บทที่ 570 พวกเจ้าดูสิ บนตะปูนั่นมีคนใช่หรือไม่ (1)
ในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา ไม่มีพระอาทิตย์ของจริงอยู่ ที่นี่มืดมิดอยู่ตลอดเวลา มีเพียงสามเดือนที่เพลิงสวรรค์ผ่านฟ้าเท่านั้น ถึงจะทำให้ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ส่องแสงสว่างเจิดจ้า
เพียงแต่ประกายแสงนั่นเป็นสัญลักษณ์แห่งความตาย
ไม่ใช่ทุกเผ่าจะสามารถปรับภาพได้เข้ากับสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้ ดังนั้น ท่ามกลางการทำลายล้างสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย แล้วฟื้นฟูกลับมาใหม่อีกครั้งครั้งแล้วครั้งเล่า มีเผ่าพันธุ์ใหญ่บางเผ่าให้กำเนิดผู้ที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมโดดเด่นออกมา
พวกเขาเสนอแนวความคิดดวงอาทิตย์จำลอง และเพราะความแข็งแกร่งของเผ่าในแต่ละรุ่นๆ สุดท้ายก็สร้างดวงอาทิตย์ของเผ่าตัวเองได้
เพียงแต่ความร้อนแผ่ออกไปไม่ได้ไกลมาก แต่ปกคลุมพื้นที่ขั้วอำนาจของเผ่าเท่านั้น พลังก็ไม่อาจเทียบได้กับแสงอาทิตย์กล้า แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทำได้ถึงจุดนี้ก็มากพอที่จะมอบความคุ้มครองให้กับเผ่าได้แล้ว
เผ่าพันธุ์เช่นนี้ได้เป็นทูตเทวะย่อมมีจำนวนมากแน่นอน ดังนั้นทุกครั้งที่ชื่อหมู่มาเยือน แม้เผ่าพันธุ์จะถูกกวาดล้าง แต่ดวงอาทิตย์ยังคงอยู่ และการพัฒนาการฟื้นฟูก็จะเร็วยิ่งกว่าเดิม
วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา วันเวลาเนิ่นนาน แผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรามีทั้งหมดเก้าเผ่าที่สร้างดวงอาทิตย์จำลองได้ เนื่องจากอุบัติเหตุบางอย่าง ดับไปสามดวง ตอนนี้ยังเหลืออีกหกดวง
ดวงอาทิตย์จำลองของเผ่าตะวันเดียวดายก็เป็นหนึ่งในนั้น ขณะเดียวกันก็ใช้เวลาสร้างน้อยที่สุด ว่ากันว่าในตอนที่สร้างตอนนั้นมีผู้ลึกลับช่วยเหลือ
และเมื่อหลายเดือนก่อน ดวงอาทิตย์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าของพวกเขาก็หายไปเองอย่างน่าแปลกประหลาด เหตุการณ์ทั้งหมดกะทันหันมาก แม้ว่าเผ่าตะวันเดียวดายจะป้องกันเข้มงวดเพียงใดก็ไร้ประโยชน์
ราวกับว่าดวงอาทิตย์ดวงนี้ซ่อนอำพรางไปเอง
ตอนนี้มันปรากฏบนท้องฟ้าของเศษเสี้ยวโลกใบใหญ่
“ไอ้พวกตาแก่หนังเหนียวตายยากเผ่าตะวันเดียวดายตอนนั้นยืมของของข้าไปแล้วไม่คืน เฮอะๆ พวกเขาไม่รู้ว่าข้าน่ะจงใจ” นายกองเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ที่อยู่ไกลๆ ในใจสบายใจนัก
“ช่วยข้าเลี้ยงอย่างดีเลย”
บนท้องฟ้า ประกายแสงกะพริบวูบวาบ นี่เป็นดวงอาทิตย์ที่นายกองปล่อยออกมา สาดประกายแสงเจิดจ้าพร่างพราย ยิ่งมีความร้อนแผ่ออกมาจากในนั้น ทำให้ฟ้าดินในเสี้ยวขณะนี้เหมือนว่าก้าวเข้าสู่ฤดูร้อน
ความอบอุ่นเพิ่มขึ้นทันที อีกทั้งความร้อนแผดเผายังพวยพุ่งสูงขึ้น เวลาเพียงสิบกว่าอึดใจ ความร้อนที่แผ่ออกมาจากดวงอาทิตย์น่าครั่นคร้ามนัก
ไอน้ำนับไม่ถ้วนลอยขึ้นมาจากชั้นน้ำแข็ง ธารน้ำแข็งนิรันดร์แห่งนี้เกิดสัญญาณหลอมละลาย
แต่ว่าเห็นได้ชัดว่าเทียบกับธารน้ำแข็งเศษเสี้ยวโลกใบใหญ่แล้ว ดวงอาทิตย์จำลองยังไม่พอที่จะทำให้ธารน้ำแข็งหลอมละลายทั้งหมดได้ นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมนายกองต้องมาที่ภูเขาน้ำแข็งลูกนี้
“ละลายแค่ที่นี่ก็พอแล้ว!” นายกองตาเป็นประกาย ยกสองมือขึ้นโบกไปทางท้องฟ้า ตะโกนเสียงดังขึ้นมา
“เจ้าอ้วนน้อย ตรงนี้ๆ ส่องตรงนี้”
ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าพลันสั่นสะเทือน แสงและความร้อนในนั้นแผ่ออกมา รวมมาจากทั่วทุกสารทิศ ทุกที่ที่ผ่าน ธารน้ำแข็งเริ่มละลายเป็นบริเวณหย่อมๆ เผยให้เห็นร่องรอยอันน่าตื่นตะลึง
สุดท้าย ความร้อนจากแสงทั้งหมดล้วนรวมมาบนธารน้ำแข็งที่นายกองอยู่
หนิงเหยียนและอู๋เจี้ยนอูรู้ถึงพลังของดวงอาทิตย์ดวงนี้ จึงถอยห่างไปไกลตั้งนานแล้ว ส่วนนายกองผมและคิ้วไหม้ทันที ทั้งคนดูแล้วแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
แต่เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย เสื้อผ้าบนร่างของเขาก็เป็นเหมือนอย่างเคย สีหน้าฉายความโล่งสบาย
“แต่เดิมยังเย็นๆ อยู่บ้าง แต่ตอนนี้อุ่นขึ้นมาไม่น้อยเลย”
ส่วนภูเขาน้ำแข็งใต้เท้าเขา หลังจากรวบรวมแสงความร้อนมาที่นี่ก็เริ่มละลาย น้ำแข็งสีดำยังไม่ทันจะไหลก็กลายเป็นไอทันที
ยอดภูเขาน้ำแข็งสูงลูกนั้นหดเล็กลงอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่นานนัก ชั้นน้ำแข็งก็เผยให้เห็นโพรงขนาดร้อยจั้ง หมอกในนั้นลอยขึ้นอยู่ตลอดเวลา ความลึกเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ ละลายลงไปข้างล่าง กลิ่นอายโบราณเก่าแก่เป็นระลอกๆ แผ่ซ่านออกมาจากชั้นน้ำแข็งที่ละลาย
หนิงเหยียนและอู๋เจี้ยนอูมองทุกอย่างนี้ ในยามที่สยดสยองหวาดหวั่น เสียงครืนครันก็ดังก้องมาจากในโพรงชั้นน้ำแข็ง
ชั้นน้ำแข็งสีดำนี้ ในเสี้ยวขณะนี้ละลายจนถึงก้นบึ้งทันที!
เผยให้เห็นแผ่นดินของจริงในนั้นที่ไม่เคยเผยให้เห็นในฟ้าดินมาเนิ่นนานหลายปี
เพียงแต่เทียบกับธารน้ำแข็งสีดำของโลกทั้งใบแล้ว โพรงขนาดร้อยจั้งก็เหมือนกับรูเข็ม ดังนั้น แม้จะถูกทะลุผ่านไป แต่ความเย็นที่มาจากรอบๆ ก็ยังทำให้เกิดการผนึกแช่แข็งอีกครั้ง
นายกองไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ตอนนี้สีหน้าตื่นเต้น ก้มหน้าลงไปอย่างรวดเร็ว
อาศัยแสงอาทิตย์ แผ่นดินในจุดลึกโพรงน้ำแข็งร้อยจั้งนี้ยิ่งชัดเจนมากขึ้น สามารถมองเห็นบนดินสีดำมีร่องสีเลือดที่เป็นลำดับเป็นเป็นเส้นๆ
ร่องเหล่านี้เรียงกันอย่างแน่นขนัดอยู่ด้วยกัน เหมือนว่าเป็นส่วนหนึ่งของลายนิ้วมือขนาดมหึมา!
เหมือนว่ามีฝ่ามือของผู้สูงส่งคนหนึ่งกดฝ่ามือลงมา ซัดไปยังแผ่นดินของโลกใบใหญ่แห่งนี้ ทำลายสรรพชีวิตทั้งปวง ทิ้งรอยฝ่ามือสีเลือดของตัวเองเอาไว้
ลายที่นี่เป็นเพียงแค่มุมหนึ่งของลายนิ้วมือหนึ่งในนั้นเท่านั้น
“พี่เจี้ยนเจี้ยน หนิงหนิงน้อย เร็วเข้า เอาหนังวิเศษของข้าออกมา”
นายกองหลังจากยืนยันว่าไม่ผิดก็ตะโกนขึ้นมา มือทั้งสองยกขึ้นควบคุมดวงอาทิตย์สุดกำลัง ความร้อนมากกว่าเดิมแผ่ออกมา สกัดกั้นการผสานตัวกันใหม่อีกครั้งของโพรงที่นี่
หนิงเหยียนและอู๋เจี้ยนอูก็ไม่กล้าชักช้า พวกเขาสมาธิตั้งมั่นมาโดยตลอด ตอนนี้เมื่อได้ยินก็ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น หนิงเหยียนเพียงสะบัดมือก็เอาหนังสีเหลืองอ่อนผืนหนึ่งออกมา
หนังผืนนี้ไม่เล็กเลย กางออกมีขนาดใหญ่ถึงหลายสิบคนขนาดนั้นเลยทีเดียว ทั้งผืนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า บนนั้นยังมีร่องรอยของการเย็บต่อขนาดใหญ่
ส่วนที่มาที่ไปของวัสดุหนัง เนื่องจากเย็บได้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นเวลาเพียงสั้นๆ ยากที่จะดูออก
อู๋เจี้ยนอูก็รีบมาทันที คว้าหนังผืนนี้ไว้พร้อมกับหนิงเหยียน ทั้งสองคน คนหนึ่งอยู่ซ้ายคนหนึ่งอยู่ขวา ใช้แรงกางหนังผืนนี้ออกจากทั้งสองข้าง หันเข้าหาโพรงชั้นน้ำแข็งข้างล่าง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา