บทที่ 663 พบจิ้งจอกยั่วยวนอีกครั้ง
ลมที่ทะเลทรายพัดมาจากฟ้าคล้ายว่าท้องฟ้าทางนี้เผยโพรงถ้ำมหึมาออกมา ลมทรายไร้สิ้นสุดหอบม้วนไปทั่วทุกมุมในทะเลทรายแห่งนี้
มืดฟ้ามัวดิน ทุกสิ่งพร่าเลือน
เสียงหวีดหวิวข้างหูเหมือนเสียงร้องไห้นับไม่ถ้วนรวมอยู่ด้วยกัน เกิดเป็นเสียงครวญคร่ำปิ่มว่าจะขาดใจ
คนธรรมดาโลกภายนอกมาอยู่ที่นี่ วิญญาณยากจะแบ่งรับได้นานแน่นอน ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญก็เป็นเช่นกัน มีเพียงผู้บำเพ็ญทะเลทรายเท่านั้นจึงจะไม่ได้รับอิทธิพล
สวี่ชิงในตอนนี้เดินอยู่ในทะเลทราย สีหน้าของเขาสงบนิ่ง สวมหมวกสูง ที่เอวล่ามดวงอาทิตย์จำลองบรรพกาลเอาไว้ ฝีเท้าสุขุมเยือกเย็น
ต่อให้เม็ดทรายอ่อนนุ่ม แต่เขาที่เดินอยู่บนนั้นราวเดินบนพื้นที่ราบ ไม่มีรอยยุบแม้แต่น้อย
เขาสามารถควบคุมพลังของทุกก้าวได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว และลมที่นี่ภายใต้อิทธิพลจากคำสัญญา ก็ไม่ได้ขัดขวางเขาแต่อย่างใด
หลังจากนั้นหลายวัน สวี่ชิงก็มาถึงชายแดนทะเลทรายเช่นนี้เอง
ยืนอยู่ตรงนี้ สวี่ชิงหันไปมองทะเลทรายข้างหลัง
‘ไม่ทันรู้ตัวก็อยู่ที่นี่มาปีกว่าแล้ว…’
สวี่ชิงพึมพำในใจ การเดินทางของเขาครั้งนี้บอกเพียงรัฐทายาทเท่านั้น คนอื่นๆ เขาไม่ได้บอก หลิงเอ๋อร์ทางนั้น…สวี่ชิงรู้สึกว่าเพื่อไม่ให้นางกังวล ไม่บอกจะดีกว่า
‘จิ้งจอกดินเหนียว…’
นึกย้อนถึงภาพในตอนนั้น สวี่ชิงคิ้วขมวดเล็กน้อย เงียบนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงก้าวเท้าออกไป เหยียบย่างเข้าไปในทะเลทราย
ตรงไปยังหุบเขาแปลกประหลาดแห่งนั้นที่ผ่านในระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปแม่น้ำเซ่นทมิฬ
เพียงพริบตาก็ผ่านไปสามวัน
กลางดึกวันที่สาม สวี่ชิงที่ทะยานไปอย่างเร็วรี่กลางท้องฟ้า ก็มองเห็นพื้นที่หุบเขาแห่งนั้นจากที่ไกลๆ
มองจากท้องฟ้าไป นี่ความจริงแล้วเป็นหุบเขาที่พาดแนวจากตะวันออกไปตะวันตก ฝั่งที่ใกล้กับทางตะวันตกมีหลายแห่งที่แยกขาดจากกัน จึงเกิดเป็นหุบเขาเล็กๆ แห่งแล้วแห่งเล่า
ส่วนชื่อของเทือกเขาลูกนี้ เนื่องจากผู้คนที่นี่เบาบางมาก จึงไม่มีชื่อเรียกเป็นทางการอะไร แผนที่ที่สวี่ชิงดูก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
ตอนนี้ท้องฟ้าแดงคล้ำ แสงสีเลือดสาดทอ กวาดตามองไปผืนดินหุบเขาคล้ายร่องน้ำสีเลือดสายหนึ่ง หวาดหวั่นน่าสะพรึงกลัวนัก
สวี่ชิงระมัดระวังภัย ร่อนลงมาอย่างรอบคอบ เดินอยู่ในหุบเขาที่พักผ่อนในวันนั้น ยืนอยู่ตรงนั้นจ้องมองไปในส่วนลึก รอคอยอย่างเงียบๆ
รอบๆ เงียบสงัด มีเพียงสายลมพัดมาในหุบเขา ต้นหญ้าบนพื้นดินไหวเอน แล้วพัดต้องเส้นผมของสวี่ชิงปลิวพริ้วแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นเยือก พัดไปมาตามผิวแล้วแผ่ไปทั่วร่าง
ความรู้สึกชั่วร้ายเยือกเย็นน่าขนลุกค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาช้าๆ
สวี่ชิงนิ่งไม่ขยับ รอคอยต่อไป
จากการวิเคราะห์ของเขากับนายกอง จิ้งจอกดินเหนียวตัวนี้ไม่ธรรมดา ดังนั้นการมาเยือนของตน อีกฝ่ายจะต้องสัมผัสได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในตอนนั้นอีกฝ่ายเคยบอกไว้ว่าสวี่ชิงมาได้ทุกเวลา
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น สวี่ชิงรออยู่ทางนี้ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป เสียงฆ้องเสียงกลองก็ดังแว่วมาจากที่ไกลๆ ยิ่งมีเสียงแหลมแสบแก้วหูของปี่แหวกสายลมมา เขย่าห้วงราตรี
ดังขึ้นเรื่อยๆ
สวี่ชิงเงยหน้า สายตามองไปในส่วนลึกของหุบเขา เห็นเพียงตรงนั้นหมอกลอยตลบ เงาร่างกลุ่มหนึ่งเดินโคลงเคลงมา
จำนวนร้อยกว่าตัว ล้วนเป็นตุ๊กตาดินเหนียวที่สวมเสื้อผ้าทั้งนั้น
พวกมันแบกศาลเจ้าที่ทำจากหินหลังหนึ่ง ท่ามกลางเสียงกลองเสียงฆ้อง ทุกที่ที่ผ่าน บนพื้นมีหมอกลอยอวล รอบๆ ลมเย็นยิ่งหนักหน่วง พัดผ่านหุบเขา ต้นหญ้าลอยขึ้นฟ้า หอบม้วนติดตาม
ในยามที่สายตาสวี่ชิงจ้องเพ่ง ตุ๊กตาดินเหนียวที่แบกศาลเจ้าเหล่านั้นเหมือนทะลุมิติ เพียงไม่กี่พริบตาก็มาปรากฏอยู่ข้างหน้าสวี่ชิง
หยุดอยู่ตรงนั้น
จากฝีเท้าที่หยุดลงของตุ๊กตาดินเหนียว เสียงฆ้อง เสียงกลอง เสียงปี่ก็หยุดลงพร้อมกัน
ตุ๊กตาดินเหนียวทั้งหมด ท่ามกลางสายหมอกที่ตลบอวลและลมเย็นยะเยือกต่างหันหน้ามองมาทางสวี่ชิง โดยเฉพาะตุ๊กตาดินเหนียวหลายสิบตัวที่แบกศาลเจ้า ยิ่งย่อตัวลง หันศาลเจ้าไปทางสวี่ชิง เชื้อเชิญเข้าไปข้างใน
สวี่ชิงใบหน้าไร้อารมณ์ มองตุ๊กตาดินเหนี่ยวที่อยู่ข้างหน้าเหล่านี้ สายตาจับไปในศาลเจ้าที่พวกมันแบกอยู่
ความหมายของอีกฝ่าย เขาเข้าใจแล้ว นี่คือให้เขาขึ้นนั่งบนศาลเจ้า
หลังจากเงียบนิ่งไปครู่หนึ่ง สวี่ชิงสายตากวาดไปในท้องฟ้า หลังจากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้า เหยียบย่างไปในศาลเจ้า
ทุกอย่างในศาลเจ้าหลังนี้ล้วนทำขึ้นจากดินเหนียว แต่มีสีสันหลากหลาย พร้อมกันนั้น ในศาลเจ้าก็มีรูปวาดจำนวนมหาศาล
รูปพวกนี้แตกต่างกันไป แต่เนื้อหาที่บอกเล่าคือการเคารพหมอบคารวะจากต่างเผ่า และสิ่งที่เผ่าพันธุ์เหล่านั้นหมอบคารวะเป็นภาพสัญลักษณ์ดาวหกแฉกดวงหนึ่ง
ดวงดาวดวงนี้แฝงกลิ่นอายผ่านห้วงเวลามายาวนานเก่าแก่โบราณ ยิ่งแฝงความศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ ประดุจเทพเจ้า
สวี่ชิงมองอย่างละเอียด สุดท้ายสายตาก็จับจ้องไปบนผนังที่อยู่ข้างหน้า
ในดาวหกแฉกที่อยู่ตรงนั้นมีภาพจิ้งจอกตัวหนึ่งอยู่ด้วย
สวี่ชิงเงียบนิ่ง ระหว่างทางที่เขาเดินทางมาก็คิดเอาไว้แล้ว ในเมื่อมาแล้ว ก็วางใจให้เป็นสุข ขัดสมาธินั่งบนเบาะรองนั่งหิน
ทันทีที่นั่งลงไป ศาลเจ้าก็ยุบยวบ
ตุ๊กตาดินเหนียวหลายสิบตัวรอบๆ ร่างต่างสะท้านเฮือก แต่ศาลเจ้าหลังนี้เองก็น่าอัศจรรย์นักเช่นกัน ในเสี้ยวขณะต่อมาแสงสีชมพูฉายวาบ หลังจากจัดการทุกอย่าง ตุ๊กตาดินเหนียวหลายสิบตัวนั่นก็ยืนขึ้นทั้งหมด ยกศาลเจ้าขึ้นมาอย่างง่ายดาย

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา