บทที่ 657 ออกจากเขาแทนรัฐทายาท
เวลาผ่านไปครึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว
จากการปะทุของรังบุตรเทวะในพื้นที่ต่างๆ สถานการณ์ของแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราก็เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ
เรื่องขั้วอำนาจของรองเจ้าตำหนักสี่แตกพ่ายแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทหารต่อต้านที่รวมตัวกันจากรองเจ้าตำหนักขบถจันทร์หลายฝ่ายก็หมดแรงใจทันใด
ทั้งหมดนี้เหมือนมองไม่เห็นความหวังใด สะเก็ดไฟที่ลุกโชนขึ้นมาก็เหมือนแค่จุดประกายความหวังสุดท้ายในชีวิตตนได้เท่านั้น
มีเพียงทะเลทรายที่ยิ่งโดดเด่นขึ้นมาในสถานการณ์เช่นนี้ และเพราะตัวตนของรัฐทายาท ดังนั้นไม่เพียงแค่ผู้บำเพ็ญเทือกเขาทนทุกข์เท่านั้นที่คิดว่าเมืองดินนั้นเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ ขั้วอำนาจต่อต้านหลายฝ่ายของโลกภายนอกก็ยกทะเลทรายให้กลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วเช่นกัน
จึงมีผู้คนจากทั่วสารทิศมุ่งหน้าไปยังทะเลทรายแทบทุกวัน พวกเขาอยากจะเข้ามาที่นี่ อยากจะเข้าร่วม เพื่อแสวงหาการต่อต้านที่แท้จริง
แต่การปิดล้อมของตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดก็รุนแรงขึ้นเช่นกัน เพียงแต่ช่วงนี้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น มีผู้แข็งแกร่งลึกลับมาเยือน ทำให้การปิดล้อมนี้แตกพ่าย
ขณะเดียวกันบรรพจารย์โม่กุยทางนั้นก็ได้รับภารกิจจากรัฐทายาทให้พาผู้บำเพ็ญทะเลทรายจำนวนมาก ตรงไปที่ชายแดนทะเลทราย คอยรับคนที่เข้ามา
แม้สายลมทะเลทรายจะสกัดคนที่เข้ามาจากภายนอก แต่ถึงอย่างไรสายลมนี้ก็นายกองก็เป็นผู้ต่อรองแลกเปลี่ยน ด้วยพลังบำเพ็ญและตัวตนของรัฐทายาท จึงมีคุณสมบัติที่จะเป็นพันธมิตรกับเทพชั้นสูงจันทราคิมหันต์ตนนั้น
ดังนั้นหลังจากที่เขาแผ่จิตเทพไปในสายลม สายลมจึงมอบอำนาจให้ จะไม่ขัดขวางผู้ที่เข้ามาทั้งหมดอีก เปลี่ยนเป็นเจาะจงที่ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดเท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ จากการที่ผู้บำเพ็ญกลุ่มต่อต้านของแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราหลั่งทะลักเข้ามา ขั้วอำนาจทะเลทรายจึงขยายใหญ่ขึ้นแทบทุกวัน
ผู้บำเพ็ญทุกคนที่เข้าร่วมขั้วอำนาจทะเลทราย หลังจากที่มาถึงก็ตื่นเต้นกันหมด แต่พวกเขารู้ว่าตนไม่มีคุณสมบัติเข้าไปคารวะรัฐทายาท จึงไม่ไปรบกวนที่ร้านยา เพียงแค่คารวะไปทางทิศของเทือกเขาทนทุกข์
ส่วนในร้านยา อันที่จริงก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก พวกหนิงเหยียนและอู๋เจี้ยนอูยังเป็นเหมือนเคย หลิงเอ๋อร์เป็นเช่นนี้ หลี่โหยวเฝ่ยกับโยวจิงก็เช่นกัน
มีเพียงสวี่ชิงที่เวลาส่วนใหญ่จะอยู่ในชิ้นส่วนโลกใบเล็ก
ครึ่งเดือนมานี้ เขาแทบจะใช้ชีวิตอยู่แต่ในชิ้นส่วนโลกใบเล็ก เขาทราบดีว่าเวลากระชั้นมาก ไม่ว่าจะสถานการณ์ของโลกภายนอกตอนนี้ หรือว่าการเข้าใกล้ของดาวพระจันทร์สีชาดล้วนกำลังแจ้งเรื่องหนึ่ง
มหันตภัยใกล้เข้ามาแล้ว
ดังนั้นในครึ่งเดือนนี้สวี่ชิงจึงไม่เสียเวลาเลย จดจ่ออยู่กับการหลอมบุตรเทวะรวมถึงการฟักไข่
น้ำมันที่นายกองต้องการ อันที่จริงคือเลือดที่แฝงความสับสนและคุ้มคลั่งของบุตรเทวะเอาไว้เหล่านี้
ตอนนี้ในโลกใบเล็ก ที่ราบน้ำแข็งละลายไปนานแล้ว พื้นดินเป็นดินสีดำทั้งผืน เห็นซากเปลือกไข่นับไม่ถ้วนรวมถึงบุตรเทวะมากมายมหาศาลได้
บนท้องฟ้า มีพระจันทร์สีม่วงดวงหนึ่งลอยอยู่ แผ่พลังอำนาจพระจันทร์สีชาด ขณะที่ปกคลุมโลกใบเล็กใบนี้ ก็สร้างสภาพแวดล้อมและทรัพยากรให้เหมาะสมในการฟักไข่บุตรเทวะ ทั้งเพิ่มการควบคุมด้วย
บุตรเทวะทั้งหมดหมอบคลานอยู่บนพื้น ร่างกายมีบาดแผลจำนวนมาก ทำให้เลือดสดในร่างกายไหลออกมา หลวมรวมเข้าไปในลายนิ้วมือขนาดยักษ์ในที่แห่งนี้
จนกลายเป็นทะเลสาบ
ขั้นตอนนี้ถือว่าราบรื่น แม้บางครั้งจะมีบุตรเทวะที่หลุดจากการควบคุมเพราะจำนวนมากเกินไป แต่ก็ถูกสวี่ชิงสะกดไว้ทันทีทุกครั้ง ส่วนบาดแผลบนตัวพวกมันล้วนปริแตกออกมาเองด้วยผลกระทบของพลังอำนาจ
และเลือดสดที่ไหลรินออกมา ทำให้บุตรเทวะเหล่านี้อ่อนแอลงต่อเนื่อง สุดท้ายก็แห้งเหี่ยวและตายไป
ทุกครั้งเวลานี้ศพของบุตรเทวะที่ตายไป จะถูกสวี่ชิงโยนแบ่งให้บุตรเทวะตัวอื่นๆ กิน จากนั้นเลือดก็เจิ่งนองยิ่งกว่าเดิม
ช่วงนี้สวี่ชิงก็ไปตำหนักขบถจันทร์หลายครั้ง นำเลือดของบุตรเทวะ ผสานกับประตูใหญ่โถงตำหนักสูงสุด
เลือดนี้ใช้ได้ผลจริงๆ จากการผสานเข้าไป สัญลักษณ์ชื่อหมู่ก็สั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด ไฟความหวังที่มาจากศาลเจ้าต่างๆ ในตำหนักขบถจันทร์ ก็ยิ่งลุกโชนรุนแรงขึ้น
การสูดรับของสัญลักษณ์ชื่อหมู่ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นการกลืนเปลวไฟ ตัวมันเองก็เริ่มเผาไหม้เช่นกัน
ด้วยการเผาไหม้นี้ สัญลักษณ์เริ่มเลือนลาง ความคุ้มคลั่งของนายกองก็เปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้น กัดกินอย่างรวดเร็ว
‘ทำให้ไฟแรงกว่านี้!
‘ความหวังอยู่ตรงหน้าแล้ว ขอแค่พวกเราเผาผนึกของชื่อหมู่ได้ ประตูบานนี้ก็จะถูกเปิดออก ถึงตอนนั้น…พวกเราก็จะเป็นเจ้าตำหนักขบถจันทร์!
‘ตอนที่พวกเรากลายเป็นเจ้าตำหนักขบถจันทร์ ก็คือวันหายนะของตำหนักพระจันทร์สีชาด!’
นายกองฮึกเหิม กัดกินพลางส่งจิตเทพออกมา
“ห่างจากการมาถึงของชื่อหมู่ ถ้าดูจากความเร็วของดาวพระจันทร์สีชาดแล้ว อย่างมากสุดก็เก้าถึงสิบเดือนนะขอรับ”
สวี่ชิงเอ่ยเสียงแผ่วเบา
‘ข้าถึงได้รีบอย่างไรเล่า’ นายกองกัดลงไปคำหนึ่งอย่างแรง
‘อาชิงน้อย การเตรียมการทั้งหมดของข้า ใกล้จะเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้ขาดอีกแค่สองขั้นตอน!
‘ขั้นตอนแรกคือตำหนักขบถจันทร์นี้ หากพวกเราทำสำเร็จ ข้าก็สามารถใช้ตำหนักขบถจันทร์ สัมผัสเลือดเนื้อที่กระจัดกระจายไปในชาติที่แล้วของข้าได้
‘ตอนนี้ข้าสัมผัสได้ส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งแล้ว
‘ถึงตอนนั้น ประกอบกับกับสิ่งต่างๆ ที่ติดตั้งไว้ก่อนหน้านี้ของพวกเรา ก็จะมีพลังในการทำลายล้างตำหนักเทพพระจันทร์สีชาด
‘และเมื่อตำหนักเทพถูกทำลาย พวกเราก็สามารถครอบครองที่ราบสำนึกบาปได้ ที่นั่นมีกายเนื้อของเจ้าเหนือหัวอยู่!
‘กายเนื้อนี้ คือขั้นสุดท้ายในการจัดการชื่อหมู่ของพวกเรา และเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดด้วย!’
สวี่ชิงพยักหน้า
“ส่วนน้ำมัน ข้าจะรีดเค้นจากภายนอกเพิ่มอีกหน่อย คงต้องใช้เวลาสักระยะ แต่น่าจะเพียงพอ”
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา