บทที่ 650 แนวคิดใหม่ในดินแดนแห่งเจตจำนงอันมุ่งมั่น
เห็นนายกองตื่นเต้นมีความสุขเช่นนี้ ใบหน้าสวี่ชิงก็เผยรอยยิ้มออกมา
สำหรับตำแหน่งเจ้าตำหนักขบถจันทร์ เขาไม่ได้สนใจอะไร ศิษย์พี่ใหญ่เตรียมการมานานถึงเพียงนั้น หากได้เป็นเจ้าตำหนักขบถจันทร์จริงๆ สวี่ชิงก็ไม่ได้แปลกใจสักเท่าไร
“เช่นนั้นก็ขอแสดงความยินดีกับศิษย์พี่ใหญ่ล่วงหน้า”
สวี่ชิงแย้มยิ้มพลางเอ่ย
นายกองหัวเราะฮ่าๆ
“มีของข้าก็มีของเจ้า ศิษย์น้องเล็ก พวกเราไปเถอะ!”
ขณะพูด ประกายแสงชิ้นกระจกก็พลันฉายวาบ แปรเปลี่ยนเป็นแสงเจิดจ้าผืนหนึ่ง ปกคลุมทั้งสองเอาไว้ เสียงครืนครันดังก้อง เงาร่างสวี่ชิงและนายกองก็หายไปไร้ร่องรอย
ขณะเดียวกัน ในตำหนักขบถจันทร์ เต็มไปด้วยความเงียบเหงาซบเซา
ขุนเขายังคงยิ่งใหญ่อลังการเหมือนเดิม แต่ศาลเจ้าบนนั้นส่วนใหญ่แล้วหมองหม่น
ทิวทัศน์ตระการตาที่แต่ก่อนรูปสลักเทพนับหมื่นพันเดินอยู่บนดินเกาะอยู่บนฟ้า ตอนนี้จากการเกิดขึ้นของสงครามก็ยากที่จะได้เห็น
ผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ทั้งหลาย จิตใจของเขาส่วนใหญ่อยู่ที่การนำกองทัพต่อต้านทำสงครามกับตำหนักเทพพระจันทร์สีชาด เวลาที่มาที่นี่ย่อมลดน้อยลงไป
ดังนั้นตำหนักขบถจันทร์ตอนนี้ดูแล้วจึงเหลือเพียงผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ที่มาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารและทำการค้าเท่านั้น
ไม่ถึงหลายร้อย
สีหน้าพวกเขาเร่งร้อน หลังจากที่ทำการแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการเรียบร้อย ก็มักจะจากไปทันที ไม่มีเวลาให้เสีย เพียงแต่ตอนนี้…พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้ว
กลางท้องฟ้า บนศาลเจ้าขนาดมหึมาทั้งเก้านั่น ตำหนักเทพยิ่งใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนจุดสูงสุดของตำหนักขบถจันทร์ จู่ๆ ก็มีแสงพร่างพรายกะพริบวาบ
ยิ่งมีเสียงดังระเบิดดังเลื่อนลั่นสะท้อนกึกก้อง
ผู้บำเพ็ญที่นี่ต่างใจสั่นสะท้าน เงยหน้าไปตามสัญชาตญาณ
หลังจากเห็นต้นกำเนิดของทุกอย่าง ความตื่นตะลึงก็ปะทุขึ้นมาทันที
“ตำหนักโถงสูงสุด!”
“เกิดอะไรขึ้น ตำหนักโถงสูงสุดที่เป็นสัญลักษณ์ของเจ้าตำหนักขบถจันทร์ไม่หมองหม่นอีกแล้ว แต่กลับส่องแสงเจิดจ้า”
เสียงฮือฮาดังขึ้นไปทั่วทันที ภาพนี้สำหรับผู้บำเพ็ญตำหนักจันทร์แล้วน่าตื่นตะลึงเหลือประมาณ
นั่นคือตำหนักโถงสูงสุด!
ศาลเจ้าสูงสุดที่เป็นตัวแทนของเจ้าตำหนักขบถจันทร์!
และในเวลาเนิ่นนานหลายปี ตำหนักขบถจันทร์ล้วนไม่มีผู้นำสูงสุดที่แท้จริงปรากฏขึ้นมาก่อน ทุกอย่างล้วนเป็นรองเจ้าตำหนักดูแล ออกประกาศ ออกคำสั่ง ดังนั้นความหมายนี้ย่อมมากมหาศาลนัก
แต่ว่าคนเก่าแก่บางคนในนั้น ระลอกคลื่นอารมณ์ในใจพวกเขาแม้จะไม่น้อยเหมือนกัน แต่ก็ไม่ถึงระดับตื่นตะลึง เพราะภาพคล้ายๆ กันนี้ แม้จำนวนครั้งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเนิ่นนานนี้จะไม่บ่อยนัก แต่พวกเขาก็เคยเป็นประจักษ์พยานมาก่อน และมีความเข้าใจเช่นกัน
“มีบุคคลยิ่งใหญ่ทำการทดสอบเจ้าตำหนักอีกแล้ว”
“เหตุการณ์แบบนี้ข้าเคยเจอสองครั้ง น่าเสียดายที่ประตูศาลเจ้าสูงสุดไม่ได้เปิดออกมา ผ่านช่วงหนึ่งก็หมองหม่นไปอีกครั้ง”
“ข้าก็เคยเห็นครั้งหนึ่งเหมือนกัน สุดท้ายเจ้ารองตำหนักห้าเดินออกมาจากศาลเจ้า”
คนเก่าแก่เหล่านี้ทอดถอนใจ และหลังจากที่พวกเขาพูดขึ้น ผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์หน้าใหม่ที่นี่เหล่านั้น ก็มีความเข้าใจขึ้นมา
แต่ว่าความคาดหวังก็ยังคงสูงมากเช่นเดิม แม้จะไม่คิดว่าจะมีผู้นำสูงสุดปรากฏตัวขึ้นจริงๆ แต่ก็มีโอกาสสูงมากว่าจะมีรองเจ้าตำหนักปรากฏขึ้นอีกคน นี่สำหรับตำหนักขบถจันทร์ในวันนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน
ในเมื่อตำหนักขบถจันทร์ตอนนี้ทำสงครามกับตำหนักเทพพระจันทร์สีชาด ตอนนี้มีรองเจ้าตำหนักคนใหม่ปรากฏขึ้น จะช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจได้อย่างมหาศาล
ตอนนี้ไม่นานนักเงาร่างแต่ละทางๆ ก็กลับมายังตำหนักขบถจันทร์จากโลกภายนอกอย่างรวดเร็ว รูปสลักเทพทั้งหลายเดินออกมาจากศาลเจ้า มองไปยังท้องฟ้า เสียงวิพากย์วิจารณ์และเสียงฮือฮาดังเป็นทอดๆ
กระทั่งว่าศาลเจ้ารองเจ้าตำหนักบางแห่งบนท้องฟ้าก็ส่องแสงวาบขึ้นมาเช่นกัน
รองเจ้าตำหนักห้าคนปรากฏตัวขึ้นแล้วสองคน เงยหน้าไปทางศาลเจ้าที่สูงที่สุด
ท่ามกลางความคาดหวังของผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ ท้องฟ้าข้างหลังตำหนักขบถจันทร์ สถานที่ที่คนอื่นไม่มีทางดั้นด้นมาเอง ที่นั่นเป็นที่รกร้างผืนหนึ่ง
มิติแห่งนี้ราวหมอก ตลบอวลเป็นพื้นที่ไร้ขอบเขต เดือดพล่านหนาแน่น และสุดปลายมิติมีทะเลสาบแห่งหนึ่ง
พูดให้ถูกคือ นี่เป็นกระจกขนาดมหึมาบานหนึ่ง บนนั้นปกคลุมไปด้วยทะเลสาบหนึ่งชั้น
น้ำในทะเลสาบใสกระจ่าง ผิวกระจกเรียบสะอาด
สะอาดบริสุทธิ์ไร้มลทิน
บนทะเลสาบผิวกระจกแห่งนี้มีเงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งลอยอยู่
นั่นเป็นชายชราคนหนึ่ง สวมชุดคลุมยาวสีขาว มือทั้งสองสอดประสานอยู่ในชายเสื้อซ้ายขวา ศีรษะก้มลงเล็กน้อย จ้องมองผิวทะเลสาบ นิ่งไม่ไหวติง
มีเพียงแขนเสื้อและผมสีขาวเท่านั้นที่ประเดี๋ยวก็ปลิวพริ้ว
และที่ผิวน้ำที่สายตาของเขาจ้องมองอยู่ ตอนนี้มีคลื่นแผ่ระลอก มีเงาร่างรางเลือนกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นใต้น้ำช้าๆ
คล้ายว่ามีกระจกสกัดกั้นกับมิติที่ชายชราอยู่ ร่างที่กำลังก่อขึ้นเหมือนอยู่อีกฝั่งของกระจก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เงาร่างใต้น้ำก็ชัดเจนขึ้น นั่นคือสวี่ชิง
สีหน้าของสวี่ชิงเคร่งขรึมในใจยิ่งมีระลอกคลื่นอารมณ์ ก้มหน้ามองปลายเท้า
ในความทรงจำของตน หลังจากที่แสงปกคลุมตนกับศิษย์พี่ใหญ่แล้ว ทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า
และชั่วพริบตาต่อมา ในยามที่ทุกอย่างฟื้นฟูกลับมาเขาก็มาปรากฏที่ทะเลสาบผิวกระจกแห่งนี้ รอบๆ นอกจากความว่างเปล่าแล้วก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น มีเพียงที่ใต้เท้า…
ตรงนั้นเหมือนมีโลกอีกใบหนึ่ง สะท้อนเงาร่างชายชราที่สวมชุดสีขาว
พวกเขาทั้งสองฝ่ายทะเลสาบกระจกขวางกั้น สายตาของทั้งสองฝ่ายต่างจ้องเพ่ง
ภาพที่สะท้อนในสายตาของสวี่ชิงคือดวงตาเฉยชาคู่หนึ่งแฝงไว้ซึ่งความโหดเหี้ยมไร้ปรานี
สวี่ชิงระมัดระวังตัว เขาสำรวจรอบๆ ไม่เห็นศิษย์พี่ใหญ่
“ผู้ที่มาพร้อมกับเจ้าอยู่อีกฝั่งหนึ่งของกระจก ขบคิดว่าจะทดสอบอย่างไร”
เสียงสงบนิ่งดังมาจากทะเลสาบใต้เท้าของสวี่ชิง ดังก้องมาในมิติแห่งนี้ เกิดเป็นเสียงมากมาย ทำให้คนรู้สึกยิ่งใหญ่ทรงพลัง
“ผู้บำเพ็ญที่เข้ามาที่นี่ทุกคน ไม่ว่าพลังบำเพ็ญระดับใด ล้วนมีสิทธิ์รับการทดสอบ
“หากทดสอบสำเร็จก็จะเป็นนายแห่งเนตรสวรรค์ ซึ่งก็คือนายของข้า หากล้มเหลวก็จะรับการทำสัญญาระดับรองลงมา มีอำนาจจำกัด
“เช่นนั้นเจ้า จะรับการทดสอบหรือไม่”
เสียงไร้ซึ่งอารมณ์แฝง ดังเย็นยะเยือกมาในหูสวี่ชิง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา