บทที่ 543 ที่เก่า คนเดิม เรื่องในอดีต (1)
นอกมณฑลรับเสด็จราชัน บนทะเลต้องห้ามสีดำ ระลอกคลื่นซัดขึ้นลง ไอพลังประหลาดเข้มข้นแปรเปลี่ยนเป็นพลังเย็นเยียบ กัดกินเผ่าพันธุ์ทั้งหลายบนทะเล ต่อให้แสงอาทิตย์ยามเที่ยงจะแผ่ความร้อนแผดเผา แต่ก็ไม่อาจหลอมละลายไอพลังประหลาดได้
ทั้งยิ่งสาดส่องลงไปไม่ถึงส่วนลึกของมหาสมุทรอันลึกลับ
เป็นเพราะเหตุนี้ ในเวลาหลายปีมานี้ ตำนานเกี่ยวกับทะเลต้องห้ามมีมากมาย โดยเฉพาะเรื่องสิ่งมีชีวิตคุณสมบัติเทพยิ่งมีมากมายมหาศาล
มีเพียงเผ่าใหญ่บนทะเลหรือผู้บำเพ็ญระดับระดับสูง พวกเขาถึงจะรู้ว่าสิ่งมีชีวิตคุณสมบัติเทพเหล่านั้นแม้จะแข็งแกร่ง แต่ความจริงแล้วใช่ว่าเอาชนะไม่ได้
และเทพเจ้าในฟ้าดินแห่งนี้ไม่ได้มีแค่เสี้ยวหน้าเทพเจ้าเท่านั้น ดังนั้น…ในส่วนลึกของทะเลต้องห้าม สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่สิ่งมีชีวิตคุณสมบัติเทพ แต่เป็นเทพเจ้าที่หลับใหล
เทพเจ้าหลับอยู่บนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้ สามารถพักอาศัยในพระราชนิเวศน์แดนต้องห้ามเซียนได้ สามารถอยู่ในดินแดนกาฬกาลกิณีได้ เช่นนั้นทะเลต้องห้ามที่ล้อมรอบแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ผืนนี้ ย่อมเป็นตัวเลือกในการหลับใหลของเทพเจ้าเช่นกัน
โดยเฉพาะ…ทะเลต้องห้ามกว้างใหญ่นัก
ลำพังเพียงอาณาเขตทะเลระหว่างมณฑลรับเสด็จราชันและทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณก็กว้างใหญ่ไพศาลมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนอกทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณเลย
ความจริงต่อให้ผืนทะเลที่ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณตั้งอยู่ เทียบกับทั้งผืนทะเลต้องห้ามแล้ว ก็นับได้ว่าเป็นแค่ชายฝั่งเท่านั้น
ชื่อในอดีตของทะเลต้องห้ามชื่อว่าทะเลโอฬาร นี่ก็บ่งบอกถึงขอบเขตของมันแล้ว
เหมือนว่าเป็นโลกเองใบหนึ่ง ประจัญหน้ากับแผ่นดินใหญ่ ประจัญหน้ากับท้องฟ้า
ตอนนี้ นอกมณฑลรับเสด็จราชัน ท่ามกลางคลื่นทะเลที่ซัดโหมลูกแล้วลูกเล่า บนท้องฟ้า เรือศึกบรรพกาลสีดำลำหนึ่งกำลังเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
นี่คือเรือศึกบรรพกาลของนายท่านเจ็ด อนุญาตให้สวี่ชิงใช้ที่เขตปกครองผนึกสมุทร
และเรือศึกบรรพกาลมีจิตวิญญาณ ไม่ต้องบังคับเอง ขอเพียงแหล่งกำเนิดพลังเพียงพอ ภายใต้การเพิ่มพลังจากสิทธิ์อำนาจ ใครก็ล้วนควบคุมได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ทั้งนั้น
คนที่ร่วมเดินทางมากับสวี่ชิงคือผู้ครองกระบี่พันคนจากเขตปกครองหลวงและนักพรตซือหนาน และยังมีชิงฉินที่สยายปีกบินอยู่บนท้องฟ้าที่สูงขึ้นไปอีก
ภายใต้เสียงแกว๊กๆ หมู่มวลวิหคที่อยู่บนท้องฟ้าก็ไม่กล้าบินบนท้องฟ้าในระดับความสูงที่สบายใจคุ้นเคย ทำได้แค่เลือกที่จะบินต่ำๆ ประเดี๋ยวๆ ก็พุ่งไปในทะเล จับเหยื่อแล้วรีบกลับไปอย่างรวดเร็ว
และก็เพราะเหตุนี้ จึงดึงดูดอสูรคอยาวบรรพกาลมามากมาย พวกมันมักจะแหวกผิวน้ำขึ้นมาในชั่วพริบตา กัดนกที่บินต่ำ แล้วทิ้งตัวลงไปยังผิวน้ำ เกิดเป็นคลื่นที่ลูกใหญ่ยิ่งกว่าเดิม
สวี่ชิงยืนอยู่บนหอคอยของเรือศึกบรรพกาล สายตาจับจ้องไปบนผิวน้ำ มองอสูรคอยาวบรรพกาลที่สร้างคลื่นลูกใหญ่ เขานึกถึงภาพแต่ละฉากๆ ที่ตัวเองออกเดินทางสู่ทะเลครั้งแรกในตอนนั้นขึ้นมา
นานหลังจากนั้น สวี่ชิงก็ดึงสายตากลับมา มองหนามก้างปลาที่ถืออยู่ในมือเล่มนี้
ภายใต้แสงอาทิตย์ หนามสีดำเล่มนี้ เหมือนเป็นหลุมดำ ขณะเดียวกับที่ดูดซับแสง ระลอกคลื่นที่แผ่ออกมาจากในนั้นยิ่งน่าครั่นคร้าม
นอกหอคอยมีผู้ครองกระบี่จำนวนไม่น้อย หลังจากสัมผัสรับรู้ล้วนสีหน้าเคร่งขรึม มีเพียงสวี่ชิงทางนี้ เนื่องจากกายเนื้อ ดังนั้นถืออยู่ในมือแม้จะมีความรู้สึกกดดัน แต่ที่มีมากกว่านั้นคือความรู้สึกที่มีแหล่งต้นกำเนิดพลังเดียวกัน
ตอนนี้จ้องเพ่งหนามเคราะห์หายนะ ดวงตาสวี่ชิงฉายแววขบคิด หลังจากนั้นเขาพลันเอ่ยขึ้นมา
“โหยวหลิงจื่อ”
ทันใดนั้น เหล็กแหลมสีดำก็พุ่งออกมาจากในถุงเก็บของของสวี่ชิง ลอยอยู่ข้างหน้าเขา ขณะที่สั่นเทา ก็ปรากฏเงาร่างบรรพจารย์สำนักวัชระออกมา ก่อนจะโค้งคารวะสวี่ชิง
“นายท่าน!”
ในใจของบรรพจารย์สำนักวัชระตอนนี้วิตกกังวลกระวนกระวายจนถึงขีดสูงสุด ความรู้สึกเหมือนเคราะห์มหันตภัยกำลังจะมาเยือนรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง เสียงก็สั่นสะท้าน ในใจเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เขารู้สึกว่าขอเพียงตัวเองไม่ขยันก็จะต้องถูกสวี่ชิงฆ่าตายแน่นอน ความคิดนี้มาจากนิสัยของเขาหยั่งรากฝังลึก ดังนั้นทุกครั้งที่สวี่ชิงพลังบำเพ็ญยกระดับขึ้น ความจริงเขาล้วนอกสั่นขวัญแขวน
และวันนี้ การปรากฏขึ้นของก้างปลา ทำให้เขารู้ว่าอะไรที่จะต้องเผชิญสุดท้ายก็มาเยือนจนได้
แม้ตัวเองจะทุ่มเทสุดกำลังหายใจ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจตามฝีเท้าของสวี่ชิงได้ทัน
ไม่ใช่เขาไม่ขยัน แต่อีกฝ่ายเดินเร็วเหลือเกิน
“นายท่าน ข้าเตรียมพร้อมแล้ว ในนิยายที่ข้าอ่านชั่วชีวิตนี้ ตัวละครหลักทุกตัวในนั้นล้วนหนึ่งวันพลังบำเพ็ญยกระดับพันลี้ คนธรรมดายากจะคอยติดตามไปชั่วชีวิต
“นี่ยิ่งเป็นการบอกว่านายท่านเป็นตัวตนที่เหมือนกับตัวละครหลักในนิยาย
“แต่ข้ารู้ ข้าจะเป็นตัวถ่วงของท่านไม่ได้ ข้าไม่ปรารถนาสิ่งอื่น ขอเพียงนายท่านเห็นแก่ความจริงจังตั้งใจของข้าในหลายปีที่ผ่านมานี้ ให้ข้าตายอย่างไม่ทรมาน
“หากมีชาติหน้า ข้าจะต้องติดตามนายท่านของข้าอีกแน่นอน คอยปรนนิบัติรับใช้ มองท่านเดินไปยังจุดสูงสุดของฟ้าดิน”
บรรพจารย์สำนักวัชระใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ต่อให้เป็นเวลานี้ สายตาที่เขามองไปทางสวี่ชิงก็ยังแฝงไว้ด้วยความจงรักภักดี นี่คือโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่เขาคิดว่าจะช่วยชีวิตตัวเองไว้ได้…
เขารู้ว่าตัวเองรู้ความลับมากมาย หากเปลี่ยนเขาเป็นสวี่ชิงก็จะต้องเกิดจิตคิดสังหารอย่างแน่นอน จึงพยายามทำให้สวี่ชิงประทับใจหวั่นไหว ให้สวี่ชิงเห็นแก่ความเหนื่อยยากลำบากที่ตนกระทำมาทั้งหลาย เก็บความคิดสังหารลงไป
หากภายใต้การทำให้ใจอ่อนได้สำเร็จ เกิดความคิดวู่วามปล่อยให้ตนเป็นอิสระ เช่นนั้นก็สมบูรณ์แบบยิ่ง
สวี่ชิงมองบรรพจารย์สำนักวัชระด้วยความหมายล้ำลึกผาดหนึ่ง
เขาสัมผัสไม่ได้ถึงความจงรักภักดีของอีกฝ่าย แต่เขาเห็นการกระทำที่เป็นจริงของบรรพจารย์สำนักวัชระในหลายปีมานี้ ช่วยเหลือสนับสนุนตนมามากมาย
บุญคุณความแค้นในตอนนั้นก็หักลบได้แล้ว
อย่างไรเสีย เหล็กแหลมก็ไม่พอที่จะทนรับพลังบำเพ็ญของตนได้ ต่อให้ทำการหลอมอีกครั้ง แต่เทียบกับก้างปลาแล้ว ระดับขั้นห่างกันไม่น้อยเลย
ดังนั้นวันนี้ เดิมสวี่ชิงคิดจะปลดผนึกให้อีกฝ่าย ปล่อยให้เป็นอิสระ ตัดสิ้นกรรมเวร ส่วนความลับ เขามีวิธีอื่นๆ ในการป้องกัน
แต่คำพูดของบรรพจารย์สำนักวัชระทำให้สวี่ชิงหลังจากที่คิดๆ แล้วก็เก็บคำพูดที่จะพูดออกไป ดวงตาฉายแววเคร่งขรึม เขาคิดว่าตัวเองบางทีอาจจะให้โอกาสอีกฝ่าย
ในขณะเดียวกับที่บรรพจารย์สำนักวัชระวิตกกังวล ก็แอบลอบถอนหายใจ
เขาคิดว่าคำพูดของตัวเองได้ผล ดาวพิฆาตดวงข้างหน้าดวงนี้หวั่นไหวแล้ว แววเคร่งขรึมในดวงตาตอนนี้ก็คือหลักฐาน อีกฝ่ายกำลังชั่งน้ำหนักคุณงามความชอบของตนว่าสามารถหักล้างกับความตายได้หรือไม่

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา