บทที่ 629-2 ปรากฏการณ์แสงประกายอรุณ การใหญ่ของเอ้อร์หนิว (2)
แต่อันที่จริงก็ยังเป็นรัฐทายาทที่นั่งอยู่ตรงนั้นลำพังบ่อยครั้ง
เพราะครึ่งเดือนต่อมา องค์หญิงหมิงเหมยให้ความสำคัญกับหลิงเอ๋อร์อย่างเห็นได้ชัด พาหลิงเอ๋อร์ออกไปข้างนอกหลายครั้ง ทุกครั้งที่กลับมา หลิงเอ๋อร์จะตื่นเต้นอย่างยิ่ง คลื่นพลังบำเพ็ญก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
แต่กรงไก่ลานด้านหลังกลับดึงดูดความสนใจของน้องหญิงห้า นางชอบลูกเจี๊ยบเหล่านี้มาก รับช่วงต่องานของหนิงเหยียนมา
ส่วนผู้อาวุโสแปด หลังจากได้เจอกับทุกคน เขาก็รู้สึกสงสัยในตัวเฉินเอ้อร์หนิวไม่น้อย นายกองก็พยายามประจบเอาใจ ดังนั้นในยามปกติหนึ่งชราหนึ่งหนุ่มจึงพูดคุยกันถูกคอ
ส่วนสวี่ชิงทางนี้ ก็ปรับตัวกับน้ำหนักของดวงอาทิตย์ได้แล้ว ขณะที่พอฝืนรับหมวกบนศีรษะไว้ได้ รัฐทายาทก็พูดถึงการฝึกบำเพ็ญใหม่ของเขา
แตกต่างกับที่ผ่านมา ครั้งนี้องค์หญิงหมิงเหมยก็อยู่ด้วย
“สวี่ชิง วิถีสวรรค์ เขาเทพเตรียมสู่เทวะ รวมถึงปราณก่อกำเนิดที่แปรเป็นกรงของเจ้า สามสิ่งนี้ค่อนข้างพิเศษ หลังจากที่เจ้าทะลวงขั้นพลังบำเพ็ญค่อยไปสัมผัสรับรู้
“และขวดแห่งกาลเวลาของเจ้ารวมถึงแสงประกายอรุณที่เกิดขึ้นจากการแตกดับของดวงอาทิตย์นั่น พี่หญิงสามของข้าเหมาะจะเป็นผู้ชี้แนะให้เจ้ามากกว่า”
รัฐทายาทพูดถึงตรงนี้ ก็มองไปทางพี่หญิงสามข้างๆ
สวี่ชิงที่นั่งตรงข้ามกับรัฐทายาทฟังอย่างตั้งใจ เขาไม่ได้รู้สึกเกินคาดอะไรกับการที่รัฐทายาทเอ่ยถึงรายละเอียดของเขาออกมาทั้งหมดในรวดเดียว เวลานี้ก็มองไปทางองค์หญิงหมิงเหมยเช่นกัน
“ขวดแห่งกาลเวลาเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของราชวงศ์ ข้าก็ไม่รู้ที่มาที่ไปความลึกลับของมันเช่นกัน ทว่าในนั้นแฝงวิชาแห่งกาลเวลาเอาไว้ แต่วิชานี้ใช่ว่าเรียนแล้วจะได้มา เจ้าต้องสัมผัสรับรู้แล้วสลักลงไปในจิตใจเป็นกิจวัตรด้วย กาลเวลานั้นมหัศจรรย์พันลึกอย่างยิ่ง ทุกคนล้วนมีเส้นทางที่แตกต่างกัน”
สายตาองค์หญิงหมิงเหมยกวาดผ่านร่างสวี่ชิง
สวี่ชิงร่างกายแข็งทื่อ รู้สึกเหมือนถูกมองทะลุเข้าไปทุกส่วน
“ตะเกียงชีวิตเจ้า เดินอยู่บนวิถีแห่งกาลเวลาแล้ว ก็จงเดินต่อไป ส่วนเรื่องที่เจ้าไม่ได้มีสายโลหิตเจ้าเหนือหัวอย่างพวกข้าแต่กลับหลอมตะเกียงชีวิตของตัวเองได้ก็ไม่ธรรมดา คิดว่านี่ก็น่าจะเป็นสาเหตุที่รัฐทายาทคาดหวังกับเจ้า”
รัฐทายาทได้ยินก็ยิ้ม
“น่าเสียดายที่สถานที่ที่ผนึกเจ้าเก้า ด้วยความสามารถของพวกเราตอนนี้ยังไปปลดผนึกเงียบๆ ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหากเจ้าเก้าหลุดออกมา ตะเกียงชีวิตเคล็ดเพลิงเทพเจ้าของเขาก็เหมาะกับเด็กคนนี้มากจริงๆ”
พี่หญิงสามพยักหน้า กล่าวต่อ
“ส่วนเรื่องแสงประกายอรุณ แสงนี้พบได้น้อยนัก ข้าก็ไม่ได้ศึกษามัน
“แต่ในตอนนั้นข้าเคยเห็นองค์ชายองค์หนึ่งของจักรพรรดิโบราณมีไว้ในครอบครอง ยามนั้นองค์ชายองค์นั้นสำแดงแสงประกายอรุณ แต่ก็กลายร่างเป็นดวงอาทิตย์ในพริบตาต่อมา
“แม้ยากจะสำแดงพลังทั้งหมดออกมาได้ แต่ก็มีพลังส่วนหนึ่งของดวงอาทิตย์อยู่ รัศมีแสงหมื่นจั้ง ยิ่งใหญ่น่าครั่นคร้าม ทุกเคล็ดวิชาล้วนไม่อาจทำร้ายได้แม้แต่น้อย!
“ดังนั้นเจ้าก็อย่าจำกัดความคิด บางครั้งพลังวิเศษบางอย่างแข็งแกร่งหรืออ่อนแอขึ้นอยู่กับพลังจินตนาการ เจ้าใช้ความสามารถอื่นๆ ของเจ้าควบคู่ไปกับมันด้วยได้”
องค์หญิงหมิงเหมยจ้องมองสวี่ชิง ดวงตาฉายแววคาดหวัง นางรู้ว่าเรื่องนี้พวกนี้พูดออกมาได้ง่าย แต่เมื่อคิดจนเข้าใจและผสานมันกับความรู้ความเข้าใจนั้นความยากอย่างยิ่ง
และวันนี้ สิ่งที่นางจะทำคือทำให้สวี่ชิงตระหนักว่าแสงประกายอรุณประสานงานกับวิหคทองได้ และการประสานงานนี้สามารถระเบิดพลานุภาพที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าออกมา และเป็นวิธีประสานงานที่ดีที่สุด ใช้สิ่งนี้เป็นไม้ตายได้
แต่นางก็ไม่ได้บอกทันที นางจะให้เวลาสวี่ชิงไปขบคิดและย่อยสักพัก รอจนเขาตระหนักได้ถึงสิ่งนี้อย่างแท้จริง อาจตระหนักขึ้นมาด้วยตนเองได้
หากเป็นเช่นนี้ ก็จะส่งผลกระทบได้ลึกซึ้งมากกว่าการที่บอกออกไปตรงๆ
เมื่อสวี่ชิงได้ยินใจก็โหมระลอกคลื่น คำพูดแต่ละคำขององค์หญิงหมิงเหมยสะท้อนก้องในสมองเขาเนิ่นนานไม่จางหายไป
ความรู้สึกกระจ่างแจ้งบางอย่าง เกิดขึ้นมาเองในใจ
ความคิดในสมองก็แล่นพรวดพราดตามมาเช่นกัน วิธีการมากมายผุดขึ้นมา ตีกันและผสมผสานกันไม่หยุด จุดประกายความคิดครั้งแล้วครั้งเล่าขึ้นมา
ผ่านไปสักพัก สวี่ชิงก็ใจปลอดโปร่งโล่งสบาย ความคิดกระจ่างชัดแจ้ง เงยหน้าขึ้นพลัน สายตาเปล่งประกาย สีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง
“ขอบพระคุณผู้อาวุโสขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว!”
ดวงตาสวี่ชิงเปล่งประกาย เมื่อกล่าวออกมา รัฐทายาทที่กำลังจิบชาในใจกลับมีเสียงตึกตัก
ข้าเข้าใจแล้วคำนี้ ทำให้เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี จึงจะพูดอะไรบางอย่าง แต่องค์หญิงหมิงเหมยทางนั้นก็เอ่ยเสียงเรียบ
“โอ้ เจ้าเข้าใจว่าอะไร” ถามจบ นางก็ยกมือหยิบจอกชาขึ้นมา
“ผู้อาวุโส ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านต้องการจะบอกแล้วขอรับ ท่านอยากจะเตือนข้าว่าแสง…ไม่ได้มีเพียงสภาวะเดียว!”
สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก
“อันที่จริงมันสามารถปรับเปลี่ยนสภาวะได้ตามใจนึก และการปรับเปลี่ยน ก็เป็นความสามารถหนึ่งของแสง อีกทั้งเป็นพลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง”
มือที่ถือจอกชาขององค์หญิงหมิงเหมยชะงักไปเล็กน้อย
สวี่ชิงฮึกเหิม กล่าวต่อว่า
“ดังนั้น…ในเมื่อแสงประกายอรุณลบล้างได้ทุกวิชา เช่นนั้นมันย่อมปรับเปลี่ยนได้หมื่นวิธี!
“ไม่ผิดแน่ สิ่งที่ผู้อาวุโสจะสื่อคือ ขีดจำกัดความแข็งแกร่งและอ่อนแอของพลังวิเศษก็คือพลังจินตนาการของข้า ก่อนหน้านี้ข้าค่อนข้างมีขีดจำกัด!
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว แสงประกายอรุณ ไม่ได้วิธีใช้แค่วิธีเดียว
“ข้าควรจะใช้แสงประกายอรุณเลียนแบบเคล็ดวิชาของผู้อื่นด้วย!
“และแสงมีความสามารถในการปรับเปลี่ยน ดังนั้นจะต้องสำเร็จแน่ และสิ่งนี้…ถึงจะเป็นแนวทางที่ถูกต้องของแสงประกายอรุณ!”
สวี่ชิงลุกตัวขึ้นพลัน ในใจเร่าร้อน มองไปยังองค์หญิงหมิงเหมย รอคำวิจารณ์ของอีกฝ่าย
รัฐทายาทเงียบนิ่ง
องค์หญิงหมิงเหมยก็เงียบนิ่งเช่นกัน เหมือนกำลังใคร่ครวญ ผ่านไปหลายอึดใจนางก็หยิบจอกชาข้างๆ ขึ้น พยักหน้าให้
เห็นว่าได้รับการยอมรับ สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก เขารู้สึกว่าองค์หญิงหมิงเหมยตรงหน้าผู้นี้สมกับเป็นผู้ที่ทำให้รัฐทายาทเคารพนับถือ อีกฝ่ายกล่าวเพียงรอบเดียว ทำให้เขาเหมือนได้เห็นแสงสว่างทันที
สวี่ชิงชอบความรู้สึกเช่นนี้มาก ประสานหมัดคารวะองค์หญิงหมิงเหมยแล้วหันหลังเดินไปที่ห้องด้านหลัง เริ่มศึกษา
หลังจากที่เขาจากไป องค์หญิงหมิงเหมยก็วางจอกชาในมือ หันหน้ามองไปทางรัฐทายาทอย่างแฝงความนัย

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา