บทที่ 593 เก็บอาทิตย์ร้อนแรงที่แม่น้ำเซ่นทมิฬ
ทั้งแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา นอกจากที่สุดตะวันตกเฉียงเหนือจะมีเทือกเขาแห่งหนึ่งที่เชื่อมกับดินแดนภายนอก ที่อื่นๆ ล้วนถูกแม่น้ำเซ่นทมิฬล้อมเอาไว้ทั้งหมด
แม่น้ำสายนี้ ล้อมสรรพชีวิตเอาไว้ด้านใจราวกับกักขัง คล้ายกับวงกลมวงหนึ่ง
ที่ที่สวี่ชิงมาถึงตอนนี้ เป็นพื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ของแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา ที่นี่มีภูเขามากมาย พืชพันธุ์บางตา และเพราะอยู่ใกล้แม่น้ำ สายลมที่พัดมาจากแม่น้ำเซ่นทมิฬจึงมีกลิ่นอายความตายกับกลิ่นเน่าคละคลุ้งไปทั่ว
เพียงแต่ในบรรยากาศเยือกเย็นมืดมนเช่นนี้ คำพูดสองแง่สองง่ามเหล่านั้นที่ลอยมาตามลมก็เหมือนกับทำลายความหมองหม่นของที่นี่ ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปในชั่วขณะ
สวี่ชิงสีหน้าแปลกประหลาดเล็กน้อย หลิงเอ๋อร์ก็ยังโผล่หน้าออกมามองไปด้านหน้าอย่างกระดากอาย เอ่ยเสียงแผ่ว
“พี่สวี่ชิง พวกเขากำลังทำอะไรหรือเจ้าคะ”
พูดจบ นางยังใช้คอเสื้อสวี่ชิงปิดบังหน้า
หลี่โหยวเฝ่ยที่อยู่ข้างๆ เขาไม่รู้ว่าสวี่ชิงจะพาเขาไปไหน ยามนี้อยู่ริมแม่น้ำเซ่นทมิฬ เมื่อได้ยินเสียงที่อยู่ไกลออกไปดังมา สีหน้าของเขาก็แปลกประหลาด ถอยหลังไปหลายก้าวตามสัญชาตญาณ รู้สึกไม่เป็นสุขเล็กน้อย
แม้จะรู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นไปได้ แต่เขาก็ยังอดคิดถึงเป้าหมายแท้จริงที่สวี่ชิงให้ยาลูกกลอนบรรเทาทุกข์กับเขาตั้งมากมายขนาดนั้นไม่ได้ แล้วก็การปฏิเสธจิ้งจอกดินอย่างเด็ดขาดของอีกฝ่ายนั่นอีก
‘คงจะไม่ใช่…’ หลี่โหยวเฝ่ยใจสั่นเล็กน้อย ปลอบใจตัวเอง
สวี่ชิงไม่เข้าใจความกระวนกระวายของเขา ยามนี้มองออกไปไกลๆ สังเกตรอบด้าน
บริเวณนี้มีผนึกต้องห้ามอยู่
ประโยชน์ของผนึกต้องห้ามนี้นอกจากอำพราง ยังสกัดกั้นได้ด้วย ไม่ใช่แค่เสียง แต่รวมถึงทัศนวิสัย
ก่อนหน้านี้ตอนที่สวี่ชิงเข้าใกล้ก็สัมผัสได้ มองออกว่านั่นเป็นกับดักที่ใช้เลือดของนายกอง และปล่อยกลิ่นอายของตน ทำให้สามารถเข้ามาได้อย่างไร้อุปสรรค
สายตาสวี่ชิงฉายแววครุ่นคิด หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวเขาก็ย่อตัวนั่งยกมือลูบไปบนพื้น
แทบจะพริบตาที่มือของสวี่ชิงสัมผัส จู่ๆ กรวดบนพื้นก็มีดวงตาดวงหนึ่งผุดขึ้นมา กะพริบปริบๆ ให้กับสวี่ชิง จากนั้นรอบๆ ก็มีดวงตาแบบเดียวกันผุดขึ้นมาเต็มไปหมด
ยิ่งมีหนอนสีน้ำเงินบางส่วนมุดออกมาด้วย
อาณาเขตกว้างใหญ่ครอบคลุมนับพันลี้ ภาพนี้ทำให้หลี่โหยวเฝ่ยที่เห็นใจสั่นสะท้าน ราวกับเข้าใกล้ศัตรูตัวฉกาจ เขารู้สึกจริงๆ ว่าสิ่งประหลาดที่นี่เหมือนกับลมขาวในทะเลทราย แสดงเจตจำนงว่าจะชอนไชเข้ามา
ทั้งหมดนี้ทำให้สวี่ชิงแสดงสีหน้าออกมาเช่นกัน อดระแวงไม่ได้
‘ตอนก่อนที่ศิษย์พี่ใหญ่จะไปบอกว่ามาทำการเล็กๆ…การเล็กๆ อันใด ที่ต้องใช้ผนึกต้องห้ามพันลี้’
ขณะที่สวี่ชิงครุ่นคิด ดวงตาเหล่านั้นรวมถึงหนอนสีน้ำเงินก็ขยับไปมา แผ่คลื่นอารมณ์ดีอกดีใจ ยิ่งมีเสียงนายกองดังกองออกมาจากตัวของพวกมัน
“ฮ่าๆ อาชิงน้อยเจ้ามาแล้ว รีบเข้ามาช่วยพวกเราดึงหน่อย!”
สวี่ชิงสีหน้าแปลกประหลาด แต่ก็ไม่ได้ลังเล ร่างไหววูบก้าวเดินไปด้านหน้า ดวงตากับหนอนริมฝั่งก็หายไปอย่างรวดเร็วจากการเดินไป แหวกเป็นเส้นทางสายหนึ่ง
สวี่ชิงทะยานไปตามทางอย่างรวดเร็ว คำพูดสองแง่สองง่ามกับเสียงหอบหายใจก็ยิ่งชัดเจนขึ้น กระทั่งผ่านไปครึ่งก้านธูป ก็สัมผัสได้ว่าตนเดินเข้ามาหลังม่านที่เหมือนกับผิวน้ำผืนหนึ่ง ที่ที่บดบังไว้ด้านในก็สะท้อนเข้ามาในดวงตาสวี่ชิง
สิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจสวี่ชิงคือที่ริมฝั่งมีสิ่งปลูกสร้างขนาดยักษ์อย่างหนึ่งตั้งอยู่
สิ่งปลูกสร้างนี้คือกรอบประตูขนาดยักษ์ สร้างขึ้นจากหินยักษ์สีสัมฤทธิ์ สูงสามพันจั้ง กว้างหนึ่งพันจั้ง
มันถูกตั้งไว้ที่ริมแม่น้ำราวกับยักษ์บรรพกาลตนหนึ่ง แผ่แรงกดดันที่น่าครั่นคร้ามรวมถึงพลังอำนาจสูงส่ง
กระทั่งมองอย่างละเอียด ยังเห็นว่าบนหินยักษ์สีสัมฤทธิ์ สลักอักขระโบราณนับไม่ถ้วนเอาไว้เต็มไปหมด ให้ความรู้สึกซับซ้อนอย่างยิ่ง
และสิ่งที่ทำให้สวี่ชิงใจสั่นสะท้านที่สุด คือสิ่งที่อยู่ด้านในกรอบประตูนี้ไม่ใช่ประตู แต่เป็นสิ่งประหลาดที่เกิดจากเหล็กสีดำขดเป็นเกลียว
วงกลมด้านบนและล่างเล็กที่สุด ส่วนตรงกลางใหญ่ที่สุด เหมือนเกลียวโลหะทรงกรวย
บนนั้นมีสนิมเกาะ กระทั่งบางส่วนยังเป็นน้ำสีแดงจากแม่น้ำที่หยดย้อยลงมา คล้ายกับเพิ่งตักขึ้นมาจากแม่น้ำได้ไม่นาน
มองสิ่งปลูกสร้างนี้ สวี่ชิงเดาไม่ออกว่ามันคืออะไรกันแน่ จึงเบนสายตาไปริมแม่น้ำข้างๆ แทน นายกองรวมถึงอู๋เจี้ยนอู่อีกทั้งหนิงเหยียนอยู่ตรงนั้น
ทั้งสามคนยืนเรียงกัน นายกองอยู่ด้านหน้าสุด มือจับเถาวัลย์เส้นหนึ่งไว้ หายใจหอบฮัก โก่งตัวเป็นคันธนูออกแรงดึงไม่หยุด
ด้านหลังคืออู๋เจี้ยนอูรวมถึงเหล่าทายาทแปลกประหลาดของเขาพวกนั้น ทุกตัวกำลังออกแรงดึงเถาวัลย์
ส่วนหนิงเหยียนอยู่ด้านหลังสุด เขานั่งอยู่อ้าสองขายันกับพื้น ส้นเท้าจมหายเข้าไปในดินทราย ขณะที่ใช้ประโยชน์จากส้นเท้าที่ยันอยู่กับพื้นมือทั้งสองก็กำเถาวัลย์ที่ท้องแน่น ร้องโอดโอยพลางออกแรง
“อย่า จะขาดแล้วจริงๆ นะ…”
เถาวัลย์นั่นเชื่อมต่อกับท้องของเขา ยืดออกมายาวมาก กระทั่งยื่นไปในแม่น้ำเซ่นทมิฬตรงหน้า
ตอนนี้น้ำในแม่น้ำเชี่ยวกราก เหมือนมีวัตถุทรงกลมขนาดยักษ์ลางๆ กำลังถูกดึงขึ้นมาทีละนิดจากการออกแรงดึงของพวกเขา
“อาชิงน้อย รีบมาช่วยเร็ว”
นายกองสะบัดผม ปาดเหงื่อบนหน้าผากออกไป ร้องเรียกสวี่ชิง
อู๋เจี้ยนอูก็เงยหน้าขึ้น หอบหายใจมองไปทางสวี่ชิง
ส่วนหนิงเหยียนที่หมดอาลัยตายอยากก็โอดครวญขึ้นมา
“ลูกพี่ ช่วยข้า…”
แทบจะตอนที่เขาเอ่ยปาก แสงซับซ้อนสายหนึ่งก็ลอยจากสวี่ชิงทางนั้น เจ้านกแก้วนั่นเอง ยามนี้มันมีขนอ่อนงอกขึ้นมาบ้างแล้ว เพียงแต่ดูน่าเกลียดอย่างยิ่ง
พริบตาที่มันบินมาถึงอู๋เจี้ยนอู ราวกับเด็กน้อยที่หนีพ้นเงื้อมมือมัจจุราชแล้วได้พบกับคนในครอบครัว ร้องไห้จ้าขึ้นมา
“ท่านพ่อ ข้าคิดว่าข้าจะไม่ได้เจอท่านอีกแล้ว”
แต่ไม่ทันได้เล่าประสบการณ์ของตน พ่อของมันก็โยกศีรษะ สลัดมันออกแล้วคำรามเสียงต่ำ
“จิกเจ้าเชือกนี้ แล้วดึง!”
นกแก้วอึ้งตะลึง ในใจโศกเศร้าและขุ่นเคือง ทำท่าเหมือนโลกมนุษย์ไม่คู่ควร แต่ในเมื่อท่านพ่อเอ่ยปากแล้ว มันก็ไม่กล้าไม่เชื่อฟัง จึงทำได้แค่ออกแรงอย่างหมดอาลัยตายอย่างเช่นเดียวกับหนิงเหยียน
พอเห็นเช่นนี้ แม้สวี่ชิงจะรู้สึกสงสัย แต่ก็เดินไปข้างๆ นายกอง จับเถาวัลย์แล้วออกแรงดึง
หลี่โหยวเฝ่ยก็รีบปรี่เข้ามาช่วย ขณะเดียวกันก็ยิ้มให้กับอู๋เจี้ยนอู แล้วเหลือบมองหนิงเหยียน จากนั้นก็มองนายกอง ในใจก็วิเคราะห์ได้ว่าใครในนี้ใครมีสถานะสูงที่สุด
การเข้าร่วมของพวกเขาทำให้มีแรงดึงเพิ่มมากขึ้น น้ำในแม่น้ำยิ่งเชี่ยวกรากโหมซัด ขณะที่เสียงอื้ออึงครืนครัน วงกลมขนาดยักษ์วงหนึ่ง ก็มีขอบส่วนโค้งปรากฏขึ้นมาบนผิวน้ำที่ไกลออกไป
“ศิษย์พี่ใหญ่ เจ้าสิ่งนี้คือ?”
สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง ดึงพลางเอ่ยถาม
นายกองได้ยิน แม้จะหอบหายใจ แต่ก็อดภาคภูมิใจไม่ได้
“อาชิงน้อย เจ้ามาช้าเกินไปแล้ว แต่ไม่เป็นไร ยังถือว่ามาทันเวลา
“เจ้าเห็นกรอบประตูด้านหลังนั่นหรือไม่ ฮ่าๆ เจ้าเดาสิว่านั่นคืออะไร”
สวี่ชิงส่ายศีรษะ ทำหน้างุนงง
เห็นสวี่ชิงแสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยจะได้เห็นออกมา นายกองก็หัวเราะร่า
“นั่นคือดวงอาทิตย์!
“แผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราเคยมีดวงอาทิตย์ที่มนุษย์สร้างขึ้นเก้าดวง สามในนี้มอดดับไปแล้ว เรื่องนี้เจ้าคงรู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ ส่วนกรอบประตูนั่น คือหนึ่งในดวงอาทิตย์ที่มอดดับไปแล้ว!
“และที่พวกเรากำลังลากขึ้นมา คือหนึ่งในสามดวงอาทิตย์ที่มอดดับไปแล้วเช่นกัน
“นี่คือการเล็กๆ ที่ข้าต้องมาจัดการที่นี่
“ฤดูใบไม้ผลิ ข้าจะปลูกเมล็ดพันธุ์ ตอนนี้เป็นช่วงใบไม้ร่วง ข้าจะเก็บเกี่ยวดวงอาทิตย์ทั้งสามนี่เสีย!”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา