บทที่ 54 กลายเป็นผีเสื้อ
เวลากลางดึก คัมภีร์แปรสมุทรในการฝึกฝนของสวี่ชิงก็ทะลวงขั้นตลอดจวบจนถึงขั้นที่สี่
ความเร็วระดับนี้เกินจริงอย่างมาก ทำให้ลูกศิษย์ยอดเขาที่เจ็ดข้างนอกต่างตื่นตะลึง เพียงแต่คนยอดเขาที่เจ็ดส่วนมากชอบเก็บซ่อนอารมณ์
ดังนั้นพวกเขาหลังจากที่สังเกตเห็นว่าเรือของสวี่ชิงเป็นเรือลำใหม่ กระจ่างแล้วว่าเป็นลูกศิษย์ใหม่ที่เพิ่งทะลวงขั้น ส่วนมากก็กลับไปในเรือของตัวเอง สีหน้าไม่แสดงความสนใจอีก ทุกอย่างเป็นเหมือนปกติ แต่ความจริงกลับเริ่มสืบกันอย่างลับๆ แล้ว
จวบจนอาทิตย์ยามเช้าตรู่เริ่มลอยขึ้นจากฟ้าไกล แสงอาทิตย์ทอผิวน้ำทะเลจนเกิดเป็นแสงจ้าแสบตาแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศแล้ว สวี่ชิงที่อยู่ในเรืออูเผิงลำน้อยก็ลืมตาขึ้นมาขณะที่ยังนั่งขัดสมาธิอยู่
ประกายแสงสีม่วงในดวงตาครั้งนี้อยู่ได้ถึงสิบกว่าอึดใจถึงจะค่อยๆ สลายไป เผยความตกใจประหลาดใจภายในออกมาให้เห็น
แม้ตกดึกหลังเที่ยงคืนจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าความเร็วการฝึกบำเพ็ญช้าลงไปมาก แค่ทะลวงคัมภีร์แปรสมุทรจากขั้นที่สี่เป็นขั้นที่ห้าได้เท่านั้น
แต่เพียงแค่คืนเดียวก็ได้ถึงระดับนี้ก็อยู่เหนือการคาดหมายของสวี่ชิง
“เคล็ดวิชาคีรีสมุทรกับคัมภีร์แปรสมุทรสามารถส่งเสริมสนับสนุนซึ่งกันและกันได้…” สวี่ชิงรู้สึกว่านี่น่าเหลือเชื่อ
ตอนนี้เขาที่นั่งอยู่ตรงนั้นดูแล้วก็แตกต่างไปจากเมื่อวาน ขอบเหลี่ยมที่แต่เดิมดุดันตอนนี้ก็เปลี่ยนมาอ่อนโยนลงเล็กน้อย
กระทั่งว่ายังมีบุคลิกท่วงท่าบริสุทธิ์ไร้มลทินรางๆ อย่างหนึ่งกำลังปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
นี่ก็คือกลิ่นอายที่คัมภีร์แปรสมุทรนำมา
สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก สัมผัสทะเลวิญญาณห้าสิบกว่าจั้งในกาย นึกถึงประโยคที่กล่าวเอาไว้ในเคล็ดวิชาคีรีสมุทร
เซียวย้ายขุนเขาได้ ขุยเคลื่อนทะเลได้
แต่เขาวิเคราะห์แยกแยะอย่างละเอียดในใจ สุดท้ายก็รู้สึกว่าเหตุที่เป็นเช่นนี้ ผลจากเคล็ดวิชาคีรีสมุทรก็เป็นด้านหนึ่ง แต่สาเหตุที่มากกว่านั้นอาจจะมาจากเส้นลมปราณในร่างของตนโล่งสะอาด ไม่มีไอพลังประหลาดเลยแม้แต่น้อย
เหมือนภาชนะที่หลอมขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งไร้เทียมทาน ไม่ใช่ร่างกายมนุษย์ที่เพิ่งสัมผัสกับการฝึกบำเพ็ญจะเทียบได้เลย
ดังนั้นในตอนที่เพิ่งจะเป็นขั้นเริ่มก็สามารถรับการทะลักเข้ามาจากพลังวิญญาณได้มหาศาล และนี่ก็เหตุผลว่าทำไมกลางดึกหลังเที่ยงคืนความเร็วการฝึกบำเพ็ญจึงลดลง
ปริมาตรของภาชนะมีขีดจำกัด
‘แต่ดูจากที่กลางดึกหลังเที่ยงคืนก็ยังทะลวงได้หนึ่งขั้น แม้ความเร็วการฝึกบำเพ็ญจะลดลง แต่ก็ยังสามารถประคับประคองให้ข้ายกระดับได้อย่างรวดเร็วต่อไปได้’
สวี่ชิงคิดวิเคราะห์ในดวงตาประกายวาววาบกะพริบ สิ่งที่ยกระดับในคืนนี้ไม่ใช่แค่คัมภีร์แปสมุทรเท่านั้น เคล็ดวิชาคีรีสมุทรของเขาก็ยกระดับขึ้นมาไม่น้อยเช่นกัน
ตอนนี้ห่างจากขั้นแปดไม่ไกลแล้ว
สิ่งที่สำคัญคือ ในคัมภีร์แปรสมุทรทุกขั้นล้วนจดบันทึกวิชาเวท ดังนั้นเขาจึงก้มมองมือขวา
จู่ๆ น้ำทะเลหยดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาที่กลางฝ่ามือของเขาอย่างรวดเร็วเพียงใจคิด แล้วหลอมเป็นมวลน้ำขนาดเท่าศีรษะคนลูกหนึ่ง ประเดี๋ยวก็เป็นมีดบิน ประเดี๋ยวก็เป็นโล่ ประเดี๋ยวก็เป็นนกโบยบิน เปลี่ยนแปลงไปไม่หยุด
มวลน้ำลูกนี้เปลี่ยนแปลงไม่หยุดในมือของเขา จากอัตราส่วนของน้ำทะเลที่ต่างกัน น้ำหนักของวัตถุที่แปลงออกมาทุกประเภทก็ไม่เหมือนกัน ด้านพลังย่อมต้องแตกต่างกัน
และในแผ่นหยกคัมภีร์แปรสมุทร การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จากขั้นหนึ่งถึงขั้นที่สิบ บันทึกเอาไว้ไม่น้อยกว่าร้อยชนิด
ในขณะเดียวกับที่ข้างในแผ่ความเย็นเยือกออกมา ก็ยิ่งมีกลิ่นอายที่เป็นของทะเลต้องห้าม ทำให้สามารถสยบจิตใจของศัตรูได้ ในขณะเดียวกันทางด้านพลังอำนาจ…สวี่ชิงสัมผัสเล็กน้อย
พลังปะทุภายในมวลน้ำนี้มากพอจะสร้างพลังสยบระดับรวมปราณขั้นห้าทุกคนที่เขาเคยเจอในฐานที่มั่นคนเก็บกวาดได้
สวี่ชิงลองประเมินตัวเองที่หากไม่ได้มาสำนักเจ็ดเนตรโลหิต หลังจากวิเคราะห์แล้วก็ได้คำตอบว่า ตนสามารถสังหารคนระดับนั้นอย่างรวดเร็วด้วยมวลน้ำภายในสี่สิบลูก
แต่หลังจากที่เขาสัมผัสกับทะเลวิญญาณห้าสิบกว่าจั้งในร่างกายก็วิเคราะห์ออกมาว่าสามารถกระจายมวลน้ำได้ประมาณห้าสิบลูก จำนวนเช่นนี้ หากเชี่ยวชาญการเปลี่ยนแปลงอีก เช่นนั้นตัวเองก็ต้องระมัดระวังให้มาก แม้จะฆ่าได้ แต่ก็จะใช้เวลานานหน่อย
เคล็ดวิชาคีรีสมุทรของสวี่ชิงเหมือนจะเป็นขั้นเจ็ด แต่สำหรับคนอื่นที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาคีรีสมุทรแล้วกำลังรบเท่ากับขั้นสิบก็ต่อเมื่อเงาขุยบริบูรณ์แล้ว นี่เกินควรมากแล้ว
ซึ่งก็หมายความว่า คนที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาคีรีสมุทรปกติถึงขั้นสิบ เผชิญหน้ากับลูกศิษย์ยอดเขาที่เจ็ดที่มีพลังบำเพ็ญคัมภีร์แปรสมุทรขั้นห้า ยามสังหารก็ไม่อาจสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ในพริบตา
ทุกอย่างนี้ทำให้ความรู้เกี่ยวกับสำนักเจ็ดเนตรโลหิตของสวี่ชิงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง การวิเคราะห์การดำรงอยู่ที่ยาวนานและความแข็งแกร่งของลูกศิษย์ยอดเขาที่เจ็ดลึกซึ่งยิ่งขึ้น
“ผู้บำเพ็ญไร้สังกัดกับลูกศิษย์สำนักแตกต่างกันมากเหลือเกิน
“ข้าในตอนนี้รวมกับวิชาฝึกกายา ก็มีความมั่นใจว่าสามารถสังหารตัวเองในอดีตได้ภายในหนึ่งก้านธูป” สวี่ชิงพึมพำ สีหน้าฉายประกายคมช้าๆ
แม้พลังบำเพ็ญจะยกระดับได้ไม่ชัดเจนเท่าไรนัก แต่การยกระดับขึ้นของกำลังรบทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว
ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ ใต้แสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาในเรืออูเผิง ทำให้เงาของสวี่ชิงปรากฏขึ้นบนกระดานเรือ เขาก้มไปมองเงา
การฝึกฝนหนึ่งคืน เงาดูดซับไอพลังประหลาดไปจนหมด ทำให้เงาของเขาตอนนี้ดูแล้วดำทะมึนมากยิ่งขึ้น หากมองให้ละเอียดก็เหมือนว่าบริเวณที่แผ่ปกคลุมมีหุบเหวลึกแฝงไว้ด้วย
ตอนนี้จู่ๆ เงานี่ก็ขยับขึ้นมาภายใต้การจับจ้องของสวี่ชิง ในขณะที่มันขยับไหววูบซ้ายขวาก็มีมือสองข้างยื่นออกมา หลังจากที่กำเป็นหมัดก็กางนิ้วทั้งห้าออก แล้วทำซ้ำไปซ้ำมา เร็วขึ้นเรื่อยๆ
กระทั่งว่ายืดหดอย่างรวดเร็ว ดูแล้วแปลกประหลาดยิ่งนัก
จวบจนกระทั่งหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เงาก็กลับคืนสภาพเดิมไม่ขยับเขยื้อนไปตามสีหน้าที่ฉายแววเหนื่อยล้านิดๆ ของสวี่ชิง
‘ผ่านการทดสอบรอบที่สองและการทะลวงของคัมภีร์แปรสมุทร การควบคุมเงาของข้าก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว’ สวี่ชิงเงยหน้าขึ้นพลางมองไปยังดวงอาทิตย์ข้างนอก

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา