เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 569

บทที่ 569-2 อาวุธเทพเจ้าเหนือหัวสะกดที่ราบแดนเหนือ (2)

แต่เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายของทั้งสองแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก คล้ายได้รับการเสริมพลังครั้งใหญ่มา

เห็นสีหน้าพวกเขา นายกองก็ถอนหายใจ เอามือไพล่หลังเดินไปข้างหน้า

“พวกเจ้าตามมา เดินเบาๆ หน่อย อย่าทำให้พวกวิญญาณโบราณใต้ธารน้ำแข็งพวกนั้นตกใจ แม้ข้าจะมีวิธีสะกด แต่เราต้องไปให้ถึงที่หมายก่อน”

หนิงเหยียนกับอู๋เจี้ยนอูรีบเดินตามด้านหลังไป โดยเฉพาะอู๋เจี้ยนอูที่เลิกขับกลอนแล้ว ตอนนี้มองไปรอบด้านอย่างกังวล เหมือนแค่ลมพัดใบหญ้าพลิ้วไหว ก็ทำให้เขาสะดุ้งตัวโยนได้ทันที

หนิงเหยียนเหลือบมอง เหยียดหยามในใจ มือใหญ่ตบลงบนท้องก็มีเถาวัลย์เส้นหนึ่งปรากฏขึ้นมาถือแกว่งเล่น ทำทีไม่สนใจ

เมื่อทั้งสามคนเดินไกลไปเรื่อยๆ ท่ามกลางลมหนาว ก็มีเสียงทอดถอนใจของนายกองดังมา

“พวกเจ้าน่ะ สู้อาชิงน้อยไม่ได้เลย เฮ้อ ข้าคิดถึงอาชิงน้อยของข้าจริงๆ

“ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง คงกินไม่อิ่มนอนไม่หลับเป็นแน่”

อีกด้าน สวี่ชิงที่นายกองคิดถึง กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนธารน้ำแข็งใต้ดินที่ห่างจากทะเลสาบระยะหนึ่ง มองไปทางธารน้ำแข็ง

เขารออยู่นานแล้ว จะผ่านตามเวลาที่นัดหมายไว้ครึ่งวัน แต่ร่างยักษ์ใต้ธารน้ำแข็งก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

สีหน้าสวี่ชิงเรียบเฉย ถอนสายตากลับมา เฝ้ารอต่อไป

กล่าวไว้ว่าหนึ่งวัน เขาก็จะทำตามนั้น

เวลาค่อยๆ ผ่านไปเช่นนี้ จนเกือบจะถึงชั่วยามที่สิบสอง สวี่ชิงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ลุกขึ้นยืน คารวะไปทางธารน้ำแข็ง

“ผู้อาวุโส ถึงเวลาแล้วขอรับ”

“เจ้าถอยไปพันจั้ง” ใต้ธารน้ำแข็ง มีเสียงแผ่วเบาของรัฐทายาทเจ้าเหนือหัวดังออกมาเลาๆ

เมื่อสวี่ชิงได้ยินก็ถอยออกไปแปดพันกว่าจั้งทันที ขณะที่เขายังครุ่นคิด จู่ๆ ใต้ธารน้ำแข็งด้านหลังก็มีเสียงครืนครันดังลั่นราวสายอัสนีสนั่นไปทั่วสารทิศ

ธารน้ำแข็งยิ่งสั่นสะเทือน พื้นน้ำแข็งตลบม้วน และมีแสงสีน้ำเงินสว่างขึ้นมากะทันหันใต้ธารน้ำแข็ง เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ

และต้นกำเนิดแสงน้ำเงินนี้ ก็คือตะปูที่อยู่กลางหน้าผากของยักษ์ตนนั้น

ตอนนี้ตะปูกำลังสั่นไหวรัวเร็ว ลอยขึ้นมาทีละชุ่นๆ ราวกับมีพลังวูบหนึ่งผสานอยู่ด้านใน ดึงมันออกจากกลางหน้าผาก

และทุกครั้งที่ลอยขึ้นมาหนึ่งชุ่น แสงสีน้ำเงินก็จะสว่างขึ้นหนึ่งส่วน การสั่นสะเทือนบนพื้นก็เช่นกัน

ระหว่างที่คลุมเครือ คลื่นพลังน่าครั่นคร้ามวูบหนึ่งก็ปะทุขึ้นมาจากใต้ธารน้ำแข็ง

ความแข็งแกร่งของคลื่นพลังนี้ สวี่ชิงสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็ตื่นตระหนก ทำให้เขารู้สึกว่าเหนือกว่าของวิเศษเวทผนึกต้องห้ามของเขตปกครองผนึกสมุทรเสียอีก กระทั่งระหว่างทั้งสองอย่างนี้ราวกับหิ่งห้อยกับดวงอาทิตย์

แตกต่างกันฟ้ากับเหว

ยิ่งมีกลิ่นอายโบราณบรรพกาลแผ่ซ่านออกมาจากด้านใน

ทั้งหมดนี้ ทำให้สวี่ชิงต้องถอยหลังไปอีก จนตอนที่ถอยมาถึงร้อยลี้ก็ยังคงใจสั่นสะท้าน ขณะเดียวกัน เพราะคลื่นพลังที่แผ่ออกมา ผนึกต้องห้ามพระจันทร์สีชาดก็จำแลงออกมาด้วย

มองไป แสงสีชาดเจิดจ้าสะกดแสงสีน้ำเงินในโลกที่ไกลออกไป เมื่อมันสัมผัสกันยิ่งทำให้ธารน้ำแข็งยิ่งสั่นไหว รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นหลายทาง เหมือนฟ้าจะถล่มดินจะทลาย

ไม่นานนัก เสียงคำรามต่ำเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นในใจสวี่ชิง

‘ช่วยข้าสะกดที!’

สวี่ชิงกัดฟัน ในเมื่อเขาเลือกจะอยู่ต่อ ย่อมรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการให้ตนทำอะไร จึงไม่ลังเล ยกมือขวาขึ้นกดไปบนธารน้ำแข็งใต้เท้า

อำนาจเทพพระจันทร์สีม่วงในร่างกายระเบิดออกมา ส่งผลกระทบกับผนึกต้องห้ามพระจันทร์สีชาดอีกครั้ง

สิ่งที่เขาจะทำ ไม่ใช่การเปิดช่องโหว่ผนึกต้องห้ามพระจันทร์สีชาด แต่เป็นการรบกวน ทำให้การโคจรของมันมีช่องโหว่ ส่วนสุดท้ายอีกฝ่ายจะทะลวงออกมาได้หรือไม่ สวี่ชิงไม่สามารถชี้ขาดเรื่องนั้นได้

แต่สำหรับรัฐทายาทเจ้าเหนือหัว สวี่ชิงถือว่าเป็นตัวสำคัญอย่างยิ่ง การรบกวนและการส่งผลกระทบนี้ คือความแตกต่างกระหว่างศูนย์และหนึ่ง

ก่อนหน้านี้ ความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จของเขาคือศูนย์

ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว

พริบตาต่อมา เสียงครืนครันที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมเสียงหนึ่งดังออกมา ธารน้ำแข็งยิ่งปริแตกของแผ่ลามออกไปเป็นวงกว้าง แสงสีน้ำเงินเจิดจ้าไปถึงขีดสุดแล้ว ขณะที่ตะปูดอกนั้นถูกดึงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็ถูกถอนออกมาจากหน้าผากศพ

พริบตาที่ปรากฏขึ้น ทั่วทั้งที่ราบน้ำแข็งแดนเหนือก็กลายเป็นสีน้ำเงินในพริบตา

ภาพนี้ ดึงดูดความสนใจจากสำนักและเผ่าต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในที่ราบน้ำแข็งแดนเหนือ จู่ๆ โลกของพวกเขาก็กลายเป็นสีน้ำเงิน ในใจก็อดสงสัยไม่ได้

พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ความพรั่นพรึงกับแรงกดดันที่รุนแรงนี้ แผ่ซ่านออกมาจากในแสงสีน้ำเงิน ปกคลุมอาณาเขตของที่ราบน้ำแข็งทั้งหมด

เสียงปริแตกดังขึ้นในพริบตานี้ ครืนครันกึกก้องยิ่งกว่าทัณฑ์สวรรค์

ส่วนลึกธารน้ำแข็ง ตะปูที่แผ่แสงน้ำเงินไร้ที่สิ้นสุดดอกนั้น ก็แผ่กลิ่นอายที่น่าครั่นคร้ามของมันออกมาจนหมด ค่อยๆ เปลี่ยนทิศทาง ชี้ปลายตะปูไปยังผนึกต้องห้ามพระจันทร์สีชาดด้านบน

ขณะที่แสงของมันเจิดจ้าถึงขีดสุด ตะปูสีน้ำเงินก็พลันพุ่งออกไป

มาพร้อมกับพลังพุ่งไปด้านหน้าไม่หวนคืน มาพร้อมกับเผด็จการทำลายล้าง พุ่งไปยังผนึกต้องห้ามพระจันทร์สีชาด

พริบตาที่สัมผัสกัน ขณะที่สีแดงน้ำเงินตัดสลับเปล่งประกายสีม่วงออกมาเล็กน้อย ขณะที่ไม่ยอมกัน เสียงคำรามต่ำเสียงหนึ่งดังกึกก้อง

“หล่อหลอมเขตแดน กำเนิดฟ้าทมิฬ อาวุธเทพจำแลง เจ้ายินยอมถูกกักขังหรือ มีข้าช่วย ถ้าไม่ระเบิดตอนนี้ ต้องรอถึงเมื่อไร!”

ตะปูสีน้ำเงินสั่นไหวอย่างรุนแรง คลื่นพลังวิญญาณศัสตราแฝงความไม่ยินยอมก็ปะทุขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ปราณกลืนกินภูเขาแม่น้ำ รวมพลังไว้ที่ปลายแหลมคม ปะทุพลังน่าครั่นคร้าม

ทะลวงผนึกต้องห้ามด้วยพลังทำลายล้าง!

ฟ้าดินเปลี่ยนสี พสุธาถล่มทลาย เมื่อตะปูสีน้ำเงินพุ่งขึ้นฟ้า ก็ตั้งตระหง่านอยู่บนท้องนภา!

ปรากฏสู่โลกอีกครั้ง

บทที่ 569-2 อาวุธเทพเจ้าเหนือหัวสะกดที่ราบแดนเหนือ (2) 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา