บทที่ 704 หลี่จื้อฮว่ากับชื่อหมู่
เหล่าตัวตนสูงสุดที่ตื่นตะลึงเหล่านี้ ยังรวมไปถึงแผ่นดินใหญ่ของเผ่าฟ้าทมิฬด้วย มีผู้แข็งแกร่งเตรียมสู่เทวะปรากฏตัวออกมา
ในเผ่าฟ้าทมิฬ การเปลี่ยนแปลงฉากหนึ่งกำลังปะทุขึ้น
สงครามกำลังเปิดฉาก!
หลังจากที่จักรพรรดิมนุษย์ปล่อยดวงตะวันแห่งแสงอรุณที่สมบูรณ์แบบทั้งสองดวงออกมาในตอนนั้น เผ่าฟ้าทมิฬก็พ่ายแพ้ราบคาบ บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน สุดท้ายจึงทำได้เพียงนำทั้งเผ่าหดหัวกลับเข้าไปอยู่ในแผ่นดินใหญ่ของตัวเอง กระตุ้นสมบัติแดนสงคราม สร้างเกราะป้องกัน ใช้สิ่งนี้ต้านทาน
แม้เผ่ามนุษย์จะนำทหารกลับไปแล้ว แต่แสงที่มาจากดวงตะวันแห่งแสงอรุณในเผ่าฟ้าทมิฬยังคงส่องสว่างที่นั่น จึงยังมีการบาดเจ็บอยู่ตลอดเวลา หลายปีมานี้คนในเผ่าที่ตายไปเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คนในเผ่าที่เกิดใหม่ก็น้อยถึงน้อยมาก
สำหรับเผ่าฟ้าทมิฬ มูลค่าของสงครามครั้งนี้หนักหนานัก หนักจนถึงขั้นสั่นสะเทือนรากฐานของเผ่า ส่วนเทพเจ้าของพวกเขา ก็คล้ายจะทอดทิ้งพวกเขาแล้ว อัญเชิญไปนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใด
สิ่งนี้ทำให้เผ่าฟ้าทมิฬยิ่งน่าเวทนา เพราะความพิเศษของร่างกาย ในช่วงหลายปีนี้พวกเขายังต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างต่อเนื่อง และไร้เรี่ยวแรงจะทำสงคราม พวกเขาแค่อยากใช้ชีวิตให้ผ่านช่วงหนาวเหน็บนี้ของเผ่าไปให้ได้เท่านั้น
แต่…สงครามไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาไม่อยากทำแล้วจะไม่มาเยือน
ครั้งนี้ฝั่งที่ปะทุสงครามขึ้นมาเป็นฝั่งแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ กองทัพเผ่ามนุษย์รวมถึงทหารใต้บังคับบัญชาของต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์ ทะลวงเกราะป้องกันเผ่าฟ้าทมิฬได้จุดหนึ่ง
และจากรอยแหว่งนี้ กองทัพก็หลั่งทะลักเข้าไป
ผู้ที่นำทัพใหญ่เผ่ามนุษย์ ไม่ใช่องค์ชายเจ็ด…แต่เป็นผู้แข็งแกร่งที่มาจากตระกูลของมารดาเขา ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสามสิบสามอ๋องสวรรค์เผ่ามนุษย์
อ๋องเทียนชาง!
และเป็นน้าขององค์ชายเจ็ด!
เขาออกนำทัพด้วยตนเอง ควบคุมกำลังทหารทั้งหมดในแผ่นดินใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ เปิดฉากสงครามกับเผ่าฟ้าทมิฬ และเป็นเขาที่ใช้สมบัติชั้นสูงเปิดเกราะป้องกันของเผ่าฟ้าทมิฬ
กระทั่งต้ากงคลื่นศักดิ์สิทธิ์ เผชิญหน้ากับอ๋องเทียนชาง ก็ยังต้องก้มหน้า
เพราะสามสิบสามอ๋องสวรรค์เผ่ามนุษย์ ทุกคน…ล้วนเป็นเตรียมสู่เทวะ!
เวลานี้สงครามปะทุขึ้น สนามรบเสียงดังครืนครัน ขณะที่สังหารอย่างน่าครั่นคร้าม ในแผ่นดินใหญ่เผ่าฟ้าทมิฬ ไม่ว่าจะฝ่ายใด แค่มีพลังบำเพ็ญอยู่ในระดับสูงสุด ล้วนใจสั่นสะเทือนในพริบตา เงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า มองเสี้ยวหน้าเทพเจ้าไปตามสัญชาตญาณ
เสี้ยวขณะที่หมื่นเผ่าจับตามอง ในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา บนดาวพระจันทร์สีชาด ในวังจันทรา…กลิ่นอายของชื่อหมู่ ก็พวยพุ่งขึ้นฟ้า
พื้นดินของวังจันทรากลายเป็นทะเลเลือดเหนียวข้น ขณะที่ทะเลเลือดโหมซัด เหล่ารัฐทายาทก็ได้สติกลับคืนมา ต่างถอยไปด้านหลัง ตอนไปถึงรอบตัวสวี่ชิง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอ่อนล้าอย่างยิ่ง
สวี่ชิงก็บาดเจ็บสาหัส นายกองทางนั้นก็เช่นกัน ตอนนี้พวกเขาทุกคนล้วนเป็นดั่งไฟที่ใกล้มอดดับ
“จากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะสั่นคลอนได้แล้ว”
นายกองมองสวี่ชิงผาดหนึ่ง เอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง
สวี่ชิงพยักหน้าอย่างอ่อนแรงเล็กน้อย มองไปทางทะเลเลือด
ทะเลเลือดนี้ยิ่งโหมกระหน่ำ เสียงครืนครันดังก้อง หมุนวนอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นคลื่นวน ในคลื่นวนนั้น มีเงาร่างหนึ่งกำลังเดินออกมา
ร่างนี้ไม่ใช่ร่างมนุษย์ เหมือนกับก้อนเนื้อที่มีปีกจำนวนมหาศาลงอกอยู่ด้วยกัน สลับทับซ้อนกัน ต่างสยายออกไป จนกลายเป็นรยางค์นับไม่ถ้วน ขณะที่กวัดแกว่งดั่งเป็นวัตถุที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์
มีเพียงตรงกลาง ที่มีใบหน้านูนออกมา ใบหน้านี้ไม่มีผิวหนัง มีเพียงเลือดเนื้อ ขยุกขยิกตลอดเวลา แผ่กลิ่นอายน่าครั่นคร้าม
และรอบๆ ใบหน้านี้ยังมีดวงตาอีกนับไม่ถ้วนเรียงรายเป็นแถบๆ ขนาดไม่เท่ากัน และไม่มีระเบียบ
ตอนนี้ในดวงตาทุกดวง สะท้อนเงาของพวกสวี่ชิง แปลกประหลาดถึงขีดสุด
องค์ท่านไม่มีแขน ไม่มีขา คล้ายรูปสลักก้อนเนื้อขนาดยักษ์ ค่อยๆ ลอยออกมาคลื่นวนทะเลเลือด
แรงกดดันน่าสะพรึง บิดเบี้ยวทั้งวังจันทรา ทั้งพระจันทร์สีชาด รวมถึงทั้งแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา
ที่เดินออกมานี้ คือร่างเดิมของชื่อหมู่!

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา