บทที่ 546-2 มารฟ้าชิงอายุขัย ปราณที่สิบสามปรากฏ (2)
ในขวดใบแรกบรรจุศพของผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิดเผ่าพรางมารยาที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งเอาไว้
นี่คือศพที่นายท่านเจ็ดหาอยู่นานถึงจะหาให้สวี่ชิงได้ อย่างไรเสียเผ่านี้ก็พบเห็นได้ยาก
ประโยชน์ของมันคือเพิ่มพลังพรางมารยาของสวี่ชิง ทำให้เขาสามารถชิงปราณของศัตรูมาได้
ในขวดที่สองเป็นคลื่นวนสีเลือดที่ฉายความศักดิ์สิทธิ์ออกมาลูกหนึ่ง
นี่คือไขกระดูกที่นายท่านเจ็ดหลอมออกมาจากก้างปลาเทพเจ้า เพราะเทพเจ้าแดนต้องห้ามเซียนแตกดับ ทุกอย่างขององค์ท่านไร้เจ้าของ สามารถใช้ได้อย่างวางใจ
วิธีการใช้มันก็พิเศษมาก ต้องใช้ปราณมรรคาสวรรค์ของสวี่ชิงหลอมผสานมัน หลังจากนี้ก็จะใช้พลังมรรคาสวรรค์ดูดเอาอายุขัยสวรรค์ในปราณของศัตรูมาได้
ขวดใบที่สาม ในนั้นมีผีร้ายแดนกาฬกาลกิณีแสนตนบรรจุอยู่
ตอนนั้นไป๋เซียวจัวใช้ก้างปลาสามอันรวมกับวิญญาณจื่อชิงในการกำหนดสถานที่เป้าหมาย สุดท้ายก็เปิดช่องในแดนกาฬกาลกิณีได้ช่องหนึ่ง ทำให้วิญญาณร้ายมหาศาลลงมาเยือน แม้จะถูกย้ายไปยังโลกวิญญาณบรรพกาลอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังเหลืออีกจำนวนหนึ่งอยู่ข้างนอก
วิญญาณเหล่านี้ไม่เพียงแค่ดุร้ายน่าหวาดกลัวเท่านั้น ยิ่งมีความคิดฟุ้งซ่านมหาศาล ความทรงจำก่อนและหลังตาย ทำให้พวกมันตกอยู่ในความบ้าคลั่งอยู่ทุกชั่วขณะ
ภายหลังนายท่านเจ็ดหาเจอ ผสานพวกมันไปในขวดใบเล็กที่พิเศษใบนี้ทำการหลอม
ทันทีที่จิตฟุ้งซ่านของผีร้ายแดนกาฬกาลกิณีในนั้นถูกหลอม พวกมันจะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ของร่างมารฟ้า แม้สังหารผีร้ายในแดนกาฬกาลกิณีมากเกินไปจะถูกแดนกาฬกาลกิณีทำเครื่องหมายสัญลักษณ์ แต่ร่างของสวี่ชิงพิเศษ ขอเพียงแค่จำนวนไม่มหาศาลเกินไป ก็จะไม่เป็นไร
สวี่ชิงมองพวกนี้ ในใจซาบซึ้ง ยิ่งมีความเข้าใจต่อคำว่าคิดค้นให้โดยเฉพาะได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เคล็ดวิชามารฟ้าชิงอายุขัยเท่ากับนำความสามารถที่สวี่ชิงมีทั้งหมดทำให้ยอดเยี่ยมขึ้นในระดับสูงสุด รวมกับปรับสมดุล สุดท้ายก็เกิดเป็นวิชาเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์
‘ทุกอย่างล้วนมีการเตรียมการ ตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือการผจญเคราะห์ปราณก่อกำเนิดครั้งสุดท้ายของข้า’ สวี่ชิงสัมผัสปราณที่สิบสามของตัวเองเล็กน้อย ท่ามกลางความรางเลือนก็สัมผัสอะไรได้ ภายในไม่กี่วันจะมีเคราะห์มา
สวี่ชิงถือขวดใบเล็กวิญญาณแดนกาฬกาลกิณีขึ้นมา ตรวจดูเล็กน้อย รู้สึกว่าความเร็วในการหลอมค่อนข้างช้าเนิบ
“ต้องใช้เวลาหลายเดือนถึงจะได้…” สวี่ชิงพึมพำ ไม่นานนักแววตาฉายประกายเย็นเยือก เขานึกออกวิธีหนึ่ง
ในตอนที่ในใจเขาขบคิดถึงความเป็นไปได้ แผ่นหยกสื่อเสียงก็สั่น หลังจากสวี่ชิงนำออกมาดูก็เห็นว่าผู้ที่สื่อเสียงมาคือโหวเหยา
สวี่ชิงเงียบนิ่งไปหลายอึดใจ ผสานประสาทสัมผัสเทพเข้าไป เอ่ยอย่างเคารพนอบน้อม
“คารวะเจ้าเขตปกครอง”
เสียงของโหวเหยาดังก้องในจิตใจของเขา
“สวี่ชิง
“ติดต่อมู่เยี่ยได้แล้ว”
สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง
“ตอนนี้ทุกอย่างราบรื่น มู่เยี่ยทำตามข้อเสนอของพวกเรา จะผลักดันมอบพื้นที่เขตปกครองของรัฐสายลมสวรรค์ให้แก่เขตปกครองผนึกสมุทรเรา
“แต่ว่ายังมีปัญหาอีกจุดหนึ่ง เขตปกครองนี้ห่างจากเขตปกครองผนึกสมุทรเราค่อนข้างไกล ไม่ได้เป็นพื้นที่ติดต่อกัน ไม่มีความหมายสักเท่าไร”
โหวเหยาเอ่ยอย่างสงบนิ่ง ไม่ได้พูดอะไร หลังจากบอกเรื่องเกี่ยวกับมู่เยี่ยแล้ว เขาก็บอกสวี่ชิงเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขตปกครองผนึกสมุทรในตอนนี้เล็กน้อย รวมถึงเรื่องที่การเข้าเป็นพวกของต่างเผ่าและสามมณฑลขององค์ชายเจ็ดยังไม่คืนกลับมาด้วย
เขาใช้วิธีของตัวเองถ่ายทอดสถานการณ์โดยรวมให้สวี่ชิง
ทั้งหมดไม่พูดถึงผืนอินทนิลเลย สวี่ชิงก็ไม่ได้ถาม ทั้งสองรู้กระจ่าในใจงแต่ไม่พูดออกมา และสำหรับสวี่ชิงก็เคารพนอบน้อมโดยตลอด
ความเคารพนอบน้อมนี้ทำให้บนใบหน้าของโหวเหยาที่จวนเหยามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา
เขานึกย้อนถึงอดีตของสวี่ชิง โดยเฉพาะหลังจากที่ฐานะของสวี่ชิงเปลี่ยนไป พบว่าตลอดมา อีกฝ่ายแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไร
“ยึดมั่นปณิธานดั้งเดิมหาได้ยากยิ่ง”
โหวเหยาพึมพำในใจ จบสิ้นการพูดคุยกับสวี่ชิง
สวี่ชิงวางแผ่นหยกลง มองไปทางจวนเหยา
วิธีการของโหวเหยา แม้จะมีบางแห่งที่ยังต้องหารือปรับปรุง แต่ไม่ว่าอย่างไร ผู้ที่มีความคิดล้ำลึกเช่นนี้ดูแลปกครองเขตปกครองผนึกสมุทร ก็ทำให้คนรู้สึกมั่นคงไร้กังวล
เงื่อนไขคือ ต้องเชื่อใจเขา
นานจากนั้นสวี่ชิงถึงได้ดึงสายตากลับมา มีนายท่านเจ็ดอยู่ นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เขาควรไปขบคิด แม้โลกภายนอกจะเล่าลือกันว่าตำแหน่งฐานะของเขาสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง แต่สวี่ชิงรู้ดี ไม่ว่าอย่างไร ตัวเองก็เป็นเพียงแค่ระดับก่อกำเนิดลวงเท่านั้น
หากมองว่าสิ่งที่คนอื่นคิดเป็นเรื่องที่ถูกแล้ว แน่นอนควรเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เช่นนั้นก็จะสูญเสียปณิธาน อุดมการณ์ดั้งเดิมของตัวเองไป
คนเช่นนี้สวี่ชิงไม่ชอบ เขาก็ไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นคนทีตัวเองเกลียด
เขาจึงทำทุกอย่างเหมือนกับในอดีต รักษาความเคารพนอบน้อมเอาไว้ รักษาความระมัดระวังเอาไว้ ไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นบุคคลยิ่งใหญ่
