บทที่ 612 ดาราลูกกลอนขึ้นเซ่นจันทร์
ในตำหนักขบถจันทร์ เทวรูปนับหมื่น สวี่ชิงเดินออกมา แม้จะไม่มีรัศมีใดสนับสนุน แต่คำพูดที่เขาเอ่ยออกมาประหนึ่งลมพายุพัดหวีดหวิวไปรอบทิศ
เหล่ารูปปั้นรอบๆ สังเกตเห็นทันที
ปรมาจารย์เซิ่งลั่วทางนั้นมองสวี่ชิงผาดหนึ่ง เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ
“ไม่ต้องประลองหรอก ข้าจะให้บทเรียนกับเจ้าก็แล้วกัน หวังว่าหลังจากเรื่องวันนี้ เจ้าจะได้สติ ไม่ค้นคว้าวิถีชั่วร้ายอีก!”
ปรมาจารย์เซิ่งลั่วกล่างจบก็ไม่สนใจสวี่ชิง ขณะที่ยกมือขวาขึ้น เตาหลอมลูกกลอนเหนือศีรษะก็ลอยลงมาที่ฝ่ามือ เมื่อเขาโบก ยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งก็พุ่งออกมาจากด้านในเตาหลอม ลอยอยู่กลางอากาศ
ลูกกลอนนี้คล้ายผลึกวารี หมุนเองกลางอากาศ แผ่เส้นแสงนุ่มนวลออกมาเป็นระลอก ขณะที่หมุนวนไม่หยุด ก็ฉายความงดงามถึงขีดสุดออกมา โดยเฉพาะผิวที่โปร่งใสวาววาม ทำให้ลูกกลอนนี้ราวกับเป็นของล้ำค่า
ยังเห็นได้ว่าด้านในมีหมอกยาลอยอวลเลาๆ ราวกับผสานแดนเซียนเอาไว้ ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
ด้วยระดับความรู้ซึ้งวิถียาลูกกลอนของสวี่ชิง เมื่อมองไป ก็สัมผัสความไม่ธรรมดาของยาลูกกลอนนี้ได้ ขณะเดียวกันก็เข้าใจวิถีลูกกลอนของปรมาจารย์เซิ่งลั่วผู้นี้
‘มีพรสวรรค์มากจริงๆ’ ขณะที่สวี่ชิงพึมพำในใจ ผู้คนรอบๆ หลังจากที่เห็นยาลูกกลอนนี้ก็อุทานออกมา
“นี่ใช่ยาลูกกลอนเสียที่ไหน นี่มันลูกกลอนล้ำค่าชัดๆ!”
“คิดไม่ถึงเลยว่าระดับความรู้ซึ้งวิถียาลูกกลอนของปรมาจารย์เซิ่งลั่วจะพัฒนาขึ้นอีกก้าว มาถึงระดับนี้ได้!”
เสียงอุทานมากขึ้นเรื่อยๆ หากมองยาลูกกลอนเม็ดนี้จากรูปลักษณ์ก็คงสัมผัสความน่าตกตะลึงของมันได้ และผู้ติดตามคนหนึ่งข้างกายเซิ่งลั่ว ตอนนี้ก็ก้าวออกมา แววตาเผยความเคารพ เอ่ยด้วยเสียงอันดัง
“สหายเต๋าทุกท่านคงจะทราบกันดีว่าลูกกลอนชั้นยอด ทุกขั้นตอนล้วนพิถีพิถันถึงจะสมบูรณ์แบบ และยิ่งขัดเกลาก็ยิ่งล้ำค่า หลังจากมาถึงระดับสูงสุด วิถีสวรรค์ต้องประสงค์จะประทานแสงพร่างพรายให้ และยาลูกกลอนเม็ดนี้ของปรมาจารย์เซิ่งลั่วก็ทำให้เกิดแสงพร่างพรายแล้ว!”
เมื่อเขากล่าวออกมา เสียงอุทานและเสียงฮือฮารอบๆ ก็ยิ่งดังขึ้น แต่ละสายตาที่มองไปยังยาลูกกลอนนี้ แฝงความปรารถนาเอาไว้ คำชื่นชมสรรเสริญกึกก้องขึ้นมาทั้งแปดทิศทันใด
กระทั่งผู้ติดตามข้างๆ สวี่ชิง ยามนี้ก็รู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาเช่นกัน ต่างมองหน้ากันไปมา เดิมทีพวกเขาเชื่อมั่นปรมาจารย์ลูกกลอนเก้า แต่จากที่เซิ่งลั่วกล่าวว่าสายลมขาวจะทำให้ตกตายภายในไม่กี่ปี สิ่งนี้ทำให้พวกเขาหวั่นไหว
ตอนนี้เมื่อมองไปยังยาที่ใกล้เคียงกับลูกกลอนล้ำค่า ต่อให้พวกเขาจะเชื่อมั่นลูกกลอนเก้าเพียงใด ก็ยิ่งลังเลมากกว่าเดิม
ท่ามกลางเสียงอุทานของผู้คน รองเจ้าตำหนักสี่บนท้องฟ้า ก็รู้สึกค่อนข้างประทับใจเช่นกัน พยักหน้า
“เป็นลูกกลอนล้ำค่าจริงๆ ปรมาจารย์เซิ่งลั่ว ลูกกลอนนี้สร้างขึ้นเป็นจำนวนมากได้หรือไม่”
เผชิญหน้ากับคำชื่นชมของผู้คนรวมถึงรองเจ้าตำหนักสี่ ใบหน้าของเซิ้งลั่วก็แย้มยิ้ม คารวะไปทางรองเจ้าตำหนักสี่
“รองเจ้าตำหนักสี่ ยาลูกกลอนนี้ย่อมสร้างขึ้นเป็นจำนวนมากได้ขอรับ”
“ยอดเยี่ยม!” รองเจ้าตำหนักสี่อมยิ้ม
ปรมาจารย์เซิ่งลั่วพึงพอใจ หันหน้าไปมองสวี่ชิงที่สีหน้าไร้อารมณ์ เอ่ยเสียงเรียบ
“นี่คือบทเรียนที่ข้าใช้สั่งสอนเจ้า จำเอาไว้ ข้าเป็นผู้บำเพ็ญยาลูกกลอน การค้นคว้าวิถียาถึงจะเป็นสิ่งที่ข้าพากเพียรด้วยตัวเอง เก็บความชาญฉลาดอันน้อยนิดของเจ้า เก็บใจคิดคดของเจ้าลงไป ไม่เช่นนั้นจิตใจจะไร้ซึ่งแสงสว่าง ลูกกลอนที่หลอมออกมาจะไม่มีวันเปล่งแสงพร่างพราย!”
คำพูดของปรมาจารย์เซิ่งลั่วแฝงแววตำหนิ ผู้คนรอบๆ ได้ยินก็มองไปทางสวี่ชิง แต่ละคนสีหน้าแตกต่างกันไป บ้างก็ส่ายหน้า บ้างก็เหยียดหยาม บ้างก็ทอดถอนใจ บ้างก็โกรธเคือง
สวี่ชิงไม่พูดอะไร แค่หยิบยาลูกกลอนคลายคำสาปของตนออกมา โบกมือโยนมันขึ้นไปกลางอากาศ
ยาลูกกลอนนี้สีดำสนิท ไม่มีอันใดน่ามหัศจรรย์ ท่ามกลางฝูงชนก็มีคนอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“เจ้าก้อนดินนี่คือยาลูกกลอนหรือ”
“แค่นี้รึ”
ตอนที่เสียงเยาะย้ายนี้ดังมา สวี่ชิงทำปางมือชี้ ฉับพลันยาลูกกลอนนี้ก็ส่งเสียงแกร๊กๆ มีรอยปริแตกปรากฏขึ้นมา
พริบตาต่อมา จากการที่เปลือกนอกสีดำหลุดร่อน แสงพร่างพรายไร้ที่สิ้นสุดก็แผ่ออกมาจากด้านในประหนึ่งถล่มภูเขาล่มมหาสมุทร สาดแสงเจิดจ้าไปทั่วสารทิศ
แสงสว่างหมื่นจั้ง ไร้ที่สิ้นสุด ราวกับแสงรุ่งอรุณมาเยือน ส่องสว่างความหวังให้กับโลก
แสงทุกทางด้านในราวกับเป็นสายรุ้ง งดงามจับตา
มองไกลๆ ราวกับเกิดทะเลแสงโดยมียาลูกกลอนนี้เป็นศูนย์กลาง สาดส่องไปรอบด้านไม่หยุด สุดท้ายแปรเป็นแสงพร่างพราย
ทันใดนั้น ผู้บำเพ็ญในตำหนักขบถจันทร์ทุกคนที่ให้ความสนใจก็เหม่อลอย ส่วนยาลูกกลอนสองเม็ดบนท้องฟ้า เวลานี้ขอแค่เป็นคนที่มีดวงตาล้วนมองความแตกต่างมหาศาลระหว่างพวกมันออก
ยาลูกกลอนของสวี่ชิง แสงพร่างพรายหมื่นจั้ง ส่วนลูกกลอนของปรมาจารย์เซิ่งลั่ว เดิมก็มีแสงพร่างพรายอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ถูกบดบังไปจนหมด จืดจางไร้ความมหัศจรรย์อยู่ตรงนั้น หากไม่สังเกต เกรงว่าจะไร้คุณค่าที่จะคงอยู่
จนผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีเสียงสูดลมหายใจดังก้องมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นระลอก สุดท้ายก็อุทานเสียงหลงเป็นทอดๆ ดังฮือฮาขึ้นในฝูงชน
“วิถีสวรรค์ประทานแสงพร่างพรายไร้ที่สิ้นสุดหรือ”
“แสงพร่างพรายปานนี้…นี่ไม่ใช่ลูกกลอนไร้เทียมทานที่ปรมาจารย์เซิ่งลั่วเคยพูดถึงหรือ!”
“มีลูกกลอนแบบนี้อยู่จริงๆ หรือ ข้าจำได้แม่นว่ามีเพียงยาลูกกลอนที่รวมขึ้นมาจากดวงชะตารวมถึงความหวังของสรรพชีวิตเท่านั้น ถึงจะได้รับการยอมรับของวิถีสวรรค์และประทานแสงพร่างพรายเช่นนี้ให้!”
ท่ามกลางความตกตะลึงและไม่อยากเชื่อของฝูงชน ปรมาจารย์เซิ่งลั่วอึ้งอยู่ตรงนั้น มองยาลูกกลอนของสวี่ชิงอย่างมึนงง ดวงตาฉายแววไม่อยากเชื่อ อ้าปากพะงาบๆ อยากจะพูดอะไร แต่พูดไม่ออก
ขณะเดียวกัน รูปสลักเทพรองเจ้าตำหนักสี่ที่จำแลงอยู่กลางอากาศก็ลุกขึ้นยืนทันที จ้องไปที่ยาลูกกลอนนั้นเขม็ง สีหน้าประทับใจจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง
“ปรมาจารย์ลูกกลอนเก้า สิ่งนี้…คือลูกกลอนคลายคำสาปหรือ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับสวี่ชิง และเป็นครั้งแรกที่เพิ่มคำว่าปรมาจารย์เข้าไป เมื่อออกจากปากเขา ความหมายก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
สวี่ชิงได้ยินก็พยักหน้า
ขณะเดียวกัน คนที่ตื่นเต้นที่สุดในที่แห่งนี้ก็คือเหล่าผู้ติดตามสวี่ชิง ไม่ว่าจะชายกำยำเพื่อนบ้าน หกตา หรือแม้แต่คนอื่น ในใจพวกเขาล้วนฮึกเหิมถึงขีดสุด
ใจพวกเขาที่สั่นไหวก่อนหน้านี้ ความรู้สึกสงสัย ล้วนถูกความแน่วแน่และความฮึกเหิมแทนที่ทั้งหมดในเสี้ยวขณะนี้
โดยเฉพาะหกตา เวลานี้ตะเบงเสียงสุดความสามารถ



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา