บทที่ 660 อาชิงน้อย ไตข้าหายไป!
สายลมสีเทาหวีดหวิว หอบม้วนเม็ดทรายนับไม่ถ้วน พัดผ่านเรือเหาะแต่ละลำระหว่างฟ้าดิน
แม้จะมีการป้องกัน แต่ก็ยังมีเสียงเม็ดทรายกระทบกับม่านป้องกันดังขึ้นคลอกับเสียงพูดของรองเจ้าตำหนักสี่และปรมาจารย์เซิ่งลั่วเข้ามาในหูสวี่ชิง
และขณะเดียวกัน ผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ของรองเจ้าตำหนักสี่บนเรือเหาะนี้ก็ทยอยลืมตาขึ้นจากการรักษา มองมาทางสวี่ชิง
สวี่ชิงมองรองเจ้าตำหนักสี่
ก่อนหน้านี้ที่ชายแดนทะเลทราย ตอนที่เขาเห็นอีกฝ่ายครั้งแรก ก็เกิดความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างขึ้นมา
ความรู้สึกนี้ไม่ใช่เพราะต่างเคยพบเจอกับรูปสลักของแต่ละคนในตำหนักขบถจันทร์
รูปสลักของทุกคนแตกต่างกัน กระทั่งเพศและเผ่าก็ซ่อนเร้นใต้รูปสลัก เว้นเสียแต่จะมีอำนาจในตำหนักเทพสูงมาก เช่นนั้นไม่มีทางดูออก
ดังนั้นสวี่ชิงจึงสงบปากสงบคำอยู่บนเรือเหาะตลอดทาง ในใจขบคิดที่มาของความคุ้นเคยนี้
กระทั่งยามนี้ เขาเจอแล้ว
ลักษณะพิเศษที่เด่นชัดที่สุดของรองเจ้าตำหนักสี่ คือความคร่ำเคร่งหัวโบราณ เหมือนใบหน้ายิ้มแย้มเป็นสีหน้าที่ปรากฏออกมายากมาก และอักขระ川ที่หว่างคิ้วเขา ยิ่งทำให้ความคร่ำครึนี้เปลี่ยนเป็นรุนแรงมากขึ้นไปอีก
ใบหน้าเช่นนี้ สวี่ชิงเคยเห็นจากข่งเลี่ยงซิวเจ้าวังครองกระบี่เขตปกครองผนึกสมุทร
เมื่อนึกถึงเจ้าวัง ต่อให้ผ่านมาแล้วหลายปี แต่ในใจเขายังโหมระลอกคลื่นขึ้นมา ร่างของอีกฝ่ายที่ยืนตระหง่านอยู่นอกค่ายกลต้องห้าม ขวางกองทัพใหญ่ของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ ท่ามกลางการต่อสู้ที่คาดเดาไม่ได้ คงอยู่ในสมองสวี่ชิงชั่วนิรันดร์
“สถานที่ที่เจ้าเหนือหัวประหารเทพเจ้า เป็นแผนที่ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าวางไว้”
สวี่ชิงเอ่ยเสียงแผ่วเบา
เขาไม่ได้โกหก แรกเริ่มเป็นเฉินเอ้อร์หนิวจริงๆ ตอนสุดท้ายก็เป็นเฉินเอ้อร์หนิวที่ทำให้เกิดขึ้น เพียงแต่ระหว่างนั้นเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเท่านั้น
ส่วนหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร สวี่ชิงคิดว่าตนไม่จำเป็นต้องบอกกับคนอื่น
“ร้านยาเป็นร้านที่ข้าเปิดเอง เรื่องการหลอมยา ข้าก็พอรู้บ้างขอรับ”
สวี่ชิงกล่าวจบ สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ปรมาจารย์เซิ่งลั่ว จากนั้นก็หลับตาลง นั่งขัดสมาธิอยู่ที่เดิม จมจ่อมอยู่ในความทรงจำเขตปกครองผนึกสมุทรเนื่องจากความคุ้นเคยก่อนหน้านี้
รองเจ้าตำหนักสี่สายตาล้ำลึก ไม่ถามอะไรอีก ส่วนปรมาจารย์เซิ่งลั่วก็ถอนหายใจในใจ เขาไม่คิดว่าความสามารถด้านวิถีลูกกลอนของสวี่ชิงจะสูงนัก จึงไม่ได้เชื่อมโยงไปถึงลูกกลอนเก้า
เพราะในความคิดเขา ผู้ที่พูดสิ่งที่อยู่ในใจของตนกับความฝันของผู้บำเพ็ญวิถีลูกกลอนในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราออกมาได้หลังจากการประลองลูกกลอนตอนนั้น จะต้องเป็นคนประเภทเดียวกัน เป็นผู้ที่เสาะแสวงในวิถีลูกกลอน จดจ่ออยู่ท่ามกลางกาลเวลาที่ไหลผ่านไป
ไม่ใช่คนหนุ่มเช่นนี้
จากการเงียบนิ่งของสวี่ชิง เวลาก็ไหลผ่านไปเช่นนี้ เรือเหาะเหล่านี้แล่นผ่านลมทราย วันต่อมาก็มาถึงเทือกเขาทนทุกข์
ด้วยการจัดการของบรรพจารย์โม่กุย มอบสิทธิในการเข้าพักที่ยอดเขาสิบกว่าแห่งให้กับรองเจ้าตำหนักสี่ ที่นั่นจะเป็นบ้านใหม่ของผู้บำเพ็ญฝ่ายรองเจ้าตำหนักสี่
ส่วนสวี่ชิง เมื่อเสร็จภารกิจก็กลับไปที่ร้านยา พาเหล่าลูกเจี๊ยบไปขังไว้ที่ลานด้านหลัง นั่งลงตรงหน้ารัฐทายาท หยิบแผ่นหยกพลังเตรียมสู่เทวะที่ไม่ได้ใช้ออกมาวางข้างๆ
องค์หญิงหมิงเหมยไม่อยู่
รัฐทายาทดื่มชาพลางเหลือบกวาดตามองแผ่นหยก เอ่ยด้วยเสียงเรียบ
“เก็บเอาไว้เถอะ ถือเป็นการให้ของปกป้องชีวิตเจ้าชิ้นหนึ่งแล้วกัน”
สวี่ชิงได้ยินก็มองรัฐทายาท
“ผู้อาวุโส จะไปแดนไกลหรือขอรับ”
“ผ่านช่วงนี้ไป ข้ากับพี่หญิงสามจะออกไปข้างนอกเสียหน่อยเพื่อไปปลดผนึกเจ้าเก้า ครั้งนี้ไม่ต้องให้เจ้าช่วย พวกเรามั่นใจมาก แค่กำลังรอเวลาเท่านั้น”
สวี่ชิงพยักหน้า เก็บแผ่นหยกกลับไป
“นอกจากนี้การฝึกบำเพ็ญของเจ้าจะชักช้าไม่ได้ ส่วนเรื่องติงหนึ่งสามสองที่เจ้าเคยถามก่อนหน้านี้ ตอนนี้ข้าบอกเจ้าได้แล้ว”
สายตารัฐทายาทล้ำลึก มองไปที่ร่างสวี่ชิง
สวี่ชิงกระตือรือร้น ตั้งใจฟังทันที
เห็นสวี่ชิงเป็นเช่นนี้ รัฐทายาทก็รู้สึกสบายใจ เขาใช้สมองส่วนหนึ่งขบคิดเรื่องติงหนึ่งสามสอง ยามนี้วางจอกชาลง เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า
“ติงหนึ่งสามสองของเจ้า เป็นทั้งคุก และเป็นทั้งดวงชะตา ยิ่งแฝงนิ้วเทพเจ้านิ้วหนึ่งไว้ด้วย
“แม้นิ้วเทพเจ้านี้จะไม่นับเป็นอะไร มองออกว่าเป็นนิ้วร่างแยกของเทพชั้นล่างตนหนึ่ง แต่กลับเป็นเป็นเทพเจ้าแต่กำเนิด จุดนี้หาได้ยากยิ่ง
“แต่ด้วยเหตุนี้ทำให้ติงหนึ่งสามสองของเจ้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อน ข้ามองออกว่านิ้วนี้ก็มีอำนาจ นั่นคือพลังเคราะห์หายนะ!
“แต่เคราะห์หายนะนี้ไม่ใช่ของเจ้า สิ่งที่เป็นของเจ้าจริงๆ คือการผสานกันของดวงชะตากับเคราะห์หายนะของติงหนึ่งสามสอง จนกลายเป็นพลังแห่งการลืมเลือนที่คุกนี้สร้างขึ้นมา!
“การผนวกกันของดวงชะตาและเคราะห์หายนะนี้มหัศจรรย์ยิ่งนัก ข้าเห็นร่องรอยของผนึกต้องห้ามเผ่ามนุษย์มากมายบนตัวมัน ยิ่งมีลายมือจากวังเซียนครองกระบี่ด้วย หากข้าเดาไม่ผิด รูปร่างเดิมของมันน่าจะเป็นกรมราชทัณฑ์ของวังครองกระบี่!
“เป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังใช้บันทึกในอดีต เพิ่มการสรรค์สร้าง สุดท้ายก็สร้างมันออกมา”
เสียงทุ้มต่ำของรัฐทายาทก้องอยู่ข้างหูสวี่ชิง สวี่ชิงร่างสะท้านเฮือก เกิดความรู้สึกเคารพขึ้นมา
เขาไม่ได้พูดเรื่องเกี่ยวกับติงหนึ่งสามสองกับรัฐทายาทมากนัก แต่อีกฝ่ายกลับมองคุณสมบัติออกได้โดยตรง สิ่งนี้ทำให้สวี่ชิงลุกขึ้นคารวะเขา
“โปรดผู้อาวุโสชี้แนะด้วยขอรับ”
รัฐทายาทยิ้ม
“สัมผัสพลังการลืมเลือนด้านใน นี่เป็นพลังอำนาจใหม่อย่างหนึ่ง…และเป็นแนวทางหนึ่งที่วังเซียนครองกระบี่ศึกษาในยุคจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา