพวกเขา เมื่อผ่านประสบการณ์ในสนามรบ หลังจากก้าวผ่านทะเลเลือดภูเขาซากศพ สำหรับการสังหารและความตาย ไม่ได้ถึงกับเฉยชา แต่ก็โหมระลอกคลื่นมหาศาลขึ้นมาในใจได้ยากมาก

ดังนั้นตอนนี้จึงสงบกันมาก ยิ่งเป็นเช่นนี้ จิตสังหารที่มาจากร่างพวกเขาก็ยิ่งสยบได้ทั้งสี่ทิศ

ขณะที่เรือศึกบรรพกาลหวีดหวิวลึกเข้าไป เผ่าต่างๆ ในทะเลทรายก็พากันใจสั่น

ต่อให้เป็นแสงแปลกๆ ก็ไม่กล้าปรากฏตัวออกมา

ส่วนเผ่าควันขจรที่อยู่ในทะเลทรายนั้นไม่ใช่เผ่าใหญ่ รูปร่างของพวกเขาเป็นลักษณะว่างเปล่าล่องลอย โดยพื้นฐานที่ที่มีหมอกควันจะมีชนเผ่านี้อยู่

ด้วยลักษณะพิเศษนี้ ทำเผ่าควันขจรแยกตัวเป็นกลุ่มยิบย่อยมากมาย

ส่วนเรื่องที่เผ่านี้สมคบคิดกับเทียนประทีป สวี่ชิงก็แจ้งให้โหวเหยาทราบหลังจากที่ปลัดเขตปกครองพ่ายแพ้ ดังนั้นการปราบปรามจึงเริ่มขึ้นตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนแล้ว

ถึงพวกมันจะพยายามฟื้นความสัมพันธ์ พยายามแก้ไขข้อขัดแย้ง แต่ไม่มีประโยชน์ เผ่ามนุษย์ที่ถูกการเปลี่ยนแปลงของปลัดเขตปกครองทรมาน ต้องการที่ระบายอารมณ์ และเทียนประทีปก็ถูกเผ่ามนุษย์ตั้งค่าหัวไว้แล้ว พวกที่ข้องเกี่ยวก็ยากจะรอดพ้นโทษทัณฑ์ไปได้

ดังนั้นเผ่าควันขจรกลุ่มย่อยจึงถูกสยบไปทีละกลุ่ม ต่อให้หนีรอดไปได้บ้างก็ไม่มากนัก

แต่มีเมืองเผ่าควันขจรกลุ่มย่อยแห่งหนึ่ง ที่สวี่ชิงจงใจเลือกเป็นพิเศษ

ที่นั่นก็คือที่ที่เขาส่งข้ามกลับมาจากต้นสิบลำไส้ตอนนั้น ประสบกับอันตรายครั้งใหญ่หลวง มุ่งหน้าไปเพื่อร้องขอให้ส่งข้าม แต่กลับจงใจถ่วงเวลาเอาไว้

จนถึงตอนนี้สวี่ชิงยังจำได้ ตอนนั้นตนอยู่ด้านนอกเมืองเฝ้ารออย่างนอบน้อม สัมผัสเจตนาร้ายจากกลุ่มเผ่าอีกฝ่ายได้ สายตาจ้องมองสวี่ชิงจากที่ไกลๆ ของผู้คนที่อยู่ในเมืองตอนนั้นมีแต่ความเย็นชา

และตอนที่พวกมันถ่วงเวลา ทำให้ฉู่เทียนฉวินดักสกัดสวี่ชิงที่ชายแดนทะเลทราย และเกิดศึกเป็นตายขึ้นมา ทั้งสนามรบยังเป็นชิ้นส่วนของโลกใบเล็กเผ่าควันขจรด้วย

หากไม่มีหลิงเอ๋อร์ สวี่ชิงคงดับสูญในศึกนั้นไปแล้ว

กระทั่งหลังจากที่เขาเดินออกมา ยังมีร่างเงาเผ่าควันขจรขนาดใหญ่จับจ้องมาทางเขามากขึ้น

แค้นนี้ สวี่ชิงจดจำมาโดยตลอด

ตอนนี้จากการที่เรือศึกบรรพกาลพุ่งหวีดหวิว สวี่ชิงมองบนพื้นทะเลทรายด้วยสายตาเย็นชา เหมือนชิงฉินจะสัมผัสอารมณ์ของสวี่ชิงได้จึงส่งเสียงแสบหูดังมาจากฟ้า

หลังเที่ยงวัน ก็มองเห็นดินแดนเผ่าควันขจรในความทรงจำสวี่ชิงไกลๆ

มองไกลๆ ที่นั่นเต็มไปด้วยหมอกควัน เป็นเมืองมายาแห่งหนึ่ง เดี๋ยวชัดเดี๋ยวเลือนท่ามกลางปราณหมอกที่ไร้เนื้อแท้

สำหรับเผ่าควันขจรที่ดำรงชีวิตในปราณหมอก ร่างหมอกที่ล่องลอยก็คือร่างกายของพวกมัน ส่วนหุ่นเชิดที่อยู่ในโลกใบเล็ก เป็นสิ่งพวกมันสิงเข้าไปใช้ในการต่อสู้

เพียงแต่ครึ่งเดือนมานี้ โทษทัณฑ์ของเผ่ามนุษย์ ทำให้โลกใบเล็กเผ่าควันขจรพังพินาศย่อยยับไปกว่าครึ่ง ที่เหลืออยู่ก็ถูกปิดตาย ด้วยพลังของเผ่ามนุษย์ เผ่าควันขจรไม่ใช่คู่มือเลยแม้แต่น้อย

ส่วนที่นี่ เพราะสวี่ชิงเสนอ ดังนั้นหลังจากถูกปิดผนึกก็จงใจเหลือทิ้งไว้ ขณะที่เผ่าควันขจรด้านในอยู่ท่ามกลางความตื่นตระหนก ทุกข์ทรมานจนถึงตอนนี้

จวบจนตอนนี้ เมื่อสวี่ชิงมาถึง ก็เป่าแตรสัญญาณทำลายล้างไปที่เผ่าย่อยแห่งนี้

ชิงฉินพุ่งออกไปเป็นลำดับแรก ร้องแกว๊กออกมาอย่างตื่นเต้น ระเบิดแสงสีแดงม่วง ฉีกเกราะคุ้มกัน มุดศีรษะทั้งสามเข้าไปพร้อมกัน สูดรับทันที

เสียงกรีดร้องเวทนาดังก้องไปทั้งแปดทิศ ปราณหมอกนับไม่ถ้วนทะลักเข้าไปในปากชิงฉิน มันกินอย่างลิงโลดยิ่ง ส่งเสียงคำรามตื่นเต้นออกมา

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา