บทที่ 575 เป็นความผิดของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวทั้งหมด (1)
เสียงอ่อนโยนดังมาจากท้องฟ้า มาพร้อมด้วยเสียงร่ายบทกวีต่ำทุ้มดังก้องไปทั่ว
“เมฆสูงกลางนภา ดุจภูผาตั้งตระหง่านฟ้า ศิลาในใจข้า อยู่สูงกว่าปฐพี!”
สวี่ชิงอึ้ง นายกองแปลกประหลาด อู๋เจี้ยนอูพลันเงยหน้ามองไปทางหญิงกลางท้องฟ้า เลิกคิ้ว เอ่ยเสียงราบเรียบ
“เขาเขียวเงียบนิ่งไร้วาจา ดุจราตรีไกลห่างรางเลือน แสงเดือนหายลับร้างไกล ใครผู้ใดรู้แจ้งกระจ่าง”
“เป็นข้าที่เสียมารยาทแล้ว เจ้าเรียกข้าว่าอวิ๋นเสียจื่อก็ได้” เห็นได้ชัดว่าหญิงกลางคนฟังกลอนของอู๋เจี้ยนอูออก ได้ยินดังนั้นก็เอ่ยเสียงแผ่วเบา
ครั้งนี้เป็นตาอู๋เจี้ยนอูอึ้งตะลึงบ้างแล้ว
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน สายลมอ่อนโยนพัดมา หญ้าเขียวบนภูเขาไหวเอน เมฆหมอกบนท้องฟ้าเหมือนอยู่กลางสายลมจะเคลื่อนตัวเร็วขึ้น พัดผมของคนทั้งหลาย และพัดหัวใจของอู๋เจี้ยนอูสั่นไหว
เขาคิดไม่ถึงว่า ในฟ้าดินนี้จะมีคนที่ฟังเข้าใจกลอนของตัวเองจริงๆ ชื่นชมในความเก่งกาจสามารถของเขา คนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันผู้นี้ทำให้เขาเหลือเชื่อนัก
ต้องรู้ว่านับแต่ที่เขาเริ่มเลียนแบบจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว ทุกคนที่ได้พบในชาตินี้ล้วนเข้าใจในตัวเขาผิดทั้งนั้น แม้แต่อาจารย์ของเขาเองก็เช่นกัน
แต่เขาก็ยึดมั่นในความคิดของตัวเองมาโดยตลอด จดจำประเพณีตกทอดของจักรพรรดิโบราณจนขึ้นใจ ตลอดทางที่เดินมาจนถึงตอนนี้ เขาชินกับความต้อยต่ำของมนุษย์โลก และชินกับการไม่เป็นที่ยอมรับแล้ว
จวบจนกระทั่งตอนนี้…
ในดวงตาทั้งสองของอู๋เจี้ยนอูฉายประกายแรงกล้า เขาเงยหน้า มือไพล่หลัง ลมพัดเส้นผมของเขาปลิวพริ้ว พัดอาภรณ์ของเขาสะบัด
แต่ทุกอย่างนี้เขาล้วนไม่สนใจ เขามองหญิงกลางคนกลางอากาศคนนั้น เอ่ยเสียงต่ำทุ้มออกไป
“ขุนเขามหาสมุทรในเก้าทวีปล้วนสูงใหญ่ เมฆหมอกคลุมเครือรางเลือนคือสะพานเต๋าอย่างนั้นหรือ”
ผู้หญิงเกิดความสนใจ ร่างลอยต่ำลงมาจากกลางอากาศ มายืนอยู่ข้างหน้าอู๋เจี้ยนอู
แสงอาทิตย์ส่องบนร่างของนาง สะท้อนชุดนักพรตเรียบง่ายของนางเหมือนเกิดประกายแสงพรายรุ้ง ใบหน้าที่พอมีความงามบ้าง และเนื่องจากแสงในดวงตาดูแล้วยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์อย่างเซียน
นางพยักหน้าเล็กน้อย
“คุณชายเดาได้ถูกต้องแล้ว ข้าคือเจ้าสำนักของสำนักบุปผาหยินหยางทางใต้”
อู๋เจี้ยนอูดวงตาฉายประกายประหลาด เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“เมื่อวานสายลมดาราพัดมาเมื่อใด ไม่ทราบว่าธารสวรรค์มีสุนัขแมวร่วงลงมาหรือไม่”
ผู้หญิงยิ้ม
“ข้าเข้าใจแล้ว” พูดแล้ว นางก็หันหลัง สะบัดมือ ทันใดนั้นม่านแสงประตูสำนักก็แหวกออกเป็นช่องทางหนึ่ง เปิดออกจากทั้งสองฝั่งอย่างรวดเร็ว ยิ่งมีเสียงระฆังสามครั้งดังมาจากยอดเขา
พิธีต้อนรับเช่นนี้ไม่ใช่พิธีเล็กๆ แล้ว
สวี่ชิงกับนายกองเหม่อลอยโดยสมบูรณ์ หนิงเหยียนก็อึ้งตะลึง ในใจสับสนงุนงง
เขามองอู๋เจี้ยนอู แล้วมองไปทางเจ้าสำนักคนนั้น เขารู้สึกว่าสมองทั้งสองคนนี้จะต้องมีปัญหาหนักอย่างแน่นอน
ไม่ใช่แค่หนิงเหยียนที่คิดเช่นนี้ ลูกศิษย์ทั้งสามที่เฝ้าประตูตอนนี้ในใจก็ว้าวุ่นปั่นป่วนเช่นกัน สำหรับคำกลอนของอู๋เจี้ยนอู เขาฟังไม่ออกแม้เพียงนิดเดียว แต่เจ้าสำนักของตัวเองกลับเหมือนว่าจะเข้าใจกระจ่างจริงๆ
นี่ทำให้พวกเขาอดคิดถึงข่าวลือของเจ้าสำนักตัวเองในสำนักขึ้นมาไม่ได้ ว่ากันว่าผู้ที่เจ้าสำนักเคารพบูชาที่สุดคือจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวเผ่ามนุษย์ ชอบคนที่มีความสามารด้านกลอนกวี กระทั่งว่าปกติแล้วยังแต่งกลอนออกมาด้วย
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาทั้งสามก็เคารพนอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง หลีกทางอย่างรวดเร็ว แอบๆ มองอู๋เจี้ยนอู
“คุณชาย เชิญ!”
หญิงวัยกลางคนคนนั้นเอ่ยเสียงแผ่วเบา ไม่ดูถูกเนื่องจากพลังบำเพ็ญของอู๋เจี้ยนอูห่างชั้นกับตัวเองเลยแม้แต่น้อย กระทั่งว่าในสายตาของนาง ผู้บำเพ็ญที่พลังบำเพ็ญสูงพวกนั้นมีมากมาย แต่ในโลกนี้คนที่มีความสามารถด้านกลอนกวีช่างน้อยนัก
ดังนั้นในสายตานาง สวี่ชิงกับนายกองล้วนเป็นเพียงแค่ตัวขับเน้นเท่านั้น
อู๋เจี้ยนอูสีหน้าภาคภูมิองอาจ อกผายไหล่ผึ่งเชิดหน้าเดินไปข้างหน้า ตลอดทางมีอวิ๋นเสียจื่อคอยเคียงข้าง นางปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพมีมารยาทมาก
ทั้งสองอยู่ข้างหน้า หลังจากสวี่ชิงกับนายกองต่างมองหน้ากันก็เดินตามอยู่ข้างหลังอย่างเชื่อฟังว่าง่าย หนิงเหยียนกำลังจะตามไป แต่อู๋เจี้ยนอูฝีเท้าพลันหยุดชะงัก เอ่ยอย่างสงบนิ่ง
“ครึ่งแผ่น หนึ่งแผ่น สองสามแผ่น สุนัขเตี้ยต้องก้มมองถึงจะเห็น!”
อวิ๋นเสียจื่อได้ยินก็หันหน้าไปมองหนิงเหยียน
หนิงเหยียนสั่นสะท้าน ไม่รอให้ได้อ้าปาก ม่านแสงก็ปรากฏขึ้นข้างหน้าเขาอย่างรวดเร็ว สกัดกั้นเขาไว้ข้างนอก
“นี่มันอะไรกัน นี่ก็ฟังเข้าใจด้วยหรือ เป็นไปไม่ได้!” หนิงเหยียนอึ้งตะลึง เขารู้ว่าอู๋เจี้ยนอูใจคับแคบ แม้ตอนนี้จะโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่ก็ทำได้แค่มองพวกสวี่ชิงทั้งสามคนเดินจากไปไกล
พวกเขาเข้าไปในสำนักบุปผาหยินหยางเช่นนี้เอง ระหว่างทางก็เห็นว่ากลางอากาศมีผีเสื้อหัวเสือฝูงหนึ่งโบยบิน จำนวนมากกว่าในป่าไม่น้อยเลย
มองไกลๆ เหมือนหมอกสีรุ้งผืนหนึ่ง ลอยวนเวียนระหว่างภูเขาสองลูก
นี่ทำให้สวี่ชิงประหลาดใจเล็กน้อย ตลอดทางมาเขาเห็นผีเสื้อประเภทนี้อยู่หลายครั้ง แต่ครั้งนี้มีมากที่สุด และจากแสงแดดที่ลาลับ เขาที่เดินตามอู๋เจี้ยนอูที่อยู่ข้างหน้า จู่ๆ เบื้องหน้าก็รางเลือนเล็กน้อย ทุกอย่างรอบๆ เกิดเงาซ้อนทับ
สวี่ชิงฝีเท้าหยุดชะงัก แต่เสี้ยวขณะต่อมาทุกอย่างก็ฟื้นคืนสู่ปกติ
นายกองอยู่ข้างหน้าหันมามองสวี่ชิงผาดหนึ่ง ในดวงตาฉายความสงสัย
สวี่ชิงส่ายหน้า ดูเหมือนเป็นปกติ แต่ในใจกลับเกิดความระแวดระวังขึ้นอย่างยิ่ง เขารู้ว่าร่างของตัวเองไม่มีปัญหาอะไร แต่ความรู้สึกเหมือนฝันและความรางเลือนข้างหน้าก็เกิดขึ้นอย่างค่อนข้างแปลกประหลาด
แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดอะไรมาก สวี่ชิงก้มหน้า เดินตามต่อไป จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งก้านธูป พวกเขาก็ถูกนำมายังเรือนที่พักแขกของสำนักนี้ เข้าพักอาศัยที่นี่
หลังจากเจ้าสำนักคนนั้นมองพวกอู๋เจี้ยนอูทั้งสามคนเข้าไปในเรือนที่พักแขกแล้วก็หันหลังจากไป
เดินอยู่ในสำนักพลางมีผีเสื้อจำนวนมหาศาลบินมาวนล้อมอยู่รอบกายนาง และในมิติข้างกายนางตอนนี้มีเงาร่างสองร่างปรากฏขึ้น คอยติดตามอยู่ทั้งซ้ายขวา
เงาร่างหนึ่งในนั้นเอ่ยเสียงต่ำทุ้มขึ้นว่า

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา