เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 638

บทที่ 638 มีอยู่ ย่อมมีร่องรอย

นอกแท่นพิธีที่แตกร้าว อู๋เจี้ยนอูตั้งใจศึกษาบทละครให้ความเข้าใจที่ตนมีต่อจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวยิ่งลึกลงไปในตัวละครของตัวเอง

นี่สำหรับเขาแล้วไม่ยาก และไม่ใช่ครั้งแรก

ตอนนั้นในแดนต้องห้ามของสำนักโลกันต์ทมิฬแห่งพันธมิตรแปดสำนัก เขาก็ใช้วิธีคล้ายๆ กันนี้ กระตุ้นระลอกคลื่นพลังของอสรพิษปีศาจตัวนั้น

ส่วนหนิงเหยียนและโยวจิงก็ต่างเริ่มซ้อมบทภายใต้การกำกับของรัฐทายาท

ต้องพูดเลยว่า รัฐทายาทเหมาะที่จะกำกับละครฉากนี้กว่าเฉินเอ้อร์หนิวจริงๆ เพราะภายใต้สายตาของเขาทุกคนต่างทุ่มกันสุดตัว อีกทั้งความเข้าใจในตัวละครของตัวเองก็ยิ่งถึงบทบาท

“ไม่เลว อู๋เจี้ยนอูเจ้าหนูนี่ก็นับว่ามีดีบ้าง ไม่ดูพลังบำเพ็ญ ดูแค่สีหน้าท่าทางและคำพูดจา ก็มีความรู้สึกถึงจักรพรรดิโบราณอยู่หลายส่วนจริงๆ

“หนิงเหยียนก็พอใช้ อย่างน้อยก็แสดงความทรงอำนาจน่าเกรงขามของเสด็จพ่ออกมาได้หลายส่วน

“แต่เทียบกันแล้ว ความเกลียดชังในอารมณ์ของโยวจิงสมบทบาทที่สุด นับว่าเป็นจุดเด่นเลยทีเดียว

“มีเพียงเฉินเอ้อร์หนิวเท่านั้น ที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ค่อนข้างแย่”

รัฐทายาทกับพี่หญิงสาม น้องหญิงห้า และเจ้าแปดนั่งอยู่ตรงนั้น มองผู้เยาว์ที่กำลังซ้อมบทต่างพยักหน้าเล็กน้อย สายตาจับไปที่ร่างของสวี่ชิงที่อยู่ไกลๆ เป็นบางครั้ง เห็นคิ้วของสวี่ชิงทางนั้นที่ประเดี๋ยวๆ ก็ขมวด รัฐทายาทพอใจนัก

“เจ้าหนูนี่ ในที่สุดก็นับว่าทำให้เขารู้สึกยากได้แล้วกระมัง

“แท่นประหารเทพเจ้าที่แปลงมาจากพลังวิเศษของเสด็จพ่อ นั่นรวมไพ่ตายจากพลังบำเพ็ญและประสบการณ์ทั้งหมดของเสด็จพ่อเอาไว้ ไม่ต้องพูดถึงเจ้าหนูนี่ ต่อให้เป็นข้า…ตอนนั้นก็เรียนได้ไม่สำเร็จ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ผ่านไปเนิ่นนาน ที่นี่ก็ร้างไปแล้ว เขาสัมผัสรับรู้อย่างไรก็ไม่มีทางสำเร็จได้ทั้งหมด”

รัฐทายาทส่ายหน้า

“มีเพียงน้องเก้าเท่านั้นที่สืบทอดวิชามา…”

นึกถึงน้องเก้าของตน รัฐทายาทก็ส่ายหน้า เจ้าแปดที่อยู่ข้างๆ ก็พลันเอ่ยขึ้น

“ท่านใจร้ายเกินไปแล้ว ตกลงท่านหวังจะให้เจ้าหนูนี่สัมผัสสำเร็จหรือไม่สำเร็จกันแน่”

รัฐทายาทสีหน้าเคร่งขรึม มองไปทางเจ้าแปด

เจ้าแปดหดศีรษะ รู้ว่าตัวเองพูดผิดไปแล้ว จึงฉายสีหน้าประจบประแจง

“รัฐทายาทกังวลว่าสวี่ชิงจะลำพองในด้านการศึกษาบรรลุ จึงให้เขาสัมผัสถึงข้อบกพร่องของตัวเองที่นี่ เพื่อให้ในอนาคตพัฒนาไปได้ดียิ่งขึ้น

“ขณะเดียวกัน มีประสบการณ์ครั้งนี้ ในอนาคตเมื่อน้องเก้าตื่นขึ้นมาแล้ว ถ่ายทอดวิชาวิชาแท่นประหารเทพให้เขา สวี่ชิงก็จะเรียนได้ง่ายยิ่งขึ้น”

องค์หญิงหมิงเหมยเอ่ยอย่างสงบนิ่ง

น้องหญิงห้าพยักหน้าเล็กน้อย สำหรับสวี่ชิงนางก็ชื่นชมเป็นอย่างมากเช่นกัน

เจ้าแปดลังเล ในใจมีคำพูดที่อยากจะพูดออกไปอยู่ตลอด แต่ไม่กล้า ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็อดไว้ไม่ไหว เอ่ยเสียงต่ำขึ้น

“เช่นนั้นถ้าหากว่า เขาสัมผัสรับรู้จิตสังหารได้สำเร็จขึ้นมาจริงๆ เล่า อย่างไรแต่ก่อนเสด็จพ่อก็เคยพูดไว้ว่า มีอยู่ ย่อมมีร่องรอย”

รัฐทายาทเงียบนิ่ง

องค์หญิงหมิงเหมยก็เงียบนิ่งเช่นกัน

น้องหญิงห้ามองไปทางร่างของสวี่ชิง เอ่ยเสียงเบา

“เช่นนั้นก็หมายความว่าสัมผัสรับรู้ของเขาน่าตื่นตะลึงยิ่งกว่าพี่เก้า พี่เก้าในตอนนั้นถูกมองว่าความสามารถในการศึกษาบรรลุเหมือนกับเสด็จพ่อ…”

มีอยู่ ย่อมมีร่องรอย

ในฟ้าดินแห่งนี้ สิ่งใดที่เคยมีอยู่ล้วนเป็นเช่นนี้ทั้งนั้น

มนุษย์เป็นเช่นนี้ วัตถุเป็นเช่นนี้ เรื่องราวเป็นเช่นนี้ พลังวิเศษก็เป็นเช่นนี้

สายลมจะจดจำทุกอย่าง แผ่นดินก็จะจดจำทุกอย่างเช่นกัน สรรพสิ่งใต้ผืนฟ้าล้วนเป็นเช่นนี้ ต่อให้เวลาผันผ่าน แต่วิธีสวรรค์ก็จะทิ้งร่องรอยประทับเอาไว้

ต่อให้วิถีสวรรค์ลืมเลือนเช่นกัน แต่ใครจะรู้ว่าเหนือวิถีสวรรค์จะมีจิตเจตจำนงที่สูงยิ่งกว่าจดจำฉากแต่ละฉากๆ ในเวลาอันเนิ่นนานเป็นอนันต์หรือไม่เล่า

เพียงแค่ร่องรอยบางอย่างเลือนรางเกินไป ทำให้คนยากจะสัมผัส จะคิดไปตามสัญชาตญาณว่าทุกอย่างล้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้ไม่อาจไปรับรู้ได้

แต่ความจริงอาจไม่ใช่เช่นนั้น

‘สิ่งที่จำกัดความแข็งแกร่งอ่อนแอของพลังวิเศษคือจินตนาการ…’ คำพูดที่มาจากองค์หญิงหมิงเหมยประโยคนี้ มีอิทธิพลต่อสวี่ชิงไม่น้อย และได้เปิดหน้าต่างที่เชื่อมต่อกับฟ้าดินให้กับเขา

ภาพนอกหน้าต่างไม่แน่นอน แต่จินตนาการเป็นตัวกำหนด

ดั่งเช่นในเวลานี้ สวี่ชิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่กลางแท่นพิธีที่แตกร้าวนี้ เขาสัมผัสได้ถึงลม

ในโลกแห่งนี้ จากโลกที่ถูกผนึกไปพร้อมกัน ลมบรรพกาลพัดมา

สวี่ชิงเงียบนิ่ง

เงียบนิ่งไม่ใช่เพียงแค่การเคลื่อนไหวของเขา แต่ยังมีในใจของเขาด้วย ยิ่งเป็นร่างกายของเขา วิญญาณของเขา ตลอดจนทุกสิ่งทุกอย่างของเขา

ล้วนอยู่ในสายลมที่พัดมานี้ ตกอยู่ในความสงบนิ่ง

เสียงทุกอย่างนอกโลก ตอนนี้ล้วนมองไม่เห็น ความเงียบสงัดอย่างแท้จริง ปกคลุมทั้งหมด

ในสมองของเขาว่างเปล่า ไม่มีความคิด มีเพียงความว่างเปล่า

ไร้จิตไร้ความคิด

มีเพียงลมที่พัดมาในยามสัมผัสรับรู้ ไม่พัดให้เส้นผมปลิว ไม่พัดให้เสื้อผ้าปลิว แต่กลับพัดให้ในสมองเกิดระลอกคลื่นน้ำเป็นชั้นๆ วาดเป็นคลื่นเป็นวงๆ

ในยามที่แผ่ระลอกเป็นชั้นๆ ก็มีเงาร่างที่เหมือนน้ำหมึกจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้น

มองเห็นหน้าตาไม่ชัด และไม่มีรูปร่างที่แน่นอน เงารางเลือนจากหมึกพวกนี้ผสานกันไม่หยุด แยกกันไม่หยุด เหมือนกำลังพยายามประกอบกัน คิดจะประกอบภาพที่แท้จริงออกมา

คิดจะแสดงเนื้อหาในความทรงจำของมันให้กับโลกข้างนอก ให้กับผู้คน ให้กับสวี่ชิง

แต่น่าเสียดาย อาจเป็นเพราะร่องรอยที่ซ่อนในห้วงวันเวลารางเลือนเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ลายคลื่นที่ลมพัดมา สุดท้ายก็ไม่อาจแสดงภาพที่แท้จริงออกมาได้

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา