บทที่ 702 ยามเสี้ยวหน้าเทพเจ้ามองไปยังแผ่นดินเทวะ จะเกิดอะไรขึ้น
ตาของเสี้ยวหน้าไม่ได้ลืมขึ้นโดยสมบูรณ์ เพียงแค่ลืมขึ้นเป็นรอยแยกทางหนึ่งเท่านั้น
ทันทีที่รอยแยกปรากฏขึ้น ร่างสวี่ชิงก็ระเบิดคำราม ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบรรยายได้เหมือนคลื่นพิโรธท่วมจมเขาจนมิด
เลือดเนื้อแต่ละก้อนๆ ในร่างของเขาระเบิดอย่างรวดเร็ว เส้นลมปราณในร่างและกระดูกต่างแหลกสลาย
ทั้งคนยืนหยัดไม่ได้อีกต่อไป ล้มลงบนพื้น
วิญญาณและพลังบำเพ็ญของเขาในเสี้ยวขณะนี้ก็เกิดการมอดดับ
ราวกับเขากลายเป็นเทียนเล่มหนึ่งกำลังแผดเผาทุกสิ่ง เป็นพลังให้กับดวงตาเสี้ยวหน้าเทพเจ้า
แต่สุดท้ายแล้วพลังบำเพ็ญของเขาก็ไม่เพียงพอ ตอนนี้ดวงตาเสี้ยวหน้าเทพเจ้าเปิดเป็นรอยแยก ก็แทบจะสูบพลังเขาแห้งแล้ว
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ต่อให้ดวงตาของเสี้ยวหน้าเปิดเป็นเพียงแค่รอยแยกทางหนึ่งเท่านั้น ก็ยังคงทำให้โลกในวังจันทราเงียบสงัดไปในทันที
เงาร่างอดีตของชื่อหมู่ส่งเสียงครวญครางโหยหวนออกมา ร่างกำลังละลาย แผ่หมอกสีแดงจางๆ ไม่หยุด เหมือนว่าถูกลบเลือนไป
ประตูไม้ที่อยู่ข้างๆ สั่นสะท้านรุนแรง กำลังเปื่อยเน่า เกิดไอสีดำลอยขึ้น ในนั้นมีเสียงที่ตื่นกลัวสุดขั้วหัวใจดังออกมา
“เทพบิดร…”
ส่วนพวกรัฐทายาท ในใจก็เกิดระลอกคลื่นหมื่นจั้งเช่นกัน แต่ละคนหน้าขาวซีด ร่างของพวกเขากำลังถูกโจมตีรุกรานอย่างสาหัส วิธีนี้ของสวี่ชิงไม่แบ่งแยก ขอเพียงอยู่ในโลกใบนี้ก็ต่างได้รับอิทธิพลทั้งสิ้น
นายกองทางนั้นก็เช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาผสานไปในร่างชาติที่แล้ว แปรเปลี่ยนเป็นหนอนสีฟ้าน้ำเงินจำนวนมหาศาล แม้ส่วนมากจะแหลกสลายไปจากการต่อกรกับชื่อหมู่และกัดกินประตูไม้ไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีอีกจำนวนหนึ่งที่ซ่อนอยู่บนพื้น
เดิมกำลังจะผสานเข้าด้วยกันก่อเป็นร่างใหม่อีกครั้ง แต่ตอนนี้…ร้องโหยหวนน่าเวทนาอย่างอดไม่ได้ แและในเสียงร้องน่าสังเวชนี้ ในดวงตาของเขาก็ฉายความตื่นกลัวออกมาเช่นกัน
เพียงแต่ความตื่นกลัวนี้เหมือนไม่ได้มาจากเสี้ยวหน้าเทพเจ้า แต่มาจากดาวพระจันทร์สีชาดเอง
เพราะในการร้องครวญครางของนายกอง ทิศทางที่สายตามองไปคือแผ่นดินพระจันทร์สีชาด…เขาเหมือนอยากอ้าปากพูดอะไร แต่คำพูดทุกอย่างตอนนี้กลับไม่สามารถเอ่ยออกไปได้อย่างน่าแปลกประหลาด
ตอนนี้หากมีคนยืนอยู่บนพื้นที่สูง ก้มมองทุกอย่างของพระจันทร์สีชาด เช่นนั้นก็ตะเห็นว่าโลกของวังจันทราก็ได้รับอิทธิพลเช่นกัน
เมืองรกร้างที่ตั้งตระหง่านบนพื้นดินรางเลือนไปหมด สลัวคลุมเครือราวเมืองผี เงียบนิ่งท่ามกลางฝนเลือด
ท้องฟ้าหมองหม่น สายฟ้าทางแล้วทางเล่าแหวกฟาดผืนฟ้า ทำให้ฟ้าดินทั้งผืนกะพริบวูบวาบ
แต่กลับไม่มีเสียงฟ้าผ่าดังออกมา มีเพียงน้ำฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างเงียบงัน
ส่วนเสี้ยวหน้าเทพเจ้าที่อยู่สูงบนฟ้า ไร้สุข ไร้ทุกข์ ความเย็นชาเหมือนเป็นอารมณ์ความรู้สึกเพียงอย่างเดียวที่มี เหมือนว่าสำหรับองค์ท่านแล้ว จะเป็นผู้บำเพ็ญก็ดี จะเป็นคนธรรมดาก็ช่าง ต่อให้เป็นเทพชั้นสูง…
ก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไร
ไอพลังประหลาดที่มาจากเสี้ยวหน้าเทพเจ้า ในเสี้ยวพริบตานี้พวยพุ่ง เหมือนเป็นต้นกำเนิดทุกอย่าง โจมตีทุกอย่าง
ความทรงพลังและความน่ากลัวขององค์ท่านไม่ใช่สิ่งที่เทพเจ้าองค์อื่นจะเทียบได้เลย หรือพูดได้ว่า เทพเจ้าก็ถูกโจมตีเช่นกัน
ในเมื่อ บนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์สายตาขององค์ท่านสามารถเปลี่ยนพื้นที่ต้องห้ามได้ หากมองไปยังพื้นที่ต้องห้ามก็จะกลายเป็นแดนต้องห้าม
หากมองไปทางแดนต้องห้ามก็จะกลายเป็นแผ่นดินเทวะ!
ส่วนวังจันทราเองก็เป็นประเภทหนึ่งของแผ่นดินเทวะเช่นกัน…ไม่มีใครรู้ว่า หากเสี้ยวหน้าเทพเจ้ามองไปยังแผ่นดินเทวะ จะเกิดอะไรขึ้น
ทั้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ นับจากที่เสี้ยวหน้าเทพเจ้าปรากฏขึ้น ก็ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ขีดจำกัดสูงสุดที่สายตาของเสี้ยวหน้าเทพเจ้าจะมองไปคือสามครั้ง
สายตาขององค์ท่านทำให้เกิดแผ่นดินเทวะ แต่หลังจากเกิดเป็นแผ่นดินเทวะแล้ว องค์ท่านก็ไม่เคยมองไปอีก!
เสี้ยวหน้าเทพเจ้าที่ปรากฏขึ้นในตอนนี้แม้จะเป็นเพียงภาพในความทรงจำของสวี่ชิง แต่เสี้ยวหน้าเทพเจ้าคุณสมบัติสายเลือดสูงยิ่งนัก ต่อให้ดวงตาในภาพนี้ห่างชั้นกับร่างเดิมอย่างมหาศาล แต่ก็ยังคงมีอำนาจเทพอยู่บ้าง
ดังนั้น ตอนนี้จึงเกิดภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในห้วงเวลาอันเนิ่นนานของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
ดวงตาของเสี้ยวหน้าเทพเจ้ามองไปยังแผ่นดินเทวะ…
ทั้งวังจันทรา ทั้งดาวพระจันทร์สีชาดแข็งค้างไปในทันที ดำเนินไป…ในทิศทางที่ไม่ทราบได้!
การเปลี่ยนแปลงประเภทนี้อัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ลึกล้ำเกินหยั่งถึงเป็นที่สุด
อันดับแรก จะเป็นวังจันทราก็ดี หรือจะเป็นดาวพระจันทร์สีชาดก็ดี มันเหมือนถูกสกัดกั้นอยู่นอกเวลาของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ทั้งดาวพระจันทร์สีชาดพร้อมทั้งวังจันทราเน่าเปื่อยไปในทันที แล้วก่อขึ้นใหม่อีกครั้งในเสี้ยวพริบตา
หินผา วัง ทุกอย่างบนดาวล้วนกำลังเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวพันกับเวลา
เวลาบนดาวพระจันทร์สีชาดไหลไป กำลังปะทุอย่างบ้าคลั่ง!
ดาวทั้งดวงประเดี๋ยวๆ ก็มีภูมิประเทศยุคบรรพกาลปรากฏขึ้น ประเดี๋ยวๆ ก็แตกสลายพังทลาย เปลี่ยนแปลงไปไม่หยุดในเสี้ยวพริบตา เหมือนขัยับเขยื้อนไปด้วยความเร็วสูงสุดในช่วงเวลาที่ต่างกัน
มีเพียงดาวพระจันทร์สีชาดเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ นอกดวงดาวทุกอย่างเป็นปกติ
และการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ความตื่นตะลึงและความตื่นกลัวที่นำมาให้คนทั้งหลายก็แปรเปลี่ยนมาไร้ขีดจำกัด พวยพุ่งจนถึงขีดสูงสุด
ยิ่งมีเสียงของเทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียนที่อยู่ในประตูดังสะท้อนมาอย่างสั่นคลอน
“หยุดนะ!”
“เทพบิดรมองไปทางแผ่นดินเทวะจะเกิดเรื่องน่ากลัวเป็นอย่างยิ่งขึ้น!”
“หยุด!!”
จนถึงสุดท้าย เทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียนที่อยู่ในประตูไม้ ส่งเสียงหวีดแหลมสุดขีดออกมา เสียงนี้ทรงพลังแข็งแกร่ง สามารถพังทลายจิตใจทุกอย่าง
แต่ตอนนี้ ภายใต้ดาวพระจันทร์สีชาดที่ปะทุบ้าคลั่งกระโดดปรากฏไปในเวลานับไม่ถ้วน ก็ไม่สามารถดังออกไปได้ไกลสักเท่าไร สุดท้าย องค์ท่านทำได้เพียงเลือกที่จะส่งเสียงไปทางเอ้อร์หนิวทางนั้น
เสี้ยวขณะต่อมา ร่างที่กำลังก่อตัวขึ้นของเอ้อร์หนิวสั่นสะท้าน เสียงร้องน่าสังเวชที่ไม่อาจควบคุมได้พลันหยุดลง ความหวาดกลัวในดวงตาเข้มข้นจนถึงขีดสุด พลันมองไปทางสวี่ชิง เอ่ยอย่างรวดเร็ว
“อาชิงน้อย รีบหยุดเดี๋ยวนี้!”
“เสี้ยวหน้าเทพเจ้าเมื่อมองไปทางแผ่นดินเทวะ…จะเกิดเป็นอาณาจักรเทวะ!”
“อาณาจักรเทวะไม่อาจทำความเข้าใจได้ นับเป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!”
นายกองร้อนรน คลานไปทางสวี่ชิง

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา