บทที่ 692 ข้าก็มีผู้อยู่เบื้องหลังเช่นกัน
แผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา เกาะพระจันทร์สีชาด
ที่นี้ฟ้าดินครืนครัน ลมโหมเมฆทะลัก ต้นกำเนิดทั้งหมดนี้คือรูปสลักเจ้าเหนือหัวที่ตั้งตระหง่านค้ำฟ้านั่น
รูปสลักที่ถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่ตรงนั้น บัดนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นมา
ฝุ่นรวมถึงเศษหินมากมายกระจายออกมาจากรูปสลัก เกิดรอยแตกร้าวขึ้นบนรูปสลักเป็นทางๆ แผ่ลามออกไปอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน แสงสีขาวซึ่งแปรมาจากพลังแห่งเจตจำนงตั้งมั่นของสรรพชีวิตที่เข้ามาจากทั้งแปดทิศก็หลั่งทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ผสานเข้าไปในรูปสลักเจ้าเหนือหัวหลี่จื้อฮว่าไม่หยุด ฟื้นฟูเลือดเนื้อของเขา จนทำให้การสั่นไหวของรูปสลักยิ่งรุนแรงขึ้น
พวกรัฐทายาทนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศรอบๆ รูปสลัก ในรอยแยกกลางหน้าผากของแต่ละคนมีเลือดลอยออกมาทีละหยด
เลือดที่แฝงพลังต้นกำเนิดเดียวกันเอาไว้เหล่านี้ หยดลงไปบนรูปสลักเสด็จพ่อของพวกเขา ค่อยๆ ฟื้นฟูจิตใจขึ้นมา
แต่เห็นได้ชัดว่าการคืนชีพเจ้าเหนือหัว ไม่ใช่เรื่องง่าย
หนิงเหยียนตอนนี้ทำหน้าประจบเอาใจจากคำพูดของสวี่ชิงและนายกอง ในสมองผุดภาพขันทีข้างกายเสด็จพ่อตัวเองขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว จึงเผยสีหน้าแบบเดียวกันออกมาด้วยสัญชาตญาณ
แต่ในใจเขา กลับปวดร้าวเสียเหลือเกิน
‘ข้าคือองค์ชายนะ พวกเจ้าทำเกินไปแล้ว!
‘ลูกพี่สวี่ยังพอว่า ถึงอย่างไรเขาก็ไม่รู้ตัวตนของข้า ก่อนหน้านี้ยังเคยช่วยชีวิตข้าไว้ ดีกับข้ามาก แต่เจ้าเฉินเอ้อร์หนิวที่สมควรตายด้วยมีดพันเล่มนั่น!
‘เขากลับรู้ตัวตนที่แท้จริงของข้ามาตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังกล้าทำเช่นนี้กับข้า!
‘คอยดูเถอะ รอให้ข้ากลับไปดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิเสียก่อน ข้าจะให้เจ้าได้เห็นพลังอำนาจขององค์ชาย!’
ขณะที่ในใจหนิงเหยียนโหมซัด นางกองทางนั้นก็หรี่ตาลง ส่งเสียงเยือกเย็นออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงตา
“ทำไม หนิงหนิงน้อย ข้ารู้สึกเหมือนเจ้ากำลังด่าข้าในใจอยู่นะ”
หนิงเหยียนตัวสั่น รีบโน้มตัวลงประจบ ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
“จะเป็นไปได้อย่างไรขอรับ ศิษย์พี่เอ้อร์หนิว ท่านมีบุญคุณอันยิ่งใหญ่กับข้า อย่าว่าแต่ให้คุกเข่าเลย ต่อให้ต้องสละชีพข้าก็จะไม่พูดพร่ำสักคำ ช่วงที่มีความสุขที่สุดในชีวิตนี้ของข้า ก็คือตอนที่ได้วนมาเจอกับศิษย์พี่ ความรู้สึกคล้ายได้โบยบินเช่นนั้น ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
เดิมทีหนิงเหยียนไม่ถนัดการประจบสอพลอ แต่หลังจากมาถึงแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา ทุกอย่างก็ค่อยๆ ถูกเปลี่ยนไป…
สวี่ชิงมองหนิงเหยียนผาดหนึ่ง สมองอดปรากฏภาพตอนเจอกันครั้งแรกที่เสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะในตอนนั้นไม่ได้ ท่าทางดื้อรั้นเช่นนั้น
บัดนี้ความดื้อรั้นดังกล่าว ไม่เหลืออยู่นานแล้ว…
ส่วนตัวตนของอีกฝ่าย แม้ก่อนหน้านี้สวี่ชิงจะไม่รู้ แต่ความพิเศษของสายเลือดหนิงเหยียนรวมถึงการโน้มน้าวของศิษย์พี่ใหญ่บ่อยครั้ง อันที่จริงทุกอย่างนี้ก็บ่งบอกได้แล้ว
ดังนั้นสวี่ชิงจึงคาดเดาเรื่องนี้ไว้บ้าง เมื่อศิษย์พี่ใหญ่บอกออกมาตอนนี้ เขาจึงไม่รู้สึกเกินคาดเท่าไรนัก
ส่วนหนิงเหยียนเองก็ไม่กล้าชักช้า รีบวิ่งไปอยู่เบื้องหน้ารูปสลักเจ้าเหนือหัวหลี่จื้อฮว่า ทิ้งตัวคุกเข่า ตะโกนเสียงดัง
“ผู้อาวุโสเบื้องบนขอรับ ผู้น้อยเป็นลูกหลานในยุคที่สามพันเก้าร้อยสิบห้าของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว กู่เยว่หนิงเหยียน ขอเจ้าเหนือหัวสบายพระทัย!”
ขณะที่พูดออกไป สีหน้าประจบสอพลอของหนิงเหยียนก็หายไป แทนที่ด้วยความเคร่งขรึม เสียงก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนก่อน เพิ่มความทุ้มต่ำและความน่าเกรงขามขึ้นมาเล็กน้อย
แม้เขาจะคุกเข่าอยู่ แต่หลังก็ยังคงเหยียดตรง กลิ่นอายเหมือนมีเสียงมังกรคำรามดังขึ้นมาขณะที่โคจรพลังบำเพ็ญ
ทั้งที่สวมชุดพนักงานอยู่ แต่เขาตอนนี้ กลับเปล่งรัศมีที่ไม่ธรรมดาออกมา สายตาแน่วแน่ โดยเฉพาะหลังจากที่เขายกมือขึ้นแตะที่หน้าผาก จากการวาดเบาๆ จากการที่เลือดสดหยดหนึ่งไหลออกมา ความว่างเปล่าด้านหลังก็โหมซัดในทันใด
ขณะที่เลือนรางเหมือนมีร่างมายาหลายร่างผุดขึ้นมาด้านหลังของเขา ร่างเงาทุกร่าง ล้วนสวมชุดคลุมจักรพรรดิ สวมกวานจักรพรรดิ พลังอำนาจท้วมท้น
ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงต้องมองอยู่สองสามครั้ง ส่วนนายกองทางนั้นกะพริบตาปริบๆ ไม่พูดอะไร
ส่วนหนิงเหยียน ตอนนี้ก็มาพร้อมรัศมีอำนาจยิ่งใหญ่มองไปที่รูปสลักหลี่จื้อฮว่า เอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า
“ผู้น้อยรับคำสั่งจากจักรพรรดิมนุษย์ ให้มาที่แผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา เพื่อช่วยเหลือฟื้นคืนชีพแก่เจ้าเหนือหัว”
“เจ้าเหนือหัว…โปรดกลับมา!”
หนิงเหยียนก้มหน้าคารวะ เคารพอย่างสุดซึ้ง เลือดที่หน้าผากลอยออก เงาจักรพรรดิจำนวนมากด้านหลังก็ทะลักเข้าไปด้านใน ลอยไปที่รูปสลักเจ้าเหนือหัวหลี่จื้อฮว่า
ผสานเข้าไปที่กลางหน้าผากรูปสลัก
พริบตาต่อมา รูปสลักหลี่จื้อฮว่าสั่นสะเทือนเลือนลั่น เจตจำนงคืนชีพรุนแรงขึ้นมหาศาลในเสี้ยวขณะนี้
เลือดหยดนั้น แฝงสายโลหิตของจักรพรรดิมนุษย์เอาไว้ สำหรับเผ่ามนุษย์แล้วสูงส่งอย่างยิ่ง
ยังไม่จบ ขณะที่รูปสลักเจ้าเหนือหัวหลี่จื้อฮว่ายิ่งสั่นครืนครัน อู๋เจี้ยนอูก็ไม่น้อยหน้า กางแขนทั้งสองข้างโบกทันที
“โอรสสวรรค์ความว่างเปล่าหมื่นวิถี กลับคืนสู่เก้ามณฑล เคียงข้างผู้ที่เจ้าเรียกว่าบิดา!”
ขณะที่เสียงเขาสะท้อนก้อง อสูรร้ายที่มีคลื่นพลังสายโลหิตเข้มข้นแฝงอยู่ ก็ปรากฏตัวขึ้นรอบๆ อู๋เจี้ยนอูอย่างรวดเร็ว ในบรรดานี้มีทั้งหมี พยัคฆ์ เต่า สุนัข และยังมีอสูรอีกมากมายหลายแบบ
เจ้านกแก้วก็อยู่ในนี้ด้วย
มากมายเต็มไปหมด หลังจากที่ปรากฏมานับสิบตัว ความว่างเปล่ารอบๆ ก็สั่นสะท้าน คลื่นพลังแผ่ออกไประลอก จากนั้นอสูรร้ายเหล่านี้ ก็มองไปทางอู๋เจี้ยนอู
“ใช้ดวงชะตาข้าขัดลิขิตสวรรค์ เหล่าทายาทยังไม่คุกเข่าลงอีกหรือ!”
อู๋เจี้ยนอูเย่อหยิ่งจองหอง เพียงแต่เหล่าอสูรร้ายทายาทของเขานั้นส่วนใหญ่ยังสีหน้ามึนงง เห็นได้ชัดว่าต่อให้ติดตามอู๋เจี้ยนอูมานาน แต่พวกมันก็ยังฟังคำพูดของอู๋เจี้ยนอูไม่ค่อยเข้าใจนัก
อู๋เจี้ยนอูไม่สบอารมณ์ กวาดตามองเจ้านกแก้ว
เจ้านกแก้วเงยหน้าขึ้น ร่างกายประหนึ่งท่อนไม้ เปล่งเสียงแหลม
“คุกเข่า คำราม!”
อสูรร้ายทั้งหมดก็พลันคุกเข่าลงพร้อมกัน แต่ละตัวส่งเสียงคำราม
ใช้เสียงของพวกมัน ใช้ต้นกำเนิดสายโลหิตของพวกมัน อัญเชิญเจ้าเหนือหัวหลี่จื้อฮว่า


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา