เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 574

บทที่ 574 พรหมลิขิต อัศจรรย์จนไม่อาจพรรณา (1)

“ไม่ใช่ข้า!” หนิงเหยียนในใจตื่นกลัว พูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“เป็นทางที่ข้าอยู่ทางนี้ใช่หรือไม่ จะต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ!”

หนิงเหยียนรีบขยับมายังข้างอู๋เจี้ยนอู

แต่ในขณะที่เขาขยับ เข็มของเข็มทิศชี้นำสายโลหิตของนายกองก็ขยับตามไปด้วย ยังคงจับเป้าหมายหนิงเหยียน

สีหน้าของนายกองเปลี่ยนมาเคร่งขรึม มองหนิงเหยียนอย่างมีความหมายลึกล้ำแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงราบเรียบ

“เอามา!”

อู๋เจี้ยนอูก็หน้าเปลี่ยนสี พลันหันไปมองหนิงเหยียน เอ่ยขึ้นตามสัญชาตญาณ

“ได้บุตรยามชรา ดุจพฤกษาออกผลยามต้นแก่ เวลาหมุนผันแปร ไม่แน่ว่าจะเป็นบิดาเจ้า”

หนิงเหยียนสะดุ้ง ไม่มีจิตใจไปสนใจอู๋เจี้ยนอู ตอนนี้สีหน้าฉายความงุนงงสับสนออกมา ในใจเกิดคลื่นซัดโหมกระหน่ำ

เดิมเขาคิดว่าเป็นบริเวณที่ตัวเองอยู่ซ้อนทับกับโจรขุดสุสาน แต่ตอนนี้ดูแล้ว เป้าหมายของเข็มนั่นก็คือตนชัดๆ

นึกถึงความหมายที่ทุกอย่างที่นี่แสดงออกมา หนิงเหยียนลนลานแล้ว รีบร้อนอธิบายตะกุกตะกัก

“ศิษย์พี่เอ้อร์หนิว ไม่ใช่ข้าจริงๆ นะ ข้า…ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”

ในดวงตาสวี่ชิงฉายแววแปลกประหลาด ไม่พูดอะไร ส่วนนายกองเลิกคิ้ว

“เอาออกมาเร็วๆ เข้า!”

“เอาอะไรออกมาเล่า เราสองคนไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดจริงๆ”

หนิงเหยียนใบหน้าทุกข์ระทม ร่างสั่นสะท้าน

นายกองขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ

“ข้าย่อมรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่เจ้า ข้าจะไปมีผู้สืบสายเลือดรุ่นหลังแบบเจ้าไปได้อย่างไร ข้าให้เจ้าเอาหนังวิเศษของข้าออกมาต่างหาก!”

หนิงเหนียนได้ยินก็ะท้านเฮือกทั้งร่าง รีบเอาหนังวิเศษของนายกองออกมาจากถุงเก็บของ วัตถุชิ้นนี้อยู่กับเขาที่นี่มาโดยตลอด ทันทีที่เอาออกมาแล้วโยนไป เข็มจานเข็มทิศนมือนายกองก็หมุนเร็วจี๋

เห็นภาพฉากนี้ ในที่สุดหนิงเหยียนก็โล่งอก ก่อนหน้านี้เขาตกใจจริงๆ

อู๋เจี้ยนอูแอบเสียดาย พึมพำเสียงเบา

“ดินทลายฟ้าถล่มร่วงตก วิหคตื่นตกปอดแหกฉี่ราด น่าอนาถเรื่องเล็กเท่าขี้ผง”

หนิงเหยียนฟังไม่เข้าใจ แต่สัมผัสได้ถึงคำเสียดสีที่อยู่ในนั้น ดังนั้นจึงมองไปอย่างโมโห

อู๋เจี้ยนอูถลึงตาใส่ อสูรร้ายเล็กใหญ่ข้างกายเหล่านั้นต่างถลึงตามองไปเช่นกัน

หนิงเหยียนเงียบนิ่ง

ส่วนนายกอง เขาไม่สนใจความขัดแย้งระหว่างสองคนนี้ เขาเก็บหนังวิเศษลงไป หาการชี้นำของสายเลือดอีกครั้ง ไม่นานนักก็จับเป้าหมายไปที่ทางหนึ่ง

“ไป อยู่ทางนั้น!

“ข้าจะดูสิว่า ไอ้ตัวที่มันสิงร่างชาติที่แล้วของข้ามันเป็นตัวบ้าอะไรกัน!”

พูดแล้วนายกองก็ท่าทางดุดัน พุ่งตรงไปยังทางออกของสุสาน

สวี่ชิงก้าวเท้าไหววูบออกไป ตามติดอยู่ข้างหลัง ระหว่างทางเขามองเจ้าเงาที่อยู่ใต้เท้า แล้วสัมผัสก้างปลาในถุงเก็บของเล็กน้อย ระแวดระวังพวกมันเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วนเพราะเรื่องของนายกองเรื่องนี้

สัมผัสได้ถึงจิตเทพของสวี่ชิง เจ้าเงาตัวสั่น บรรพจารย์สำนักวัชระในก้างปลาก็สั่นสะท้านเช่นกัน ต่างแผ่ระลอกคลื่นประจบประแจงออกมา

สวี่ชิงสีหน้าแปลกประหลาด ในใจแอบขบคิดควรเรียนวิชาพันธนาการบางอย่าง เพื่อเพิ่มการป้องกันเจ้าเงากับบรรพจารย์สำนักวัชระให้มากยิ่งขึ้น

เขาไม่มีจิตคิดร้ายต่อผู้อื่น แต่จะทำพลาดเหมือนนายกองไม่ได้เด็ดขาด

ขณะที่ขบคิดนี้ คนทั้งหลายภายใต้การนำของนายกองก็ออกไปจากสุสาน เมื่อมาถึงโลกภายนอกก็เป็นเวลาเช้าตรู่แล้ว

รุ่งอรุณจากดวงอาทิตย์จำลองแผ่แสงออกมาจากที่ไกลขับไล่ความมืดมิดออกไป ทำให้ฟ้าดินเกิดประกายแสง พืชพรรณเขียวชอุ่มในเทือกเขาปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ร่องรอยเด่นเจน พลังชีวิตเข้มข้น เทียบกับโลกอันทุกข์ระทมแห่งนี้แล้ว พลังชีวิตพวกนี้มีเสี้ยวขณะหนึ่งทำให้สวี่ชิงรู้สึกว่าเหมือนไม่ใช่ของจริง

แต่ไม่นานนัก จากแสงสว่างที่ส่องประกายเจิดจ้า ทุกอย่างฟื้นคืนสู่ปกติ และก้อนหิน ภูเขาบนภาคพื้นก็ไม่ดูแปลกประหลาดชั่วร้ายเหมือนภูตผีปีศาจแล้ว

เพียงแต่ พวกนายกองที่อยู่ใต้แสงอาทิตย์ อารมณ์แตกต่างกันไป

นายกองร้อนรน อู๋เจี้ยนอูเสียดาย หนิงเหยียนหวาดหวั่นสะท้านใจ สวี่ชิงนั้นระแวดระวังรอบตัว เขาไม่คิดว่าครั้งนี้จะราบรื่นแบบที่นายกองพูดแบบนั้นจริงๆ

อย่างไรร่างเมื่อชาติที่แล้วของนายกองไปจากที่นี่นานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ต่อให้ยังอยู่ในเทือกเขามิรู้สิ้นนี้จริงๆ ก็จะต้องมีการวางค่ายกลอะไรมากมายแน่นอน

“มีความเป็นไปได้สูงมากที่อีกฝ่ายจะรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่กลับชาติมาเกิด นั่นก็หมายความว่าจะต้องเดาได้ว่าวันหนึ่งศิษย์พี่ใหญ่จะกลับมา

“เช่นนั้นเขาจะต้องระมัดระวังตัวมากอย่างแน่นอน”

สวี่ชิงพึมพำ ไล่ตามนายกองที่นำทางอยู่ข้างหน้า บอกเรื่องพวกนี้ที่ตัวเองคิดออกไป

นายกองได้ยินก็พยักหน้า เรื่องพวกนี้เขาก็เคยคิดเช่นกัน แค่เขาก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวเอง ตบไหล่สวี่ชิง เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม

“ศิษย์น้องเล็ก ไม่ว่าไอ้ตัวบ้านั่นมันวางแผนอะไร มีเรื่องหนึ่งที่มันไม่อาจแก้ไขได้ นั่นก็คือ ขอเพียงแค่ข้าสัมผัสมัน ข้าจะต้องมีวิธีพันธนาการมันเอาไว้ได้อย่างแน่นอน!

“ข้ามีนิสัยหนึ่งคือทุกครั้งหลังจากที่กลับชาติเกิดล้วนหลอมร่างของตัวเองทันทีในเสี้ยวพริบตาแรกที่เกิด เตรียมเอาร่างมาเป็นอาวุธอยู่ตลอดเวลา

“ดังนั้น ร่างชาติที่แล้วของข้าร่างนี้ หนีไม่พ้นมือของข้า”

สวี่ชิงมองนายกองแวบหนึ่ง ประเมินตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ครั้งนี้ก็เช่นกันหรือ

“แน่นอนอยู่แล้ว อาชิงน้อย ตอนนั้นที่เขตปกครองผนึกสมุทร ข้าเตรียมปลดผนึก เตรียมเรียกร่างชาติที่แล้วทั้งหมดมา ข้าไม่ได้โม้นะ แต่ร่างชาติที่แล้วทุกร่างของข้ามาเยือน เทพเจ้าเมื่อเห็นยังต้องเรียกพี่ชาย”

นายกองเอ่ยอย่างหยิ่งทะนง

สวี่ชิงยิ้ม นิสัยชอบคุยโวโอ้อวดของนายกองนี้เขารู้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่ ในประโยคนี้ฉายความเป็นห่วงเป็นใยต่อเขาออกมา สวี่ชิงสามารถสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน

บทที่ 574 พรหมลิขิต อัศจรรย์จนไม่อาจพรรณา (1) 1

บทที่ 574 พรหมลิขิต อัศจรรย์จนไม่อาจพรรณา (1) 2

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา