บทที่ 714 สภาวะเทพของสวี่ชิง
สมบัติลับเป็นพื้นฐานของระดับสมบัติวิญญาณ คุณสมบัติของมันแล้วคล้ายกับจุดไฟชีวิตในระดับหนึ่ง
ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานที่ไม่ได้จุดไฟชีวิตก็เป็นเพียงระดับรวมปราณที่สูงขึ้นมาอีกนิดเท่านั้น มีเพียงจุดไฟชีวิตถึงจะเกิดการเปลี่ยนสภาพ
ระดับสมบัติวิญญาณก็เช่นกัน
และการปรากฏของสมบัติลับสามารถยกระดับให้กับผู้บำเพ็ญในทุกๆ ด้านอย่างมหาศาล จากการแผดเผาของเตาหลอมวิถีสวรรค์ในนั้น สามารถมอบพลังอันน่าตื่นตะลึงให้กับผู้บำเพ็ญ ไม่ใช่แค่ทำให้ผู้บำเพ็ญระดับสมบัติวิญญาณใช้กฎเกณฑ์ได้ ยิ่งมอบกำลังรบที่น่าครั่นคร้ามให้
นี่เป็นความเข้าใจต่อสมบัติวิญญาณของสวี่ชิงเมื่อก่อนหน้านี้
จวบจนวันนี้ การปรากฏขึ้นของสมบัติเทพได้เปลี่ยนแปลงความรู้ความเข้าใจของสวี่ชิง
เขาสามารถสัมผัสความแตกต่างของทั้งสองฝ่ายได้อย่างชัดเจน นั่นไม่ใช่ความแตกต่างก่อนหลังการจุดไฟชีวิต แต่เป็นความห่างชั้นระหว่างผู้บำเพ็ญกับคนธรรมดา
แต่รายละเอียดและการโคจร สวี่ชิงยังต้องขบคิดและศึกษา ถึงจะควบคุมมันได้
เขาในตอนนี้หลังจากที่วิเคราะห์อย่างง่าย สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่ใช้มันเหมือนสมบัติลับทั่วไป เอาออกมาสยบหมื่นสรรพสิ่ง
‘วิธีน่าจะยังไม่ถูก’
สวี่ชิงเงียบนิ่ง มองไปรอบๆ การผนึกของที่นี่พังทลายแล้ว รอบๆ เป็นดินไหม้ๆ
“การสำแดงสมบัติเทพที่แท้จริงจ้องใช้เวลาไปศึกษาเข้าใจ”
สวี่ชิงพึมพำ ลุกขึ้น
เขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาศึกษา เพราะเขายังมีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าอีกเรื่องหนึ่งต้องทำ
ดังนั้นสวี่ชิงจึงเก็บถุงหนังลงไป เลือดเนื้อของชื่อหมู่ในนั้นยังมีอีกมาก แต่เขาในตอนนี้มาถึงจุดติดขัดชั่วคราว ไม่อาจดูดซับได้อีก ต้องรอให้สมบัติเทพคลังที่สี่ก่อขึ้นถึงจะดูดซับต่อไปได้
‘วัตถุนี้ราคายากที่จะประมาณ ทันทีที่ข้ามีแนวคิดและการเตรียมพร้อมสมบัติเทพคลังที่สี่ ก็อาศัยมันก่อขึ้นในพริบตา’
สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก เก็บถุงหนังลงไปอย่างระมัดระวัง จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก้าวเท้าเดินไปยังท้องฟ้าที่อยู่ที่ไกล
ทุกฝีเก้าที่เหยียบย่างลงมา พื้นดินใต้เท้าเขาก็จะหดเล็กลง นี่เป็นอิทธิพลจากกฎเกณฑ์ของเขา ในขอบเขตพลังความสามารถของเขา สรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนไปตามใจ
เช่นนี้เอง สวี่ชิงใช้วิธีที่เหนือกว่าจินตนาการของผู้บำเพ็ญทั่วไปเช่นนี้ เดินมาหนึ่งร้อยก้าว
จากที่ที่อยู่เดินมาถึงชายขอบที่ราบสำนึกบาป
ที่นี่ในอดีตเป็นทะเลเลือดและเกาะ แต่วันนี้หลังจากศึกเทพเจ้า หลังจากที่หลี่จื้อฮว่าทำการเซ่นสังเวย ที่นี่กลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม
กวาดตามองไป ทะเลเลือดถูกต้นไม้พืชพรรณมากมายมหาศาลปกคลุมแทนที่เต็มไปหมด ความมืดมิดและความเย็นยะเยือกคือทุกอย่างของพื้นที่บริเวณนี้
ไอพลังประหลาดยิ่งเข้มข้น ในขณะที่ส่งผลกระทบต่อทุกสิ่งก็ทำให้ในพื้นที่ต้องห้ามมีสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดนับไม่ถ้วนถือกำเนิดขึ้นมา
ซากตำหนักบุตรเทวะก็อยู่ในส่วนลึกของพื้นที่ต้องห้าม
ส่วนสวี่ชิงในตอนนี้ยืนอยู่ข้างนอกพื้นที่ต้องห้าม จ้องมองไปข้างหน้า หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก้าวเข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม ทีละก้าวๆ เดินตรงไปยังพื้นที่ใจกลาง
พืชพรรณรอบๆ ประดุจภูตผีวิญญาณร้าย สามารถสังหารคนธรรมดาที่บุกเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ต่อให้เผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญ ไอพลังประหลาดของพวกมันก็สามารถกลายเป็นอาวุธร้ายกาจได้
แต่สำหรับสวี่ชิง เดินอยู่ในนี้ไม่ต่างอะไรกับอยู่ข้างนอก
ต้นไม้สิ่งประหลาดทั้งหมดล้วนสั่นสะท้านก่อนที่สวี่ชิงจะเข้าใกล้เสียอีก เป็นฝ่ายหลบหลีกเอง ไม่กล้าสัมผัสเขาแม้เพียงน้อยนิด ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตสิ่งประหลาดที่ถือกำเนิดที่นี่เหล่านั้นก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน
อสรพิษบินสีแดงสลับดำตัวหนึ่งหนีไปจากที่นี่ช้าไปหน่อย ในเสี้ยวพริบตาที่สวี่ชิงเดินผ่านมันไป มันก็กลายเป็นกระดูก…ชีวิตของมัน ไอพลังประหลาดของมัน พลังของมันล้วนถูกดึงออกไปอย่างไร้สุ้มเสียง หายไปที่ข้างหลังสวี่ชิง
ข้างหลังเขามองไปเผินๆ ไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่หากมีพลังบำเพ็ญในระดับหนึ่งก็จะสัมผัสได้ว่าตรงนั้นเหมือนมีถ้ำมหึมาสามแห่ง กลืนกินทุกสิ่ง
บางทีสำหรับพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ ตัวตนของสวี่ชิงถึงจะเป็นพื้นที่ต้องห้าม
สวี่ชิงเคลื่อนไปข้างหน้าตลอดทางเช่นนี้เอง เดินผ่านทะเลเลือดในอดีต เดินมาถึงเกาะในอดีต จวบจนมาถึงข้างหน้าภูเขาเลือดเนื้อมหึมาลูกหนึ่ง ฝีเท้าสวี่ชิงก็หยุดชะงัก ประสานหมัดคารวะ
“คารวะท่านปู่เก้า”
ภูเขาเลือดเนื้อลูกนี้เป็นสีแดงสลับดำเช่นกัน เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ และเป็นศูนย์กลางของที่นี่เช่นกัน ยิ่งเป็นนายแห่งพื้นที่ต้องห้าม
มันก่อขึ้นจากเลือดเนื้อของหลี่จื้อฮว่า เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นใหม่ภายใต้สายตาเสี้ยวหน้าเทพเจ้า ตอนนี้เลื้อยขยุกขยิกอย่างช้าๆ ไม่ได้ตื่นขึ้นมา แต่อยู่ในสภาพนิทรา
แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังคงมีพลังกดดันน่าครั่นคร้ามปกคลุมไปทั่วทุกทิศ บิดม้วนมิติ
และเนื้อภูเขามีคนนั่งขัดสมาธิอยู่คนหนึ่ง
สวมชุดคลุมยาวสีดำทั้งร่าง ใบหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ข้างหน้ามีกระบี่ยาวเล่มหนึ่งวางอยู่
เป็นผู้อาวุโสเก้านั่นเอง
เขาลืมตาทั้งสองขึ้น มองสวี่ชิงอย่างสงบนิ่ง โดยเฉพาะข้างหลังสวี่ชิงมองอยู่หลายผาด ในดวงตายิ่งมีประกายแสงประหลาด จากนั้นครู่หนึ่งก็เอ่ยปากขึ้น
“มีเรื่องอะไร”
สวี่ชิงรู้ว่าท่านปู่เก้าข้างหน้าคนนี้นิสัยเย็นชา พูดน้อย กระทั่งว่าหลายครั้งล้วนเงียบนิ่ง แต่ในใจไม่ได้เย็นชาอย่างภายนอกที่แสดงออกมาแบบนี้ จึงพูดเสียงเบาออกไป
“ท่านปู่เก้า ผู้เยาว์ในครั้งที่เพิ่งมาถึงแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราเคยรับลูกศิษย์ไว้คนหนึ่ง
“นางแตกดับเพราะอุบัติเหตุ แต่ตอนนั้นมีคนบอกข้าว่า วิญญาณคนตายของแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา จะไม่เข้าสู่วัฏสงสาร แต่จะรวมอยู่ในตำหนักบุตรเทวะ
“ผู้เยาว์มาที่นี่เพราะอยากนำวิญญาณของลูกศิษย์ผู้เยาว์กลับคืนไปขอรับ”
“ชื่ออะไร” ผู้อาวุโสเก้าเอ่ยเสียงสงบนิ่ง
“สือพั่นเยี่ยน นางชื่อสือพั่นเยี่ยนขอรับ” สวี่ชิงเอ่ยเสียงเบา
ผู้อาวุโสเก้าหลับตา คล้ายว่ากำลังสัมผัส หลังจากนั้นครู่หนึ่งดวงตาทั้งสองของเขาก็ลืมตื่นขึ้น ยกมือขวาขึ้นคว้าไปทางความว่างเปล่า ทันใดนั้น พื้นที่ต้องห้ามทั้งผืนสั่นสะเทือน คลื่นวนลูกมหึมาลูกหนึ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
ท่ามกลางการหมุนวนส่งเสียงคำรามลั่น แสงสีขาวกลุ่มหนึ่งลอยออกมาจากในนั้นอย่างช้าเนิบ ลอยไปหาสวี่ชิง
ในแสงสีขาวเป็นเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่ง มือทั้งสองกอดเข่า หลับตาเหมือนหลับใหลในห้วงนิทราลึก แต่คิ้วขมวดแน่น สีหน้ามีความหวาดกลัวหลงเหลือ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้กล้าเหนือกาลเวลา