มีเพียงในด้านมุมมองและความคิด เขาพยายามไปดูดซับความรู้ทุกอย่างจากโลกภายนอก ทำให้ตัวเองยิ่งสมบูรณ์แบบขึ้นอีก
ตอนนี้เก็บแผ่นหยกลงไป สวี่ชิงหลับตานั่งสมาธิ ทั้งกายและใจจมอยู่ในการบำเพ็ญเพียร
เวลาไหลผ่านไปเช่นนี้
สามวันหลังจากนั้น บนท้องฟ้าเหนือวังครองกระบี่มีคลื่นวนเมฆเคราะห์ปรากฏขึ้น ท่ามกลางการหมุนวนเสียงดังครืนครันเลื่อนลั่น สายฟ้าทางหนึ่งพลันฟาดลงมา พุ่งตรงไปยังตำหนักอาลักษณ์ที่สวี่ชิงอยู่
ปราณที่สิบสามของสวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้ก็ลอยขึ้นฟ้า เผชิญกับอัสนีสวรรค์
ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง พลังเคราะห์อัสนีปกคลุมไปรอบปราณของสวี่ชิง แปรเปลี่ยนเป็นแสงคลื่นทรงวงรีเป็นทางๆ แผ่ซ่านมา จากนั้นอัสนีสวรรค์ทางที่สองที่ยิ่งมีพลังปะทุบ้าคลั่งก็พลันฟาดลงมา
จิตสังหารก็พวยพุ่งจากปราณที่โจมตีเป็นหลักของสวี่ชิง ในดวงตาของเขาฉายแววดุดัน พลันเงยหน้าขึ้น พุ่งไปบนท้องฟ้า เผชิญหน้ากับเคราะห์สวรรค์
เสียงดังก้องไปทั่วสารทิศ ดึงดูดความสนใจจากผู้คนในเมืองหลวงเขตปกครอง โดยเฉพาะวังครองกระบี่ยิ่งเป็นเช่นนั้น พวกเขารู้ นี่คือทัณฑ์ลิขิตสวรรค์ปราณก่อกำเนิดของสวี่ชิง อัสนีจากเคราะห์แรกมีทั้งหมดสามทาง
แม้ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝันนั้นน้อยมาก แต่นายท่านเจ็ดและจื่อเสวียน ต่างเงยหน้าต้องเพ่งมาจากคนละที่ เตรียมพร้อมที่จะลงมือช่วยเหลือสนับสนุน
จวบจนเคราะห์อัสนีทางที่สามฟาดลงมา หลังจากปกคลุมปราณโจมตีของสวี่ชิง จากเสียงกรีดหวีดแหลมที่ปราณส่งเสียงออกมา เคราะห์สวรรค์ก็สิ้นสุด เมฆหมอกสลายไป แสงพรายรุ่งสาดทอลงมา ก่อเป็นพลังอายุขัยสวรรค์ ซัดโหมเข้าไปในกายปราณที่สิบสามของสวี่ชิง
ครั้งนี้ พลังอายุขัยสวรรค์ที่ฟาดลงมาเทียบกับเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงของปลัดเขตปกครองเมื่อตอนนั้นแล้วน้อยกว่ามากๆ อย่างไรเสียหนึ่งปราณผจญเคราะห์ระดับความยากน้อยที่สุด ดังนั้นผลเก็บเกี่ยวย่อมไม่อาจเทียบกับสิบสองปราณผจญเคราะห์ได้
แต่ว่านี่ก็ไม่เป็นไร เคล็ดวิชามารฟ้าชิงอายุขัยจะทำให้การฝึกฝนภายหลังจากนี้ของสวี่ชิงจะชดเชยพลังอายุขัยสวรรค์ แต่เขาในตอนนี้ในที่สุดก็ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญระดับก่อกำเนิดลวงอีกต่อไป
ในตำหนักอาลักษณ์ จากการกลับมาของปราณโจมตีเป็นหลักของสวี่ชิง ก็ผสานเข้าไปในร่างกายทันที สวี่ชิงลืมตา ในดวงตาฉายประกายแสงสีม่วง เอ่ยพึมพำเสียงเบา
“ปราณ!”
สิบสามวังบริบูรณ์ เปลี่ยนเป็นปราณแล้วทั้งหมด ผจญเคราะห์ครั้งที่หนึ่งแล้วทั้งหมด
‘เช่นนั้นก็เหลือเพียงแค่ขั้นตอนสุดท้าย ก็จะสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชามารฟ้าชิงอายุขัยได้แล้ว!’
สวี่ชิงเอาขวดยาลูกกลอนที่อาจารย์มอบให้ออกมา

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา