เข้าสู่ระบบผ่าน

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา นิยาย บท 683

บทที่ 683 ราวผู้ปกครองราวเจ้าเหนือหัว

จากเสียงที่ดังมาจากจักรพรรดิตำหนัก เกาะพระจันทร์สีชาดสาขาหลักก็สั่นสะเทือนขึ้นมาทันที ตำหนักเทพทั้งหลายที่สร้างอยู่บนนั้นต่างสั่นคลอน ในนั้นมีตำหนักเทพเก้าแห่งสาดกะพริบประกายแสงสีแดง

เกิดเป็นภาพเก้าดารา

และในพื้นที่แห่งนี้ เนื่องจากแสงของดวงอาทิตย์ทั้งเก้า ฟ้าดินที่นี่ไร้แสงสีชาดไปแล้ว เหลือเพียงสีของคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่และร่างของจักรพรรดิตำหนักที่ยังอยู่ และตอนนี้ก็มีเงาร่างเพิ่มมาอีกเก้าทาง

ขณะที่แสงสีแดงฉายวูบวาบ ในตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดทั้งเก้าแห่ง ต่างแผ่กลิ่นอายโบราณออกมา มาพร้อมด้วยเลือดที่โหมบ่าราวแม่น้ำและความอำมหิต เสียงฝีเท้าม้าค่อยๆ ดังมา

ไม่นานนัก เงาร่างทั้งเก้าก็เดินออกมา

เงาร่างแรกเป็นต่างเผ่าสี่แขน มองไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง มองเห็นเพียงผมยาวหยิกแห้งกรอบ มาพร้อมด้วยความเน่าเปื่อยและกาลเวลาที่หมุนผ่าน และแขนทั้งสี่มีสามแขนที่เน่าเปื่อย ถูกเหล็กพันเอาไว้

และแขนข้างที่สี่ ฝ่ามือสีเทาดำของมันถือหอกยาวเอาไว้ ที่ปลายหอกยังมีเลือดหยด

เงาร่างที่สองเป็นเผ่ามนุษย์ สวมเกราะเลือดเช่นกัน ดวงตาทั้งสองใต้หมวกเกราะมีเปลวไฟสีแดงลุกไหม้ มือถือหอกยาวเช่นกัน

กวาดตามองไป จากการทยอยเดินออกมาของพวกเขา เงาร่างทั้งเก้าปรากฏในฟ้าดินโดยสมบูรณ์

พวกมันมีเผ่ามนุษย์ มีต่างเผ่า แตกต่างกันไป พวกมันสวมเสื้อเกราะที่เหมือนกัน หัวและร่างล้วนถูกห่อหุ้มอยู่ในนั้น

บนชุดเกราะประทับอักขระไว้ ยิ่งมีสัญลักษณ์รูปร่างชื่อหมู่ ทั้งๆ ที่เป็นสีแดง แต่กลับทำให้รู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ และใต้ร่างของพวกเขาต่างขี่ม้าสีเลือด

ม้าทั้งเก้าตัวสวมชุดเกราะเช่นกันมองจากบริเวณที่ปรากฏออกมา ตรงนั้นเป็นเนื้อชุ่มเลือด ไม่มีหนัง เหมือนถูกถลกออกไปทั้งเป็น

ขณะเดิน เลือดสดๆ ก็ไหลรินไปด้วย

ดวงตาม้าแดงฉาน ฟันคมกริบ ดูเหมือนม้าแต่ความจริงแล้วเหมือนสัตว์ปีศาจ และขาของพวกมันไม่ได้มีสี่ขา แต่มีหกขา

การปรากฏขึ้นของเงาทั้งเก้าและม้าทั้งเก้าทำให้ทั้งสนามรบสะท้านสะเทือน ฝ่ายพระจันทร์สีชาดสีหน้าท่าทางฮึกเหิม ฝ่ายขบถจันทร์จิตใจสั่นกลัว

องครักษ์เลือดตำหนักแดงที่จักรพรรดิตำหนักเรียกออกมาระลอกคลื่นพลังบำเพ็ญแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก จากการเคลื่อนมาข้างหน้าของพวกมัน กลิ่นอายถล่มภูเขาจมมหาสมุทรเป็นระลอกๆ แข็งแกร่งทรงพลังเกินต้าน สะท้านฟ้าสะเทือนดิน

เข้าใกล้ระดับเตรียมสู่เทวะเป็นอย่างมาก

กระทั่งพูดได้ว่า พวกเขาขาดเพียงอีกก้าวสั้นๆ ก้าวเดียวก็ก้าวสู่ระดับเตรียมสู่เทวะแล้ว

และเห็นได้ชัดว่าระดับเตรียมสู่เทวะระดับนี้ ไม่เพียงแต่ต้องมีพลังบำเพ็ญที่มากพอเท่านั้น ยิ่งต้องมีเงื่อนไขพิเศษบางอย่าง ดังนั้นจนกระทั่งตอนนี้ ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา นอกจากพวกรัฐทายาทแล้ว ระดับเตรียมสู่เทวะที่ปรากฏตัวขึ้นใหม่ ในห้วงเวลาอันยาวนานมีน้อยเป็นอย่างยิ่ง

ต่อให้เป็นร่างแยกร่างนี้ของเสินเชวี่ยจื่อ ตอนนี้ก็เป็นเพียงระดับครึ่งก้าวสู่ระดับเตรียมเทวะเท่านั้น ส่วนร่างจริงของนางในตอนนั้นเป็นเช่นไร เรื่องนี้ได้จมไปในห้วงประวัติศาสตร์แล้ว

ตอนนี้คนที่ถึงระดับเตรียมสู่เทวะมีแค่จักรพรรดิตำหนักเท่านั้น

แต่ว่าระดับเตรียมสู่เทวะของเขาถือเป็นสิ่งที่ประกอบขึ้นและเพิ่มพลังเท่านั้น มีข้อบกพร่องอันร้ายแรง

ดังนั้นการปรากฏขึ้นขององครักษ์เลือดตำหนักแดงเก่าแก่โบราณทั้งเก้า สำหรับสถานการณ์ศึกนอกคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่แล้วมีผลกระทบเป็นอย่างมาก หากพวกเขาเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ด้วย เช่นนั้นข้อได้เปรียบจากวิญญาณศึกของตำหนักขบถจันทร์ก็จะสูญสิ้นไป

แต่ฝีเท้าของหลี่เซียวซานไม่ได้หยุดลง กลับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของเขาฉายจิตต่อสู้ออกมา ทั่วทั้งร่างในเสี้ยวขณะนี้เริ่มเผาไหม้ขึ้นมาอย่างไม่ลังเล

การเผาไหม้นี้ไม่ใช่เกิดจากวัตถุ แต่เกิดจากแก่นแท้ภายใน

จากการเผาไหม้นี้ หน้าตาของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงหมุนย้อน ไม่ได้เป็นชายชราอีกต่อไป แต่แปรเปลี่ยนเป็นชายกลางคน กลิ่นอายก็มาถึงระดับสูงสุดของชีวิต

ตอนนี้ขณะที่ทะยานมาอย่างเร็วรี่ ปากก็ส่งเสียงดังก้องออกมาด้วย

“ข้าแซ่หลี่คนนี้ ตลอดทั้งชีวิตผ่านสงครามเป็นตายมาเจ็ดพันกว่าครั้ง พันกว่าครั้งแรกระดับเดียวกัน และภายหลังข้าบรรลุพลังดั้งเดิมสังหาร ทุกศึกข้ามขั้น!

“องครักษ์เลือดทั้งเก้าที่ระดับเดียวกับข้า ข้าคนเดียวสามารถสู้ได้ทั้งหมด”

หลี่เซียวซานคำรามเสียงต่ำ ความเร็วพลันปะทุขึ้นมา แล้วแปรเปลี่ยนเป็นรอยเงาเก้าทาง ทะยานไปยังองครักษ์เลือดทั้งเก้าที่เดินมาบนพื้น รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง มาถึงข้างหน้าพวกมันในพริบตา ดาบใหญ่ในมือ ต่างฟันออกไป

การปะทะซึ่งกันและกัน เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังกึกก้อง หลี่เซียวซานกระอักเลือดออกมา ร่างถอยหลังไปสามเก้า ฝืนหยุดเอาไว้ ส่วนฝีเท้าที่เดินก้าวมาขององครักษ์เลือดทั้งเก้าก็ต่างหยุดลง

เสี้ยวขณะต่อมา ม้าตัวหนึ่งสั่นสะท้าน ตัวแยกออกกลายเป็นสองท่อน องครักษ์เลือดต่างเผ่าบนนั้น ก็มีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังออกมาจากเกราะ แล้วพังทลายลงทันที เผยให้เห็นกายเนื้อเหี่ยวแห้งใต้เกราะ

และกายเนื้อนี้ก็ไม่อาจทนรับ เกิดรอยดาบขึ้น รอยดาบนี้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ชัดขึ้นเรื่อยๆ สุดท้าย…องครักษ์เลือดต่างเผ่า ร่างก็เหมือนกับม้า ขาดเป็นสองท่อน

บนพื้นดิน ตำหนักเทพทั้งเก้ากะพริบแสงคำรามลั่น หนึ่งในนั้นตอนนี้แสงมอดดับ ตำหนักเทพพังทลาย

ดาบขั้นสุดยอดของหลี่เซียวซานดาบนี้น่าหวาดหวั่นทรงพลังนัก

เลียเลือดที่มุมปาก จิตต่อสู้ในดวงตาหลี่เซียวซานยิ่งเข้มข้นขึ้น ตอนนี้เขาไม่สนใจความเป็นตายของตัวเองแล้ว และเขารู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่าการฟื้นคืนชีพของตำหนักขบถจันทร์ไม่ได้ทำได้อย่างไร้ขีดจำกัด

ขีดจำกัดของเขามาถึงแล้ว

แต่เขาไม่สนใจ ดาบใหญ่กวัดแกว่ง ทะยานไปอีกครั้ง

อีกด้านหนึ่ง เสินเชวี่ยจื่อที่ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ เหยียบทะเลเพลิง พุ่งเข้าไปหาจักรพรรดิตำหนัก

แต่พลังรากฐานของตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดยังคงมีอยู่

จักรพรรดิตำหนักสีหน้าสงบนิ่ง ยกมือขวาอีกครั้ง กดไปที่พื้น

บทที่ 683 ราวผู้ปกครองราวเจ้าเหนือหัว 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา