บทที่ 659 ฝูงไก่ร่ายระบำปั่นป่วน
นี่เป็นการโจมตีจากพลังบำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะของรัฐทายาท!
ในนั้นแฝงไว้ด้วยมรรคาแห่งกฎเกณฑ์ วิชากฎเกณฑ์ คำอวยพรจากมรรคาสวรรค์บรรพกาล สามารถสยบสรรพสิ่งในฟ้าดิน สลายการต่อต้านทุกอย่าง บดขยี้เจตจำนงมหาศาลแหลกละเอียด
ยิ่งมีพลังอำนาจกระจายอยู่ทั่วฟ้าดิน สามารถเปลี่ยนแปลงความเข้าใจรับรู้ของสรรพชีวิต ปกปิดฟ้าอำพรางสมุทร และขณะที่สำแดงวิชาเทพก็ทรงพลังอำนาจเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจขัดขืนได้
ทุกที่ที่พาดผ่าน ฟ้าถล่มดินสลาย หมื่นสรรพสิ่งแห้งเหี่ยว สรรพชีวิตหวาดกลัว
เพียงพริบตา นิ้วก็จิ้มไปยังหว่างคิ้วของใบหน้าสีเลือดที่พยายามตามเรือเหาะลูกน้องใต้บัญชาการของเจ้าตำหนักสี่ พุ่งเข้ามาในพายุทะเลทราย
ใบหน้าดวงนี้สั่นสะท้านเฮือก ดวงตาทั้งสองโมโหเบิกกว้าง ปากส่งเสียงคำรามต่ำทุ้ม คิดจะต่อต้าน แต่ระลอกคลื่นสีดำกลุ่มหนึ่งแผ่ซ่านมาจากนิ้วแตะมาที่หว่างคิ้ว ปกคลุมไปทั้งใบหน้า
บริเวณที่แผ่ลาม ใบหน้าดวงนี้ยุบลงไป แตกร้าว จวบจนกระทั่งแยกออก แหลกละเอียด แล้วระเบิดกลายเป็นเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน แผ่ซ่านไปทั่วทุกทิศ
ยิ่งเกิดลมพายุพัดไปทางตำหนักเทพพระจันทร์สีชาด หอบม้วนไปอย่างรุนแรง เสียงครืนครานในเสี้ยวขณะนี้ดังกึกก้องเลื่อนลั่น ราวมีมือไร้รูปร่างข้างหนึ่งแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นคลั่งซัดฝั่ง
กวาดตามองไป ทางฝั่งตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดวุ่นวายขึ้นมาทันที ต่างพัดตลบหอบม้วน
การโจมตีจากระดับเตรียมสู่เทวะ พลังอำนาจล้นฟ้า
พวกเจ้าตำหนักสี่ที่พุ่งตัวเข้าไปในทะเลทรายหลังจากที่ได้เห็นภาพฉากนี้กับตา ก็ต่างจิตใจสั่นสะท้าน ต่างสูดลมหายใจลึก เพราะพวกเขารู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่าในตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดที่ไล่ตามมา มีผู้แข็งแกร่งที่เป็นระดับหวนสู่อนัตตาขั้นสี่เหมือนกับเจ้าตำหนักสี่เช่นกัน
และทูตเทวะที่มีพลังบำเพ็ญระดับนี้ ภายใต้อิทธิพลจากน้ำขึ้นน้ำลงของดาวจันทร์สีชาด กำลังรบของตัวเองจะได้รับการเพิ่มพลังจนถึงระดับที่น่าครั่นคร้าม รวมกับการช่วยเหลือจากคนอื่นๆ ก็จะสามารถสำแดงพลังระดับเตรียมเตรียมสู่เทวะ
ดั่งเช่นใบหน้าดวงยักษ์เมื่อครู่นั่นก็เช่นกัน
แต่ตอนนี้ ใบหน้าดวงนี้เหมือนกับกระดาษ อ่อนแอรับไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว
แต่ตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดในฐานะที่เป็นเจตจำนงสูงสุดในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา ย่อมไม่มีทางมีฝีมือแค่นี้ ตอนนี้จากการกะพริบของประกายแสงสีเลือด ในตำหนักเทพชิ้นส่วนอวัยวะที่ลอยตลบม้วนแต่ละแห่งๆ แสงสีเลือดปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ในตำหนักเทพชิ้นส่วนอวัยวะแต่ละแห่งๆ ที่ลอยตลบม้วน แสงสีเลือดปะทุขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นเงาเลือดแต่ละร่างๆ ก็พุ่งออกมาจากข้างใน ฉวยโอกาสในช่วงที่แผ่นหยกในมือสวี่ชิงแหลกละเอียด การโจมตีของรัฐทายาทสลายไป ก็พุ่งมายังลมพายุทะเลทรายอีกครั้ง
จำนวนมากมายถึงพันกว่า ผู้บำเพ็ญในนั้นพิเศษมาก ไม่มีร่างกายเนื้อ ราวกับวิญญาณเลือดแบบนั้น ทะลุผ่านมิติ เข้ามาในทะเลทราย
ในพริบตาที่พุ่งเข้ามา พวกมันต่างแผ่พลังชื่อหมู่ของตัวเองออกมา สำแดงเคล็ดวิชาเทพ ราวว่าจะทำให้ชายขอบทะเลทรายแปดเปื้อน ให้พลังอำนาจเทพของชื่อหมู่โจมตีพื้นที่แห่งนี้
เจ้าตำหนักสี่ทางนั้นเมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ก็รีบออกคำสั่งทันที เหล่าเรือเหาะที่ลอยเข้ามาในทะเลทรายก็เปลี่ยนทิศทันใด ผู้บำเพ็ญในนั้นพุ่งทะยานออกมา ส่วนหนึ่งไปรับสหายคนอื่นๆ อีกส่วนหนึ่งเริ่มลงมือขัดขวางเงาเลือด
บรรพจารย์โม่กุยก็ออกคำสั่งทันทีเช่นกัน ผู้บำเพ็ญทะเลทรายที่ตั้งฐานทัพอยู่ที่นี่ต่างลงมือ ยิ่งมีเผ่าคุ้มครองวายุอยู่ในนั้น ทำการสำแดงวิชาเทพของเผ่า ทำให้ลมพายุรุนแรงขึ้น หอบม้วนพัดกวาดไปทั่วทุกทิศ
ขณะเดียวกัน สวี่ชิงก็สายตาเย็นชา เอ่ยราบเรียบ
“โอกาสสร้างความชอบลดโทษมาแล้ว”
คำพูดเขาเมื่อดังขึ้น ก็ประสานปางมือชี้ไปยังลูกเจี๊ยบพวกนั้นที่อยู่ข้างหลัง ทันใดนั้นลูกเจี๊ยบพวกนี้แต่ละตัวต่างส่งเสียงแหลม ร่างแผ่ระลอกคลื่นพลังบำเพ็ญออกมา ขนาดตัวขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
เหมือนกับไก่ยักษ์ใต้เท้าสวี่ชิง ลูกเจี๊ยบพวกนี้เพียงพริบตาก็กลายเป็นไก่ยักษ์ทั้งหมด
พวกมันแต่ละตัวสีหน้าล้วนเหี้ยมเกรียม สายตาฉายแววสู้สุดชีวิต พุ่งออกไปในทันที เพื่อสร้างความดีความชอบ เพื่อไม่ให้ถูกกิน หรือจะบอกว่าเพื่อให้ดูแล้วพยายามมากกว่าลูกเจี๊ยบตัวอื่นๆ พวกมันจำต้องบ้าคลั่ง
เพียงพริบตา ฝูงไก่ลอยขึ้นฟ้า ประชิดไปยังเงาเลือดเหล่านั้น ศึกต่อสู้อันปั่นป่วนวุ่นวายเปิดฉากขึ้นทันที
เพียงพริบตา ที่นี่เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แว่วเสียงดังสะท้อนก้อง ในขณะที่ระเบิดสะท้านสะเทือนไปทั่วทิศ พายุก็ยิ่งโหมกระหน่ำบ้าคลั่งกว่าก่อนหน้านี้
ต่อให้เป็นเงาเลือดของตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดที่พุ่งเข้ามาจะมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งแสงเลือดก็ค่อยๆ โจมตีรุกรานลมทะเลทราย แต่การโต้กลับจากกองทัพต่อต้านก็ร้ายกาจยอดเยี่ยมเช่นกัน
พวกมันแต่ละตัวล้วนมีขนาดสิบกว่าจั้ง ท่าทีสู้ตายไม่ต้องการชีวิต ทำให้กำลังรบของพวกมันพุ่งเพิ่มขึ้นในระดับต่างกัน โหดเหี้ยมดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง
ทุกที่ที่ผ่าน เงาเลือดเป็นเหมือนหนอน ถูกพวกมันกลืนกินอย่างบ้าคลั่ง
และท่าทางจิกกินของพวกมันก็ชำนาญเป็นอย่างยิ่ง ราวว่ากลายเป็นสัญชาตญาณไปแล้ว แต่ว่าการบาดเจ็บล้มตายยากจะหลีกเลี่ยง แต่ภาพที่ทำให้พวกมันยิ่งอัศจรรย์ใจก็เกิดขึ้นแล้ว
ร่างของไก่ยักษ์พวกนี้ เมื่อบาดเจ็บจนถึงระดับหนึ่งแล้วก็จะสาดแสงสีขาวออกมา เพียงพริบตาก็ฟื้นฟูหมด
นี่คืออำนาจของท่านย่าห้า
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด หากบอกว่าผู้บำเพ็ญตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดเนื่องจากเลื่อมใสศรัทธาชื่อหมู่จึงได้รับการอวยพร และได้พลังอำนาจเทพของชื่อหมู่จากการนั้น เช่นนั้นลูกไก่พวกนี้โดยที่ไม่รู้ตัว ก็เริ่มเลื่อมใสศรัทธาท่านย่าห้าไปแล้ว ดังนั้นจึงได้นับพลังความสามารถบางส่วนของท่านย่าห้ามา
เพียงแต่พลังความสามารถนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ดังนั้นความตายก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ดี
แต่บางทีสิ่งที่เจ้าตำหนักสี่พูดอาจจะถูกต้อง หรือบางทีอาจจะครั่นคร้ามต่อระดับเตรียมสู่เทวะ ดังนั้นฝ่ายตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดที่อยู่นอกทะเลทราย พวกเขาไม่ได้ทุ่มสุดกำลัง
หลังจากปล่อยเงาเลือดจำนวนมหาศาล อีกทั้งยังสังเกตเห็นว่าทยอยแตกดับไป พวกเขาก็เลือกที่จะถอย
จากการจากไปไกลของแสงเลือด สุดท้าย ภายใต้การร่วมมือของคนทั้งหลาย ในกำแพงปราการลมทรายของทะเลทรายนี้ การรับตัวครั้งนี้ก็จบสิ้นลง
กองทัพต่อต้านของฝั่งเจ้าตำหนักสี่ จากการรอดตายในคราวเคราะห์ครั้งนี้ ในใจต่างมีระลอกคลื่น ทั้งรู้สึกโชคดี ทั้งรู้สึกสะท้อนใจ ขณะเดียวกันก็ต่างมองไปยังผู้บำเพ็ญทะเลทราย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา